บทที่ 11 ไร้หนทางกลับไปหาอาจารย์
“ข้าร้องไห้ เพราะกลัวว่าผีเสื้อประหลาดนั่นจะบินหายไป แต่ก็ลืมคิด ว่าพลังเทพของท่านนั้นสูงส่งเพียงใด ข้าทำสิ่งที่น่าอายจนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังจำฝังใจไม่ลืม” ฟางเหนียงพูดพลางอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างอบอุ่น ก่อนชายหนุ่มจะค่อย ๆ ก้มลงช้อยคางหญิงสาวขึ้นช้า ๆ
“หากไม่ใช่เพราะเรื่องในวัน ข้าก็คงไม่มอบหัวใจให้เจ้าจนหมดเช่นวันนี้” องค์ชายรองพูดพร้อมสายตาอ่อนหวาน ก่อนที่ฟางเหนียงจะได้สติ แล้วเบี่ยงหน้าออกเล็กน้อย
“องค์รัชทายาทจะกลับมาเมื่อไหร่เพคะ”
“อีกไม่นาน” คำตอบขององค์ชายรอง ทำให้องค์หญิงตอบ
ภายในตำหนักไท่จือ หนิงเอ๋อนั่งเหม่อลอยมองไปรอบ ๆ ด้วยความคิดถึงอาจารย์หญิงและศิษย์พี่ทุกคน นางยกมือขึ้นเท้าคางพลางพ่นลมหายใจออกมา แม้ว่าจะมีอิงอิงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่นั่นไม่อาจคลายความคิดถึงสำนักหมิงเซียนลงได้ หญิงสาวมุ่ยหน้าพลันก้มลงซบกับโต๊ะหิน
“บนสวรรค์สวยงามมากก็จริง แต่ถ้าให้เลือก ข้าอยากกลับไปอยู่กับอาจารย์มากกว่า” เซียนน้อยพึมพำในใจ ก่อนเสียงฝีเท้าของใครบางคนจะเดินเข้ามาจากด้านหลัง
“มาอยู่ที่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าตั้งนาน” ก่อนหนิงเอ๋ยจะค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้น
“เหตุใจจึงมานั่งหมดท่าอยู่บริเวณนี้ คิดถึงสำนักหมิงเซียนอีกแล้วใช่ฤาไม่”
“พี่อิงอิง ในตอนแรกที่ท่านขึ้นมาทำหน้าที่บนสวรรค์ ท่านรู้สึกคิดถึงอาจารย์มากเช่นข้า แล้วท่านอดทนได้อย่างไร ตอนนี้ข้าคิดถึงอาจารย์แทบขาดใจแล้วล่ะ” ก่อนรอยยิ้มเมตตาของอิงอิงจะเผยออกมาพลันยกมือลูบศีรษะเซียนน้อยรุ่นน้อง
“ในตอนนั้นข้าร้องไห้ทุกวัน หันไปทางใดก็คล้ายกับอยู่ตัวคนเดียว แม้บนแดนสวรรค์จะสวยงาม แต่หาได้สุขใจดังเช่นที่สำนักหมิงเซียน หลายครั้งข้าคิดทำผิดกฎสวรรค์เพื่อที่จะได้กลับไปหาอาจารย์” หนิงเอ๋อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของนางเปลี่ยนในฉับพลัน หันมองอิงอิงด้วยความหวัง
“ท่านทำสำเร็จฤาไม่”
“ราชาแห่งสวรรค์จับได้ว่าข้าตั้งใจ จึงไม่ยอมให้ข้ากลับไปยังสำนักหมิงเซียน ทั้งยังบัญชาว่าหากข้าทำผิดกฎสวรรค์อีก จะให้ข้าไปลงไปยังแดนมนุษย์ ซึ่งจะไม่มีวันได้เห็นหน้าอาจารย์อีก จากนั้นข้าก็ไม่คิดทำอะไรโง่ ๆ เช่นนั้นอีก” หนิงเอ๋อได้ยินดังนั้นจึงพ่นลมหายใจออกมา แล้วซบหน้าลงกับโต๊ะหินดังเดิม
“ไหน ๆ ก็ไร้หนทางกลับไปหาอาจารย์แล้ว ข้าจำใจต้องอยู่บนแดนสวรรค์ต่อไปจริง ๆ ใช่ฤาไม่ จริงสิพี่อิงอิง นับจากท่านขึ้นมาบนสวรรค์ ท่านได้เจอกับศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักหมิงเซียนอีกฤาไม่”
“ศิษย์ของสำนักหมิงเซียนใช่ว่าจะได้เจอกันง่าย ๆ นับจากข้าขึ้นมารับใช้องค์หญิงฟางเหนียง เจ้าเป็นคนแรกที่เป็นศิษย์ของสำนักหมิงเซียน นอกนั้นข้าไม่เคยพบกับผู้ใดอีก”
“เช่นนั้นข้าก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างจากท่าน อาจจะไม่ได้เจอกับศิษย์พี่ห้าของข้าอีก ทั้งยังไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาทั้งแปดคนจะเป็นอย่างไรบ้าง” ยังไม่ทันที่หนิงเอ๋อพูดจบ เสียงกลองแห่งสวรรค์ดังขึ้นอย่างก้องกังวาน ทำเอาสายตากลมของหนิงเอ๋อหันมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันกลับมายังพี่สาวที่ยืนนิ่งอยู่
“พี่อิงอิง นั่นเสียงอันใด เหตุใดจึงก้องกังวานเช่นนี้”
“กลองสวรรค์ หนิงเอ๋อ เรารีบไปรับใช้องค์หญิงฟางเหนียงกันเถอะ” หญิงสาวถูกอิงอิงลากเข้าไปยังตำหนักไท่จือ พร้อมสังเกตมองทุกคนรีบร้อนอย่างผิดปกติ ขณะที่เสียงกลองแห่งสวรรค์ยังคงดังสะเทือนเลื่อนลั่น หนิงเอ๋อเลื่อนสายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวในชุดชมพูอ่อนที่รีบก้าวเท้าเข้ามาหาอิงอิง
“องค์หญิงเพคะ กลองสวรรค์ดังเช่นนี้ ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ท้องพระโรงอย่างแน่นอน”
“พวกเจ้าสองคน ตามข้ามา” สิ้นเสียงขององค์หญิงฟางเหนียงเท่านั้น ทั้งสองจึงก้าวเท้าตามฟางเหนียงไปยังท้องพระโรงทันที ขณะที่หนิงเอ๋อเดินตามไปนั้น สายตาของนางยังคงสอดส่ายมองดูความยิ่งใหญ่ของแดนสวรรค์โดยไม่ละสายตา
“พี่อิงอิง ที่นี่คือท้องพระโรงเช่นนั้นฤา” หนิงเอ๋อกระซิบถาม
“ถูกต้องแล้ว นี่เป็นท้องพระโรงที่ราชาสวรรค์มักจะออกว่าราชการ แต่การที่กลองสวรรค์ดังเช่นนี้ ไม่ใช่การว่าราชการธรรมดา ทว่ามีเรื่องบางอย่างเร่งด่วน จึงเชิญเหล่าเทพทั้งหลายมาประชุมโดยพร้อมกัน เมื่อเจ้าเข้าไปแล้วจงอยู่ในความสงบ” หนิงเอ๋อได้ยินดังนั้น จึงไม่ถามสิ่งใดต่อ นางเดินตามองค์หญิงฟางเหนียงไปด้วยกิริยาอ่อนน้อม
ภายในท้องพระโรง เป็นสีทองสว่างจ้าส่องประกายระยิบระยับ เหล่าเทพทั้งหลาย ทยอยเดินเข้ามารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น หนิงเอ๋อเลื่อนสายตามองตรงไปยังบัลลังก์มังกรขนาดใหญ่ พบกับราชาสวรรค์ผู้มากด้วยบารมีนั่งประทับอยู่ พร้อมร่างขององค์ชายรองยืนอยู่ภายใต้อาภรณ์สีขาวสะอาด หนิงเอ๋อกลืนน้ำลาย ก่อนเทพแห่งชะตาจะเดินเข้ามาทักทาย
