EP : 5 เกือบถูกจับได้
EP : 5 เกือบถูกจับได้
“เจ้าทานอะไรมาหรือยัง”
เมื่อเข้าห้องมาได้ เว่ยลู่เซียนก็ถูกถามทันที
“ยังเจ้าค่ะ แต่ข้าสั่งมาทานในห้องเจ้าค่ะ” นางตอบก่อนจะเอาของออกจากแหวนแล้วทำการปูที่นอนของนางทันที
“ดีแล้วๆ วันนี้คนเยอะทานด้านนอกคงต้องรอนาน แล้วนี่หรือที่เจ้าบอกว่าจะไปซื้อ” ชายชรากล่าวบอก ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาที่นอนออกมาจากแหวนมิติ
“เจ้าค่ะ” เว่ยลู่เซียนเอ่ยตอบก่อนจะลองนอนดูก็พบว่ามันใช้ได้มากทีเดียว สบายกว่านอนเก้าอี้อีกด้วย
“เอาอาหารมาส่งขอรับ” เสียงข้างนอกร้องบอกทำให้นางต้องเดินออกไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายนำอาหารเข้ามาในห้อง
“ขอบใจมาก” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอกพร้อมกับส่งเงินสิบเหรียญเงินให้กับชายหนุ่มทั้งสอง
“ท่านตาทานหรือยังเจ้าคะ” เว่ยลู่เซียนเอ่ยถามเพราะนางสั่งมาเยอะมากพอที่จะทานได้สองคน ถึงที่จริงแล้วนางสามารถทานคนเดียวหมดนี้ก็ตาม แต่ก็ถามเผื่อเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่านางเป็นคนใจดำ
“ข้าทานมาแล้ว” ชายชรากล่าวบอกก่อนจะนั่งลงกับฝั่งตรงข้ามแล้วเอากาน้ำชาออกมาจากแหวนมิติก่อนจะนั่งดื่มเงียบๆ
เว่ยลู่เซียนเมื่อเห็นว่าชายชราเอาน้ำชามาดื่มบนโต๊ะอาหาร นางก็เริ่มลงมือทานทันที การทานอาหารนั้นเงียบมาก
“เจ้าไม่ไปเที่ยวงานประจำปีหรือ”
เมื่อทานอาหารเสร็จนางก็ให้พนักงานมาเก็บของออกไป ก่อนจะเดินไปล้มตัวนอน นางกะว่าจะไปอาบน้ำหลังจากที่ชายชรานอนหลับไปแล้ว
“คนเยอะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบ นั้นมันคือเหตุผลเพียงส่วนเดียวเท่านั้น อีกส่วนนั้นก็คือกลัวว่าจะไปเจอกับพี่ชายของนาง อีกอย่างนางไม่รู้ว่าพี่ชายของนางนั้นมาที่นี่กันกี่คน
“ได้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายด้วยน่ะ เจ้าไม่อยากลองไปดูหรือ” ชายชราเอ่ยถามอีกครั้งเผื่อว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ
“ท่านตาถามเช่นนี้เหมือนอยากให้ข้าออกไปเที่ยวข้างนอก” นางเอ่ยถามพลางลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปยังชายชรา
“ฮ่าๆ ที่จริงแล้วข้าอยากไปนะ แต่พอไม่มีคนไปด้วยก็เลยว่าจะชวนเจ้าไปด้วย” ชายชราหัวเราะออกมาก่อนจะยอมรับความจริง
“คนเยอะเดี๋ยวท่านตาหลงทางจะทำอย่างไรละเจ้าคะ ก็ได้เจ้าค่ะๆ ข้าไปเป็นเพื่อนก็ได้เจ้าค่ะ” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอกพร้อมกับเตรียมจะล้มตัวลงนอน แต่พอเห็นสายตาของชายชราแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง ให้ตายสิ นางชอบใจอ่อนกับเด็กและคนชราอยู่เรื่อยเลย
เห็นชายชราคนนี้แล้วก็คิดถึงท่านปู่กับท่านตาของนางจริงๆ ทั้งสองเป็นคนที่ดื้อรั้นเอามากเหมือนกับชายชราคนนี้เลย ปานนี้ไม่รู้เป็นยังไงกันบ้าง
“งั้นเราไปกันเถอะ” ชายชรากล่าวอย่างดีใจราวกับเด็กน้อยที่จะได้ออกไปเที่ยวกับพ่อแม่
มันทำให้เว่ยลู่เซียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างสงสัยไม่ได้กับท่าทางของชายชราที่แสดงออกมา
“เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบก่อนจะลุกขึ้นพลางหยิบหมวกสานมาสวมใส่เพื่อกันคนเห็นใบหน้าของนางที่ถูกซ่อนเอาไว้
ทั้งสองเดินออกจากห้องไปพอเดินไปยังด้านล่างก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เข้ามาทานอาหารและผู้คนที่ตะโกนคุยกันจนหนวกหู
“มีงานประลองวรยุทธ์กันด้วย” ชายชราร้องบอก ก่อนจะคว้าข้อมือของหญิงสาวไปจับแล้วดึงให้ตามตัวเองไป
เว่ยลู่เซียนที่มาถึงลานประลองวรยุทธ์ก็ต้องเบิกตากว้างทันทีเมื่อเจอกับพี่ชายคนที่สี่ของนาง
พี่ชายคนที่สี่ของนางชื่อว่าเว่ยเฉินเทียนเป็นคนดูแลกิจการของตระกูลเลยต้องเดินทางบ่อยๆ ส่วนพี่ชายคนที่สามกับคนที่สองนั้นเป็นอาจารย์อยู่ที่สำนักใหญ่ของแคว้นหนานเกอมีชื่อว่าเว่ยเหลียนฉางและเว่ยหมิงหย่งพี่ชายคนที่หนึ่งของนางนั้นเป็นแม่ทัพใหญ่มีชื่อว่าเว่ยเซี่ยวป้อ
ลูกห้าคนแต่ละคนมีความถนัดต่างกันยังดีที่ท่านพ่อท่านแม่ของนางไม่บังคับเหมือนกับตระกูลอื่นๆ ที่พอทางต้นตระกูลเป็นขุนนางลูกหลานก็ต้องเป็นขุนนาง ซึ่งตระกูลของนางนั้นลูกอยากเป็นอะไรก็เป็นได้ตามใจชอบ
“ชายหนุ่มคนนั้นดูดีนะ ดูท่าจะเก่งมากเสียด้วย” ชายชรากล่าวพลางหาที่นั่งไปด้วย ตอนนี้มีคนบางพวกกำลังลงเงินพนันกันอยู่ว่าใครจะชนะ
เว่ยลู่เซียนถึงแม้จะไม่อยากหากินกับพี่ชายตัวเองแต่ก็อดไม่ได้จะไปลงพนันกับพวกข้างๆ นางลงไปห้าร้อยเหรียญทองข้างพี่ชายของนาง ดูจากระดับลมปราณของทั้งสองแล้วพี่ชายนางก็เหนือกว่าอยู่ดี ถึงแม้นางจะสงสัยอยู่ว่าเหตุใดพี่ชายของนางถึงได้ลงประลองเช่นนี้
ในตอนนั้นดูเหมือนว่าพี่ชายของนางเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนแอบมอง ทำให้หันมามองที่นางพอดี ยังดีที่นางใส่หมวกบังเอาไว้ทำให้ไม่เห็นใบหน้า นางได้แต่นั่งนิ่งทำราวกับว่าไม่รับรู้ถึงสายตาของอีกฝ่าย
ยังดีที่ก่อนหน้านี้นางได้ปกปิดระดับลมปราณของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครตรวจสอบระดับลมปราณของนางได้ นั้นทำให้พี่ชายของนางไม่มีทางจับนางได้อย่างแน่นอน เพราะถ้านางไม่ปกปิดระดับลมปราณเอาไว้ พี่ชายของนางต้องจับได้แน่ๆ ว่านางอยู่ตรงนี้
เว่ยเฉินเทียนหันหน้ากลับไปตามเดิมเมื่อคิดว่าตัวเองอาจจะคิดถึงน้องสาวของตัวเองมากไปหน่อยก็เลยทำให้เห็นหญิงสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งเป็นน้องสาวของตัวเอง สงสัยเขาต้องไปเยี่ยมนางบ้างเสียแล้ว จากที่นี่ก็ไม่ไกลจากที่นางอยู่นัก