บทย่อ
ถ้านับรวมกัน เหตุการณ์ที่นางต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน นับว่าเกิดขึ้นแล้ว 3 ครั้ง ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงชะตาของตนไปในทิศทางไหน นางก็ต้องตายเพราะเขาทุกครั้งไป ในเมื่อดิ้นรนหลีกหนีพลิกแพลงชะตาไปแล้วทุกวิถีทางก็ยังไม่สามารถเอาตัวรอดได้งั้นครั้งนี้ขออยู่เฉย ๆ เฉกเช่นคนไร้ค่า ไร้ตัวตนก็แล้วกัน แล้วทำไมสวรรค์ถึงยังให้นางวนเวียนกลับมาแก้ไขเรื่องราวผิดพลาดของตนเองอยู่ร่ำไป น่ารำคาญจริง ๆ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สี่ หรือภารกิจของสวรรค์คือการทำให้เขารักให้ได้งั้นหรือ คราแรก นางดื้อดึงเอาแต่ใจ นิสัยร้ายกาจ ทำร้ายคนไปทั่ว ใช้อำนาจบาตรใหญ่สุดท้ายคนผู้นั้นทนไม่ไหวก็กำจัดนางทิ้ง คราที่สอง นางวิ่งตามเขาไปทุกที่หวังเอาอกเอาใจ หวังเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายก็ถูกเขาเอาชีวิต และเผลอไปกำจัดสตรีที่เขารักโดยไม่ได้ตั้งใจ การตายครั้งนี้จึงเจ็บปวดกว่าครั้งไหน ๆเขาบีบบังคับให้นางต้องปลิดชีพ ในครานี้นับเป็นคราสาม ในเมื่อทำอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีงั้นครั้งนี้ขอเลิกวิ่งไล่ตามเขาก็แล้วกัน นางเหนื่อยแล้ว ข้าเฉินลู่เอ๋อขอเก็บตัวเงียบไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ไม่ออกไปพบเจอใครหลีกลี้หนีไม่พบหน้า เมื่อได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้งในช่วงเวลาที่ยังไม่เกิดความบาดหมางเฉินลู่เอ๋อจึงแอบไปพบหน้าเขาผู้นั้น นางมีทางเลือกให้เขาสองทาง ระหว่างให้นางเป็นผู้ประกาศถอนหมั้นกับเขาและให้เขาเป็นคนประกาศถอนหมั้นกับนาง “ท่านหญิงเฉิน ครั้งนี้ท่านจะมาไม้ไหน” ใบหน้าหล่อเหลามองอย่างไม่เชื่อ “ถ้าท่านเป็นคนประกาศถอนหมั้น ข้าจะเป็นฝ่ายเสียหาย ชื่อเสียงของข้าจะฉาวโฉ่ไปทั่วทั้งแคว้นและได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่ไม่มีใครเอา แต่ถ้าข้าประกาศถอนหมั้นท่าน ท่านก็จะกลายเป็นบุรุษที่ถูกสตรีร้ายกาจเช่นข้าเฉดหัวทิ้ง” ใบหน้างดงามยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ นางเชื่อว่าบุรุษที่รักหน้าตาชื่อเสียงเสียยิ่งกว่าสิ่งใดต้องเลือกทางแรกที่นางเสนอ “แล้วถ้าข้าไม่ตกลงทั้งสองทางล่ะ.....”
1 เริ่มต้นอีกแล้ว
เฮือก!!
สตรีตัวเล็กสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางสำรวจทัศนียภาพรอบกาย แสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ สาดส่องเข้ามาภายในห้อง และพบว่ามันเหมือนกันกับทุกครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งที่สามที่นางได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง
“เห้อ...อีกแล้วหรือ...” เจ้าของใบหน้างดงามถอนหายใจ
สองขาห้อยลงที่ข้างเตียง จำได้ว่านี่เป็นครั้งที่สามที่นางตื่นขึ้นมาในช่วงเวลานี้ เรื่องเดียวที่เปลี่ยนไปจากทุกครั้ง คือ นางสวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ ไม่ได้ประดับตกแต่งเครื่องประดับใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกครั้งที่นางลืมตาตื่นขึ้นมา มักจะเป็นชุดผ้าไหมชั้นดีสีเหลืองนวล ปักชายกระโปรงด้วยดอกเบญจมาศ
เหตุใดสตรีเอาแต่ใจเช่นนางจึงสวมชุดสีขาวธรรมดาเช่นนี้
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงสดใสของเสี่ยวหรันทักทาย
“อืม” เฉินลู่เอ๋อรับคำง่าย ๆ
เสี่ยวหรันรู้สึกว่ามีเรื่องผิดปกติ
“คุณหนูไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ การเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟคืนนี้ยกเลิกไปดีก่อนไหม หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ” นางรีบก้มหน้ากับพื้นเพราะรู้ว่าตนออกความคิดเห็นมากเกินไปแล้ว
เจ้านายของตนรอเทศกาลคืนนี้มาโดยตลอด แต่นางกลับไปขัดอารมณ์ท่านหญิงเอาแต่ใจเสียได้ เกรงว่า อีกสักพักนางคงโดนตบ
“.....” เฉินลู่เอ๋อ มองหญิงรับใช้ด้วยสีหน้าไม่สื่ออารมณ์ “ข้าสบายดี คืนนี้ข้าจะออกไป” ผู้เป็นเจ้านายพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
สิ้นเสียงของท่านหญิงเอาแต่ใจ ก็พบว่าเฉินลู่เอ๋อ เดินออกไปนอกห้องแล้ว เสี่ยวหรันที่ยังหวั่นเกรงนิสัยร้ายกาจของเจ้านาย รีบหยิบเสื้อคลุมตามออกไป
มีบางอย่างเปลี่ยนไป เป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่แม้แต่ตัวของเฉินลู่เอ๋อเองก็ไม่เข้าใจ อีกไม่นานจะถึงเวลาที่คนผู้นั้นมารับนางออกไป
เห้อ!!!
ถอนหายใจ ถอนหายใจอีกแล้ว ไม่รู้ว่านางถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา
ส่วนเสี่ยวหรันพิจารณาท่าทีของนายหญิงอย่างไม่เข้าใจ แล้วชุดสีเหลืองที่นางเตรียมเอาไว้เล่า จะไม่ใส่แล้วหรือ เมื่อหลายวันก่อนนางยังโวยวายยกใหญ่ ที่เสื้อผ้าชุดนั้นเย็บตัดไม่ทัน ถึงขั้นไปโวยวายเอาเรื่อง แอบอ้างชื่อตระกูลข่มขู่เจ้าของร้าน
จนต้องอดหลับอดนอนเย็บตัดออกมาให้ทันวันนี้ น่าเสียดายแย่
“คุณหนูเจ้าคะ แล้วชุดนั้นเล่า ท่านไม่ใส่แล้วหรือ”
“ไม่ใส่” ลู่เอ๋อปฏิเสธเรียบง่าย
“แล้วท่านจะออกไปงานเทศกาลทั้งที่ใส่ชุดเช่นนี้หรือเจ้าคะ”
ลู่เอ๋อคร้านจะฟังเสียงบ่นของเสี่ยวหรัน นางจึงรับเสื้อคลุมมาใส่ด้วยตนเองและเดินไปรอเขาที่ห้องรับแขกด้านหน้า
ไม่นานชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาในชุดสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏตัว สีหน้าท่าทางของคนผู้นั้นดูเคร่งเครียดบอกบุญไม่รับ
มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน การเที่ยวเทศกาลโคมไฟของนางในครานี้เป็นการจัดแจงขององค์จักรพรรดิ แว่วว่าเขาอยากให้ความสัมพันธ์ของคนหนุ่มสาวดีขึ้น เพื่อที่ในอนาคตหากแต่งงานกันไปจะได้รักใคร่สมัครสมาน
มีบางอย่างในตัวนางที่แปลกไป เฟิ่งหยางชิงเองก็ไม่เข้าใจ เขาไม่เคยเห็นนางแต่งกายเรียบง่ายเช่นนี้มานานมากแล้ว ล่าสุดเหมือนจะเป็นเมื่อตอนนางอายุ 12
คนตัวเล็กตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อได้พบหน้ากับเฟิ่งหยางชิง การตายของนางทั้งหมดล้วนมีเขาเป็นตัวต้นเหตุ กว่าจะทำใจเดินขึ้นรถม้าไปด้วยกันได้ก็ยากพอสมควร
“คารวะท่านอ๋อง” ลู่เอ๋อทักทายตามมารยาท
“ท่านอ๋อง?” เฟิ่งหยางชิงฉงนใจ นางไม่เรียกเขาว่า ‘พี่หยางชิง’ แล้วหรือ
เฉินลู่เอ๋อต้องสยบความหวาดกลัวในจิตใจเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับบุรุษตัวสูง นางเดินผ่านหน้าเขาไปที่รถม้าโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” นางโผล่หน้าออกมาเรียกเฟิ่งหยางชิงที่ยืนงงให้ขึ้นรถม้า
“...” เจ้าของนัยน์ตาสีเข้มมองหน้านางครู่หนึ่งก่อนจะก้าวขาตามขึ้นไป
บรรยากาศบนรถม้าค่อนข้างอึดอัด ทุกครั้งจะเป็นนางที่คอยชวนเขาคุย แต่ครั้งนี้ต่างกัน ไม่เพียงไม่พูดคุยเจรจาเช่นเดิม นางกลับเปิดม่านมองออกไปนอกรถม้า สายตาเหม่อลอยคล้ายกับคิดสิ่งใดไม่ตก
ในที่สุดชายหนุ่มก็อดทนไม่ไหว
“เจ้าจะเล่นละครอะไรอีก” เฟิ่งหยางชิงขึ้นเสียงใส่
คนตัวเล็กที่เหม่อลอยตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว นางเริ่มพูดจาละล่ำละลัก
“ข้า.... ข้าขอโทษ....ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวทรุดกายลงไปกับพื้นรถม้า โอบกอดตัวเองอย่างหวาดหวั่น
“เจ้าเป็นอะไร” เขายังคงตะคอกใส่นาง
เหตุการณ์ในช่วงเวลาต่าง ๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัว ทุกครั้งก่อนที่เขาจะสังหารหรือกำจัดนางทิ้ง จะขึ้นเสียงดังโวยวาย ลู่เอ๋อกลัว กลัวว่าเขาจะกำจัดนางทิ้งอีกครั้ง
ใครจะรู้ดีเท่านาง ว่าความตายนั้นทรมานขนาดไหน
“ทะ ท่านอ๋อง ขะ...ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ทำให้ท่านโกรธอีกแล้ว ปล่อยข้าไปเถอะ...” คนตัวเล็กน้ำตานองหน้า
เฟิ่งหยางชิงเคยเห็นน้ำตาของนางมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ไม่ใช่น้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะเขาขัดใจนาง แต่ดูเหมือนว่าเวลานี้นางกำลังหวาดกลัวเขามากกว่า
“อย่ามาตลก ข้าเคยทำร้ายท่านหรือท่านหญิงเฉิน”
สิ้นประโยคนั้นนางจึงคิดได้ว่า เขาไม่มีความทรงจำเฉกเช่นเดียวกับนาง เวลานี้เขาจะยังไม่ทำร้ายนาง
แต่ในอนาคตเล่า ใครจะรับรองได้...
คนตัวเล็กหลับตาเพื่อสงบสติอารมณ์ และเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้างดงามที่ไร้เครื่องสำอาง แววตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
จนกระทั่งรถม้ามาหยุดอยู่ที่หอชมเมือง ภัตตาคารอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวงแคว้นเฟิง ไม่ต้องรอให้เขาเรียก นางรีบกระโดดลงจากรถม้าและขึ้นไปด้านบนทันทีราวกับรู้อยู่แล้วว่าห้องไหนที่เขาจองเอาไว้
บรรยากาศในร้านเหมือนเดิมกับทุกครั้ง
นายท่านตัวกลมที่เดินตกบันได....
เสี่ยวเอ้อที่ทำกาสุราหล่นแตก....
บัณฑิตหนุ่มที่ช่วยคุณหนูคนงามไม่ให้สะดุดล้ม....
จะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยหรือเฉินลู่เอ๋อเดินขึ้นบันไดอย่างท้อใจ