ตอนที่ 13 ภาพพ่อแม่ลูก1
ทั้งสองกระซิบกระซาบเสียงดุดันเริ่มทะเลาะกันอย่างดุเดือด
กระทั่งไฉ่ตันวิ่งออกมา ยิ้มแย้มทักทายเสียงสดใส “ข้าน้อยไฉ่ตัน คารวะนายหญิงผู้มีพระคุณขอรับ”
อดีตสามีภรรยาพลันรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าต่อหน้าเด็กห้ามใช้ความรุนแรง
พวกเขาจึงฟาดฟันทางสายตาโดยไร้วาจาแทน รอบด้านพลันเงียบงัน บรรยากาศแปลกแปร่งทันที แต่ไฉ่ตันกลับไม่รับรู้อันใด เด็กน้อยมิอาจรู้ถึงสงครามขนาดย่อมนั้น
แววตาของเขายังคงใสซื่อ ท่าทางน่ารักไร้เดียงสา ฝ่าเท้าน้อยๆ พาร่างเล็กๆ วิ่งดุกดิกเข้ามา
“ท่านผู้มีพระคุณของท่านย่า ข้าให้ท่านขอรับ” เด็กน้อยยื่นมือพร้อมขนมของโปรดให้ติงยวี่ถิง
หญิงสาวรีบรับไว้พร้อมรอยยิ้มกว้าง นางชอบเด็ก “ขอบใจมาก” แม้จะเป็นเพียงขนมลูกกวาดเคลือบน้ำตาล แต่คนที่ชอบคลุกคลีกับเด็กมาชาติที่แล้วพอมองออกว่ามีผลต่อจิตใจของเด็กอย่างไร ติงยวี่ถิงกุมขนมนั้นไว้อย่างถนอม “เจ้ามอบของล้ำค่าให้ข้าเช่นนี้ ช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน”
เด็กน้อยได้ยินเช่นนั้นพลันเบิกตากลมโตดีใจ รู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งที่มีคนรู้ค่าของมัน
“ท่านผู้มีพระคุณงดงามดุจดั่งเทพธิดาตามที่ท่านย่าว่าไว้จริงๆ” ไฉ่ตันหน้าแดงแก้มแดงเอ่ยอย่างขัดเขิน “นั่นคือขนมน้ำตาลเคลือบที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้ก่อนตายขอรับ”
ติงยวี่ถิงร้องอ้อในใจ ก้มมองขนมในมืออย่างอึ้งๆ เงยหน้ามองเด็กน้อยอย่างซาบซึ้ง
“เจ้าต้องตัดใจมากปานใดหนอถึงนำมาให้ข้าเช่นนี้ มีน้ำใจเกินไปแล้ว”
ไฉ่ตันยิ้มแฉ่ง “ข้ายังมีเหลืออีกขอรับ”
ติงยวี่ถิงจับมือเด็กชายเข้ามาใกล้ ลูบกระหม่อมอย่างเอ็นดู “เจ้าคือตันเอ๋อร์ที่เป็นเทพตัวน้อยมาจุติกระมัง ท่านป้าเล่าเรื่องเจ้าให้ฟังเยอะเลย ข้าดีใจที่ได้เจอตัวจริง น่ารักรู้ความ ภายหน้าเจ้าต้องได้เป็นจอมยุทธ์ผู้เกรียงไกรหรือไม่ก็ขุนนางใหญ่แน่นอน”
“โอ้! จริงหรือขอรับ”
ไฉ่ตันได้ฟังยิ่งเบิกตาโตมากกว่าเดิม เขานึกชมชอบสตรีตรงหน้ามากขึ้นไปอีก ถึงขั้นโผเข้าหาแล้วซบบนตัก ออดอ้อนอย่างน่ารัก “นายหญิง ท่านเป็นคนดีจริงๆ ด้วย”
เซียวหงเย่หรี่ตามองอดีตภรรยา “สร้างภาพ!”
ติงยวี่ถิงหันขวับ “เดี๋ยวเถอะ!” เงื้อมือทำท่าจะตีเขาสักเพียะแต่ไฉ่ตันเงยหน้าขึ้นพอดี นางจึงเปลี่ยนมาจับเขาอุ้ม แล้วพามานั่งด้านข้างกั้นกลางระหว่างคนตัวโตแทน
หึ! นั่งใกล้เด็กน้อยน่ารักดีกว่านั่งติดกับผู้ชายเจ้าชู้ หญิงสาวมองค้อน บอกกล่าวเช่นนั้นทางสายตา
เซียวหงเย่เลิกคิ้ว
ชายหญิงจ้องตากันไปมา ในขณะที่ไฉ่ตันนิ่งอึ้งไป เมื่อถูกอุ้มมานั่งตรงกลางเช่นนี้ เด็กชายตัวน้อยจึงนั่งนิ่ง สองตาแป๋วแหว๋วมองซ้ายทีขวาที สักพักพวงแก้มกลมๆ ก็เริ่มแดง ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น น้ำตาปริ่มๆ ตรงขอบตา
ติงยวี่ถิงชะงัก ก้มถามเสียงนุ่ม “ตันเอ๋อร์เป็นอะไร”
ไฉ่ตันก้มหน้า “ข้ากำลังรู้สึกดีเหลือเกิน เมื่อก่อนตอนท่านพ่อกับท่านแม่ยังอยู่ ข้าก็ชอบนั่งกับพวกท่านเช่นนี้ แม้จะเป็นเพียงภาพเลือนรางเพราะยังเด็กมากแต่ก็จำแม่น ข้า...เอ่อ...”
“มีอะไรหรือ ตันเอ๋อร์อยากได้สิ่งใด บอกมาเถอะ” เซียวหงเย่ก้มหน้าถามอย่างเป็นห่วง
เด็กชายยังคงก้มหน้าหลุบตาตอบเสียงอ้อมแอ้ม “ข้าขอนั่งกับพวกท่านแบบนี้ทั้งคืนได้หรือไม่?”
วาจาเด็กน้อยทำชายหญิงทั้งสองมองหน้ากันนิ่งงัน จินอีต๋าเดินถือถาดใส่ขนมเข้ามาพอดีก็นิ่งงันเช่นกัน
ครั้นได้สตินางรีบเอ่ยเสียงอ่อย “ขออภัยเจ้าค่ะ ตันเอ๋อร์ห้ามรบกวนผู้มีพระคุณ มาหาย่านี่มา”
เด็กชายหน้าเศร้า “ขอรับ” เจ้าตัวเล็กรีบขยับตัวทำท่าลงจากเก้าอี้
เซียวหงเย่กับติงยวี่ถิงพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “ไม่เป็นไรๆ”
ใจตรงกันกระทั่งฝ่ามือยังช่วยกันรั้งเด็กน้อยเอาไว้
หญิงสาวกล่าว “ข้าเป็นคนอุ้มตันเอ๋อร์มานั่งเอง” นางโอบประคองเด็กน้อย “เจ้านั่งตรงนี้แหละ ไม่ต้องลงไป หรือจะนั่งตักข้าก็ได้นะ”
ชายหนุ่มโอบไหล่เล็กอีกข้างของเด็กชาย “ตันเอ๋อร์ นั่งตักพี่ชายดีกว่า”
ติงยวี่ถิงมีหรือจะยอม “นั่งตักข้าเถอะนุ่มกว่าเยอะ”
เซียวหงเย่เองก็ไม่ยอม “ตักนุ่มนิ่มมิสู้ตักแข็งแรง”
“มานั่งตักข้าดีกว่า”
“ตักพี่ชายเถอะ”
ทั้งสองมีนิสัยชอบเด็กเหมือนกันจึงแย่งความสนใจจากไฉ่ตันพัลวัน ไฉ่ตันได้แต่เงยหน้ามองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก