บทนำ(2) เลือกแม่พันธุ์
โรงน้ำชาที่หญิงสาวทำงานอยู่นั้น เป็นโรงน้ำชาขนาดเล็ก มีโต๊ะสำหรับลูกค้าเพียงแค่สิบโต๊ะ ทว่าภัตตาคารที่นางเดินตามหญิงผู้นี้เข้าไปนั้นหรูหรา เป็นตึกสูงกว่าสี่ชั้น อีกทั้งยังตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามเพื่อรองรับลูกค้ากระเป๋าหนัก แม้ทั้งสองแห่งจะตั้งอยู่ข้างกันแต่ก็แตกต่างกันราวผืนฟ้ากับก้นเหวลึกเลยทีเดียว
นางจำได้ว่าเมื่อครั้งยังเล็กบิดามารดาเคยพานางมารับประทานอาหารเลิศรสที่นี่ แต่มันก็เป็นเพียงอดีตไปเสียแล้ว เวลานี้แม้แต่จะเหยียบตีนบันไดสถานที่แห่งนี้นางยังรู้สึกว่าตนเองสกปรกและไม่คู่ควรเอาเสียเลย
“เข้าไปสิ ฮูหยินโจวกำลังรอเจ้าอยู่”
“ฮะ...ฮูหยินโจวหรือเจ้าคะ”
หวางเชียงอิงทวนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ใครบ้างไม่รู้จักฮูหยินโจวเล่า เพราะที่ดินแสนแพงใจกลางย่านการค้าแห่งนี้ล้วนเป็นของ ‘สกุลโจว’ ทั้งสิ้น
สกุลโจวเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนไท่ ต้นตระกูลทำการค้าขายจนร่ำรวย ลูกหลานทายาทก็ล้วนหลักแหลมบริหารเงินทองจนเพิ่มพูน อีกทั้งยังตบเท้าเข้ารับราชการเป็นขุนนางระดับสูง ช่วยให้ตระกูลมั่งคั่งยิ่งๆ ขึ้นไป
ทว่า...
เรื่องน่าเศร้าของสกุลโจวเมื่อสี่เดือนก่อนยังคงกระจ่างชัดในความทรงจำ ด้วยหญิงสาวทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในโรงน้ำชา ข่าวลือข่าวโคมลอยข่าวซุบซิบใดๆ ล้วนเข้าหู
ประมุขโจวและคุณชายโจวได้ประสบอุบัติเหตุ รถม้าพลิกตกจากขอบหน้าผา ประมุขโจวนั้นเคราะห์ร้ายเสียชีวิตคาที่ ส่วนคุณชายโจวอาการสาหัสนอนรักษาตัวอยู่เกือบสองเดือนจึงฟื้นคืนสติ ทว่ากลับกลายเป็นชายพิการไม่อาจเดินเหินได้อีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นใบ้พูดไม่ได้เพราะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแสนสาหัส
เวลานี้อำนาจทุกอย่างในตระกูลจึงตกอยู่ที่ ‘ฮูหยินโจวเล่อเสีย’ ผู้เป็นมารดาเลี้ยงของ ‘คุณชายโจวเหวินหลง’ แต่เพียงผู้เดียว
“แม่นางหวางเชียงอิงมาแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน”
“เข้ามาสิ”
น้ำเสียงเย็นใสกังวานทำให้สตรีตัวเล็กถึงกับห่อไหล่ลงด้วยความยำเกรง
“ข้าน้อยหวางเชียงอิงขอคารวะฮูหยินโจวเจ้าค่ะ”
เชียงอิงเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารส่วนตัวซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของภัตตาคาร ก่อนจะยอบกายทำความเคารพอย่างอ่อนย้อม เมื่ออีกฝ่ายผายมือให้นั่ง นางจึงยอบกายขอบคุณอีกครา ก่อนจะค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งตรงข้ามฮูหยินโจวเล่อเสียที่กำลังมองนางอย่างสำรวจตรวจตรา
“มารยาทใช้ได้ สมแล้วที่เติบโตมาในตระกูลของขุนนาง ประมุขและฮูหยินหวางคงดูแลสั่งสอนเจ้ามาอย่างดีสินะ”
“ฮูหยินยกยอเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
เชียงอิงก้มหน้านิ่ง สายตามองต่ำอย่างรักษามารยาท ทว่าในสมองกลับยังงุนงงครุ่นคิด ด้วยไม่เข้าใจว่าสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ต้องการอะไรจากตนกันแน่
ฮูหยินเล่อเสียหันไปพยักหน้าช้าๆ ให้กับพ่อบ้านสูงวัยที่ยืนอยู่ด้านหลัง พ่อบ้านจึงได้นำตำลึงทองมาวางไว้บนโต๊ะ
“ทั้งหมดห้าสิบตำลึงทอง มันจะเป็นของเจ้าทันทีหากเจ้าตกลงรับข้อเสนอของข้า”
ฮูหยินโจวไม่อารัมภบทให้มากความ จึงตรงเข้าประเด็นสำคัญทันที ด้วยสืบพื้นเพกำพืดของอีกฝ่ายมาจนหมดแล้ว
ในบรรดาหญิงสาวทั้งหมดที่นางหมายตา หวางเชียงอิงมีคุณสมบัติเหมาะสมมากที่สุด
นั่นเพราะเด็กสาวกำลังจนตรอกเพราะน้องชายป่วยหนัก เติบโตมาในตระกูลที่สิ้นไร้อำนาจวาสนาจึงมีความเจียมตัวเจียมตน ไร้ตระกูลใดๆ หนุนหลังดั่งไร้ญาติขาดมิตร
อีกทั้งเมื่อสืบดูจึงพบว่ากรรมพันธุ์ฝ่ายมารดาของหญิงผู้นี้นั้นมีบุตรง่าย จะเห็นว่านางมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน หากฮูหยินหวางไม่สิ้นไปเสียก่อนคงจะตั้งท้องบุตรอีกหลายคนเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อสืบไปถึงผู้เป็นยายก็มีบุตรถึงสิบสองคน เช่นนี้แล้วหวางเชียงอิงจึงยิ่งเหมาะสมกับการทำหน้าที่ ‘แม่พันธุ์’ ตามที่นางต้องการ