บทที่ 4
ไม่นานนักพระชายาโอวหยางก็ออกจากตำหนักไปเพราะถ้าอยู่นานกลัวเห็นน้ำตาบุตรสาว ท่านหญิงเป่ยเป่ยนั่งพิงหมอนคิดถึงองครักษ์
“ท่านหญิงดื่มยาเสียหน่อยนะเพคะ” เสี่ยวสี่เดินเข้ามาพอดีนางเห็นผู้เป็นนายซึมเศร้าก็อดสงสารไม่ได้ เสี่ยวสี่เป็นสาวใช้ที่เข้ามาอยู่ในวังอ๋องแห่งนี้ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ นางพอรู้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านหญิงและองครักษ์จางอยู่บ้าง
ฐานะทั้งคู่มันไม่เหมาะสมกัน ต่างกันราวกับฟ้าและเหวจะครองรักกันก็คงไม่ได้ ชินอ๋องจึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นล้มโดยการสั่งให้เขาไปที่หมู่บ้านแถวเขตชายแดนเหนือ
ภายในคืนนั้นท่านหญิงเป่ยเป่ยนอนไม่หลับนางยืนที่หน้าต่างมองราตรีที่มืดมิด มีแสงดาวระยิบระยับเป็นเพื่อนจันทรา
ดวงตาของนางเห็นดวงจันทร์เป็นภาพใบหน้าบุรุษผู้หนึ่ง ใบหน้าสี่เหลี่ยม จมูกโด่ง ริมฝีปากหนา คิ้วดุจกระบี่ เป็นใครไม่ได้นอกจากจางอวี้หวาย ชาตินี้นางกับเขาคงสิ้นวาสนากันคงจะไม่ได้พบกันอีก นางไม่คิดว่าบิดาจะใจร้ายขนาดนี้
ลมหนาวกระทบใบหน้างามของนางทำให้หญิงสาวรู้สึกขนลุก นางจึงกำลังจะปิดหน้าต่าง
“ท่านหญิง...” น้ำเสียงที่คุ้นเคย หญิงสาวผลักบานหน้าต่างออก
“จางอวี้หวาย” นางดีใจที่ได้เจอเขา
“เจ้าเข้ามาข้างในก่อน” หญิงสาวบอกชายหนุ่มให้รีบเข้ามาในห้องเพราะกลัวคนอื่นจะเห็น
พริบตาเดียว จางอวี้หวายในชุดผ้าฝ้ายสีดำก็กระโดดเข้ามาในตำหนักท่านหญิงเป็นที่เรียบร้อย สายตาเขามองไปที่ใบหน้างามที่ขาวซีดราวกับกระดาษ
นางโผเข้ากอดเขาทันทีจนจางอวี้หวายไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าชายหนุ่มแดงจัดจนไปถึงใบหู หญิงสาวกอดเขาอยู่เนิ่นนาน
“ท่านหญิง ข้ามาลาท่าน” ชายหนุ่มพูดเสียงแผ่วเบา นางผละอ้อมกอดออกแล้วมองที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นทันที
“ข้าไม่ให้เจ้าไป” นางพูดทั้งน้ำตาที่เอ่อล้น
ชายหนุ่มมองใบหน้านางที่ดวงตาแดงก่ำ เขาจะทำเช่นไร เขาอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ เมื่อวานพ่อบ้านจางจ้างรถม้าไปส่งเขา แต่ทว่าเขาหวนกลับคืนมาเพื่อมาอำลานางอันเป็นที่รัก
“ท่านฟังข้า เราสองคนไร้วาสนาต่อกัน ไม่มีทางที่จะครองรักกันได้ ชาตินี้ข้าต่อยต่ำนักเป็นแค่ลูกพ่อบ้าน หากมีวาสนาชาติหน้าข้าขอครองรักกับท่าน” จางอวี้หวายเอ่ยขึ้น ทั้งคู่ประสานสายตากัน นางรับรู้ได้ถึงแววตาแห่งความเจ็บปวดของเขา
ทันใดนั้น ใบหน้างามก็ประกบริมฝีปากเขาทันที สองแขนคล้องคอชายหนุ่ม ทำให้จางอวี้หวายเบิกตากว้าง หญิงสาวจุมพิตเขาอย่างเร่าร้อน มีสตรีที่ไหนกันในใต้หล้าที่กล้าทำแบบนี้นอกจากท่านหญิงโอวหยางเป่ยเป่ย
เขาไม่อยากให้นางต้องเปลืองตัวกับคนไร้สกุลอย่างเขา ชายหนุ่มได้สติรีบผลักหญิงสาวออกทันที
เป่ยเป่ยมองหน้าบุรุษคนที่นางรักหมดหัวใจตั้งแต่เล็กยันโต หญิงสาวไม่คิดว่าเขาจะกล้าผลักนางออก นางผิดอะไร เขารังเกียจนางหรือ
ดวงตาที่มองเขาอย่างอ้อนวอนขอความรักหมดหัวใจ
“เจ้าผลักข้าทำไม” นางถามเขา อยากรู้เหตุผล
ชายหนุ่มทำสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที ท่านหญิงไม่รู้หรือว่าเขาผลักนางทำไม? เขาไม่คู่ควรกับท่านหญิง เขาจำต้องผลักนางออกก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป จางอวี้หวายไม่อยากจะถูกตราหน้าว่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา
“ท่านหญิง...” ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ในใจลึกๆเขาก็เจ็บเหมือนกันที่ไม่อาจรับความรักจากนางได้
“เรียกข้าว่าเป่ยเป่ยเหมือนอย่างที่เจ้าเคยเรียกตอนเด็กๆ สิ” นางจ้องมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ตอนเด็กเขาเป็นเพื่อนเล่นกับนางแม้นางโดนใครรังแกเขาก็จะช่วยเหลือนางตลอด นางเป็นท่านหญิงก็จริงแต่นางไม่เคยออกจากวังไปไหนจึงได้แต่อยู่ในวังอ๋องแล้วเล่นกับองครักษ์คู่ใจอย่างจางอวี้หวาย
เมื่อครั้งตอนเป็นเด็กอยู่ในสวนดอกเหมยกุย เขามักจะเรียกชื่อนางว่า เป่ยเป่ยน้อย แต่พอพ่อบ้านจางได้ยินเข้าถึงกับโกรธบุตรชายที่เรียกเจ้านายด้วยชื่อตรงๆ ทำให้พ่อบ้านจางลงโทษบุตรชายโดยการโบยสิบที หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่กล้าเรียกชื่อนางอีกเลย
“ท่านหญิง…ข้าขอตัวลาก่อน”
ไม่นะ นางจะให้เขาไปแบบนี้ไม่ได้
ชายหนุ่มหันหลังกำลังจะกระโดดออกไป แต่ทว่าไม่ทันได้กระโดด ร่างบางก็กระโจนกอดเขาจากด้านหลัง สองแขนโอบเขาไว้แน่น
“ท่านหญิงปล่อยเถิด”
“ไม่! เจ้าต้องเป็นของข้าก่อน” นางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ชายหนุ่มพยายามดึงมือปลาหมึกหญิงสาวออก แต่นางกอดแน่นเหลือเกิน
“ท่านปล่อยข้าเถิดหนา” มือหนาใหญ่แกะมือเล็กออกได้สำเร็จ เขาหันหน้ามามองนางอีกครั้ง บัดนี้คราบน้ำตาเปื้อนที่ใบหน้างาม ทำให้ชายหนุ่มเก็บคำต่อว่านางลงคอไปทันที
“ข้ารักเจ้า เจ้าได้ยินไหม จางอวี้หวายข้ารักเจ้า” นางกอดเขาอีก ชายหนุ่มกลัวเหลือเกินว่าจะใจอ่อนเผลอกายเผลอใจไปกับนาง
“ข้าได้ยินที่ท่านหญิงพูด ข้าเข้าใจทุกอย่างชัดเจน” จางอวี้หวายยืนให้นางกอด
“อวี้หวาย เป็นของข้านะ” นางไซ้ซอกคอขาวงามของเขาทันทีชายหนุ่มรู้สึกขนลุกซู่
โอวหยางเป่ยเป่ยจำได้ว่านางจะแต่งงานครั้งก่อนมารดาเคยให้ตำราชายหญิงมาอ่าน นางนึกขอบคุณมารดาจริงๆ ที่ทำให้นางได้เรียนรู้จากตำราเล่มนั้น
“ท่านหญิง...” ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อ แทบจะทนไม่ไหวแล้ว
ยิ่งกลิ่นหอมๆ ของนางแทบจะทำให้เขาคลั่งไคล้ ลมหายใจจางอวี้หวายติดขัด ใบหน้างามของนางยังคงซุกที่ซอกคอเขา
หญิงสาวเปิดม่านมุ้งออกแล้วผลักชายหนุ่มนอนลงที่เตียงอย่างช้าๆ มือน้อยๆ เปลื้องอาภรณ์บุรุษออก นางจะต้องได้ตัวเขาก่อนที่เขาจะจากไป
ชายหนุ่มมองร่างงามที่ปราศจากอาภรณ์ หัวใจเขาเต้นรัวๆ ดั่งกลอง ท่านหญิงผู้บอบบางขึ้นคร่อมเขาจากนั้นก็ดำเนินการต่อ…
รุ่งเช้าหญิงสาวรู้สึกร่างแทบฉีก นางลืมตาขึ้นมองคนข้างๆ ปรากฏว่าเขาได้หายไปแล้ว คืนแรกเป็นคืนที่ทรมานเหลือเกิน แค่นี้นางก็มีความสุขแล้วที่นางได้เป็นของเขา
เสี่ยวสี่เปิดประตูเข้ามาพร้อมยกอ่างล้างหน้าเข้ามาด้วย
“ท่านหญิงล้างหน้าได้…” เสี่ยวสี่พูดยังไม่ทันจบกะละมังใบเล็กก็ร่วงหล่นกับพื้น
ดวงตาเสี่ยวสี่เบิกกว้างขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับท่านหญิง ผู้เป็นนายของนางถึงไร้อาภรณ์เช่นนี้
“ขืนเจ้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ข้าไม่เลี้ยงเจ้าไว้แน่” น้ำเสียงที่ทรงพลังเอ่ยขึ้นบอกสาวใช้ทำให้เสี่ยวสี่ขนลุกซู่แล้วหลุบตาลงต่ำทันที…