EP : 3 ถูกสัตว์อสูรโจมตี
EP : 3 ถูกสัตว์อสูรโจมตี
เมื่อขึ้นรถม้ามาได้ก็ออกเดินทางทันที ก่อนที่จะเข้าไปในตัวเมืองที่ต้องเข้าพักคืนนี้นั้นจะต้องผ่านป่าที่มีสัตว์อสูรและมันเป็นช่วงเย็นที่พวกสัตว์อสูรที่มันออกมาหาอาหาร ไม่รู้ว่าพวกนางจะโชคดีหรือไม่ ถ้าโชคดีก็อาจจะไม่เจอสัตว์อสูร โจมตี แต่ถ้าเจอก็โชคร้ายหน่อยเท่านั้นเอง
ตู้ม!!
โฮก!!!
ยังคิดไม่ทันไรพวกนางก็ถูกสัตว์อสูรโจมตีเสียแล้ว พวกที่นั่งในรถม้าต่างพากันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูร
“มันอยู่ในระดับไหนกัน” ชายคนหนึ่งตะโกนถามขึ้นอย่างตกใจ
“โอ้ ไม่นะ นี่มันสัตว์อสูรระดับสวรรค์เลยนี่” เว่ยลู่เซียนเมื่อเห็นสัตว์อสูรก็ร้องขึ้นพลางมองตาโตแค่นี้ก็ตึงมือของชายหนุ่มขับรถม้าแล้ว
พวกสัตว์อสูรนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าพวกนางมาก นางคิดว่าถ้าเป็นระดับสวรรค์ขั้นปลายแล้วชายหนุ่มคนนี้เอาสัตว์อสูรตัวนี้ไม่อยู่แน่
อีกอย่างเลยก็คือสัตว์อสูรระดับสูงแบบนี้มันไม่ออกมาด้านนอกชายป่าแน่นอน มันต้องหนีอะไรสักอย่างมาเป็นแน่ถึงได้ ทำให้มันออกมาที่ด้านนอกชายป่าเช่นนี้
หวังว่าคงไม่มีสัตว์อสูรระดับสูงอยู่ในป่าแห่งนี้หรอกนะ ถ้ามีก็ซวยพวกหาของป่าแล้วละ
“อะไรนะ! เจ้านั้นเป็นสัตว์อสูรระดับสวรรค์เลยหรือ” ชายที่ตะโกนก่อนหน้านี้ก็ตะโกนถามนางอีกครั้ง ไม่ต้องตะโกนก็ได้นะ มันไม่จำเป็นเลยสักนิด
“เจ้าจะตะโกนทำไมกัน เอาเวลามาช่วยกันกำจัดมันไม่ดีกว่าหรือไง” ชายอีกคนตะโกนบอกก่อนจะออกไปขับรถม้าแทนชายหนุ่มที่เป็นคนขับรถม้าที่กำลังสู้กับสัตว์อสูรระดับสวรรค์
“ข้าสู้ไม่ค่อยเก่งด้วยสิ” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอก แต่ขาก็ก้าวลงจากรถม้าไปเสียแล้ว
“ข้าจะลงมาทำไมเนี่ย” เว่ยลู่เซียนบ่นกับตัวเองพลางเอาขลุ่ยออกมาใช้นางเคยได้เรียนวิชาดนตรีที่ใช้ในการโจมตีศัตรู
ตึง!!
ไม่นานหลังที่นางเป่าขลุ่ยสัตว์อสูรก็ล้มลงทันที นางไม่ได้ทำให้มันตายแต่ทำให้มันหลับเท่านั้น
“มันตายแล้วหรือ” คนที่อยู่ในรถม้าตะโกนถามนางเมื่อเสียงการต่อสู้เงียบลงไป
“มันแค่หลับ รีบไปกันได้แล้ว ถ้าสัตว์อสูรได้กลิ่นเลือดมันจะมาที่นี่” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอกเมื่อมีบางคนทำท่าจะลงมาจัดการมันโดยจะเอาชิ้นส่วนไปขาย
“รีบไปกันเถอะ เสียเวลามากแล้ว” ชายหนุ่มคนขับรถม้าบอก ในใจแอบทึ้งความสามารถของหญิงสาว
ทั้งหมดกลับขึ้นรถม้าตามเดิมไม่นานก็รีบขับรถม้าออกไปทันที เว่ยลู่เซียนเมื่อเห็นว่าขับรถม้ามาไกลเกินกว่าที่สัตว์อสูรตัวนั้นจะตามมาทัน นางก็เป่าขลุ่ยคลายมนต์สะกดให้ทันที
ตู้ม!!
เสียงดังสั่นสะเทือนด้านหน้าทำให้รถม้าเกิดการเสียการทรงตัวนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บอะไร
“ด้านหน้ามีการต่อสู้กัน เราจะไปช่วยพวกเขาหรือไม่” ชายหนุ่มคนขับรถม้าถามผู้โดยสารเพราะถ้าร่วมมือกันอาจจะเอาชนะสัตว์อสูรได้ดีกว่าปล่อยให้สู้อยู่คนเดียว
“ไปช่วยเขาเถอะ เพราะถ้าไม่ช่วยเราก็ไปไหนไม่ได้เหมือนกัน”
ชายชราข้างกายนางกล่าวบอกซึ่งนางก็เห็นด้วยเพราะครั้งนี้นางจะไม่ได้ออกไปสู้ให้เสียแรง
“ใช่ๆ เจ้าไปเถอะ” หญิงสาวคนหนึ่งร้องบอกเมื่อได้คิดตามชายชรากล่าวแล้ว มันอาจจะทำให้พวกนางกลับไปถึงตัวเมืองหลวงเร็วขึ้น
ตู้ม!!
โฮก!!
โครม!!
ไม่นานเสียงการต่อสู้ก็จบลง ได้ยินเสียงขอบคุณจากข้างนอกดังขึ้นไม่หยุดไม่นานรถม้าของนางก็ออกเดินทางอีกครั้ง โดยไม่เจอสัตว์อสูรบุกโจมตีอีกเลย
“เจ้าใช้วิชาดนตรีได้ยอดเยี่ยมทีเดียว” ชายชรากล่าวบอกเสียงเบาๆ พลางมองหญิงสาวที่นั่งข้างกายตัวเอง
“ข้าเคยเรียนมานะเจ้าค่ะ พอดีขี้เกียจใช้กำลังเลยเลือกเรียนพวกนี้” เว่ยลู่เซียนตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมาก
จากนั้นพวกนางก็มาถึงเมืองหลวงในตอนเย็นพวกนางเข้าพักที่โรงเตี๊ยมที่ทางชายหนุ่มคนขับรถม้าจัดการเรื่องที่พักให้กับพวกนางโดยไม่เสียเงินอะไรอีก
“ท่านตาไปเข้านอนได้แล้วเจ้าค่ะ” เว่ยลู่เซียนบอกเมื่อชายชรายังไม่ยอมลุกจากโต๊ะอาหารไปไหน
“ข้ายังไม่อยากนอน” ชายชราตอบพลางมองหญิงสาวที่กำลังทานอาหาร
“นอนดึกมันไม่ดีต่อร่างกายของท่านตาเท่าไรนะเจ้าคะ” เว่ยลู่เซียนบอก ดูแล้วชายชราผู้นี้เป็นคนหัวรั้นและดื้อมากอย่างแน่นอน
“ข้าไม่ปล่อยให้หญิงสาวอย่างเจ้าอยู่คนเดียวท่ามกลางสายตาชายหนุ่มที่จ้องมองเจ้าหรอกนะ” ชายชราเอ่ยบอกเพราะ ตั้งแต่เข้ามาในโรงเตี๊ยมนางก็ถอดหมวกสานออกทำให้ได้เห็นใบหน้างามที่ถูกซ่อนเอาไว้ ดูก็รู้ว่าคงไม่ใช่หญิงสามัญชนทั่วไปเป็นแน่
“ข้ารับมือได้สบายมากเจ้าค่ะ” เว่ยลู่เซียนบอกยิ้มๆ ก่อนจะนั่งทานต่ออีกนิดก็ลุกขึ้นแล้วแยกย้ายกับชายชรานางก็เดินเข้าห้องตัวเอง โชคดีก็คือชายชราอยู่ห้องข้างๆ กับนางพอดี
เว่ยลู่เซียนเดินเข้าไปอาบน้ำก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นสีดำเนื้อผ้าดีในระดับหนึ่งไม่มีลวดลายอะไรให้เป็นที่สนใจ ขลุ่ยของนางถูกเก็บเอาไว้ในแหวนมิติตามเดิม
เมื่อนางเดินมาที่เตียงก็พลันรู้สึกว่าห้องของนางนั้นถูกรมควันด้วยสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้คนที่สูดดมเข้าไปจะสลบ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาจะมีความต้องการทางเพศ
พรึบ!
เว่ยลู่เซียนกระโดดออกนอกหน้าต่างทันทีก่อนจะกระโดดขึ้นไปยังระเบียงของชายชราที่อยู่ข้างห้องของนาง
“ใคร” เสียงแหบแห้งเอ่ยถามทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องของตัวเอง
“ข้าเองท่านตา พอดีมีคนบุกเข้าห้องข้านะ” เว่ยลู่เซียนกระซิบบอกพลางเดินเข้าไปหาชายชราที่นอนอยู่บนเตียง
“ข้าว่าแล้วเจ้าต้องถูกพวกมันจับตัวไปขายให้กับพวกเศรษฐีเป็นแน่” ชายชรากล่าวขึ้นเพราะก่อนหน้านี้เขาได้ยินชายกลุ่มหนึ่งปรึกษากันอยู่เรื่องจับตัวหญิงสาวไปขาย
“ข้าขอหลบที่นี่ก่อนนะเจ้าคะ” เว่ยลู่เซียนเอ่ยบอกก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้วางเอาไว้อยู่มุมห้อง
“เจ้ามานอนนี่ เดี๋ยวข้าไปนอนที่พื้นเอง” ชายชราเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งอยู่บนเก้าอี้
“ไม่รบกวนท่านตาเจ้าค่ะ แค่นี้ข้าสบายมาก” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอกยิ้มๆ เมื่อเห็นชายชราทำท่าจะลงไปนอนลงกับพื้นจริงๆ ที่จริงเตียงมันก็กว้างนอนได้ทั้งสามคน แต่จะให้นางนอนด้วยมันก็แปลกๆ
“เจ้าแน่ใจนะ” ชายชราถามด้วยความไม่แน่ใจว่าหญิงสาวนอนได้
“เจ้าค่ะ ท่านตานอนได้แล้วเจ้าค่ะ” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอก ก่อนจะนั่งหลับตาลง นางยังไม่ได้หลับหรอกนะ แต่แค่กำลังคิดบางอย่างอยู่
อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน
เสียงดนตรีแผ่วเบาในตอนกลางคืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ชายทั้งสามต่อสู้กันเองโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำให้เกิดการนองเลือด