บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 13 เจ้าร้อนตัว

ในสนามรบ เขามีประสบการณ์สู้รบกับทหารนับหมื่น และเขาแทบไม่เคยพลาด แต่วันนี้เขาเสียท่าต่อหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะเขารู้สึกว่าจาก ตำแหน่งที่ถูกเข็มแทงเข้ามามีความรู้สึกเสียวซ่าน ที่แผ่ไปทั่วร่างกายส่วนบนอย่างรวดเร็ว ทำให้เขา อ่อนแรงจนแทบขยับตัวไม่ได้

เขากัดฟันและจ้องไปยังเซี่ยชูหลิงด้วยความ โกรธ "นี่เจ้ากล้าวางยาข้าได้อย่างไร"

ในเมื่อยาพิษถูกแทรกซึมเข้าไปแล้ว คำถามนี้ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระไม่ใช่หรือ?

เซี่ยชูหลิงหรี่ตาของนางลงและพยายามลุกขึ้น "หม่อมฉันเกลียดผู้ชายที่ทุบตีผู้หญิงเป็นที่สุด และท่านก็ยั่วโมโหหม่อมฉันเอง ไทเฮาไม่ได้อนุญาตให้หย่าร้าง แต่เช่นเดียวกัน หม่อมฉันก็สามารถเป็นแม่หม้ายได้"

“บังอาจ!” สองคำถูกบีบเค้นออกมาผ่านช่องว่างระหว่างฟัน มู่หรงเหยียนรู้สึกว่าเขาได้รับความอัปยศ อดสูอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของเขา "ข้าคนนี้จะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ!"

“เมื่อก่อนหม่อมฉันไม่กล้า แต่หลังจากได้ยินคำที่ท่านอ๋องข่มขู่หม่อมฉันก็คิดว่าจะเป็นแม่ม่ายดีกว่าต้องตายอย่างไม่ยุติธรรม”

นางพลิกข้อมือและวางเม็ดยาสีดำไว้ที่ฝ่ามือ ขาวแดงก่ำของนางพร้อมกับส่งยิ้มแสนยั่วยวนให้ มู่หรงเหยียน

 "พิษหญ้าไส้ขาดหนึ่งเม็ด สามารถทำให้วัว ทั้งตัวตายได้ ดังนั้นข้าจะเก็บไว้ครึ่งหนึ่งและอีก ครึ่งหนึ่งให้ท่านกินดีไหม? เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ เลือดไหลออกจากธาตุทั้งเจ็ดจนตาย มิฉะนั้นจะทำให้ชายารองที่แสนดีของท่านตกใจเอาได้?"

นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อบีบสันกรามของมู่หรงเหยียนแต่ข้อมือของนางก็ถูกรั้งไว้อย่างแน่นหนาโดยมือใหญ่ของเขาด้วยเช่นกัน

แม้ว่าพละกำลังจะไม่มากนักแต่ด้วยการสะบัดข้อมือของเขาก็ทำให้กำมือได้แน่นขึ้น

ชายคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? ผลลัพธ์พิเศษของลิโดเคนที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยไวรัสติดต่อของพวกนางปกติแล้วจะใช้เวลาออกฤทธิ์ไม่ถึงหนึ่งนาที แต่เขาเป็นคนเดียวที่ขัดต่อการดำรงอยู่ของวิทยาศาสตร์

เซี่ยชูหลิงรู้ว่าในแง่ของทักษะฝีมือนางนั้นไม่ สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แน่นอน แต่ในขณะที่ฤทธิ์ของยายังคงอยู่ ร่างของนางก็ฉายแววและ หลบหลีกระยะอันตรายของมู่หรงเหยียนได้อย่างรวดเร็ว

มู่หรงเหยียนเดินเข้ามาหานางทีละก้าว แม้ว่าจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ทว่าแต่ละก้าวของเขา กลับมั่นคงเป็นอย่างมาก "เจ้ากล้าที่จะวางยาข้า เซี่ยชูหลิงเจ้าคงเหนื่อยกับการใช้ชีวิตแล้วจริงๆสินะ"

เซี่ยชูหลิงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเย็นชา "เอาแต่ขู่เข็ญคนอื่น แต่ท่านทำอะไรไม่ได้เลยหรือ มู่หรงเหยียนหม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งใจที่ท่านไม่ได้ฆ่าข้าในตอนที่มีโอกาส

ดังนั้นหม่อมฉันจึงยินดีที่จะอยู่ในจวนของท่านชั่วคราว แต่ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นพระชายาเอก ของท่านอ๋องหม่อมฉันไม่หวงแหนความเงียบสงบของตนเอง มิฉะนั้นคงไม่ต้องกระโดดน้ำฆ่าตัวตายในวันแต่งชายารองของท่าน

 และเพื่อประโยชน์ของเหล่าไท่จวิน หม่อมฉันจะแสดงละครเป็นเพื่อนท่าน แต่เงื่อนไข แรกคือบ่อน้ำบาดาลต้องไม่รบกวนน้ำในแม่น้ำ จะ ต้องไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ถ้าหากพวกท่านสอง คนยังเอาแต่เบียดเบียนกันแล้วทำให้หม่อมฉัน ลำบากใจ พวกท่านทั้งสองจะต้องตายด้วยกัน!"

สายตาของนางแสดงถึงการทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด อย่างสุดตัว แสงในดวงตาของนางเหมือนกับดาบที่เย็นชาและเด็ดขาด เซี่ยชูหลิงค่อยๆ กวาดสายตาผ่านตัวเขาไปที่ประตู ให้ความรู้สึกที่เย็นยะเยือกเพิ่มขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ

มู่หรงเหยียนกำหมัดแน่น อาการชาที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนร่างกายทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเขากัดฟัน และเอ่ยว่า “เรื่องทั้งหมดในวันนี้เจ้าเป็นคนเลือกเองนะ...”

“หม่อมฉันยั่วโมโห?” เซี่ยชูหลิงยกยิ้มหัวเราะออกมาอย่างจนใจ "หึหึ หม่อมฉันอธิบายไปตั้งแต่แรกแล้วว่า กระต่ายตัวนี้มาจากนอกวัง ระหว่างทางวันนี้ หม่อมฉันพบรัชทายาทมู่หลิงเฟิงหลังจากกลับจากการล่าสัตว์ แล้วมอบให้หม่อมฉันมาเพื่อนำไปลองชิม ถ้าท่านไม่เชื่อข้าท่านก็สามารถลองถามรัชทายาทมู่ได้ เขาสามารถเป็นพยานได้"

มู่หรงเหยียนยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “หลินเฟิงยุ่งกับกิจของเขาในสองสามวันที่ผ่านมา เขาจะมีเวลาออกไปล่าสัตว์ได้อย่างไร คนรับใช้บอกว่านางพบเลือด และขนที่ประตูตำหนักของเจ้า"

“ไม่ว่าหม่อมฉันจะพูดอธิบายไปมากมายเพียงใด ก็มักจะมีข้อคัดค้านอีกข้อหนึ่งเสมอสำหรับความสงสัยของท่าน" เซี่ยชูหลิงยิ้มเล็กน้อย "ไม่เช่นนั้นเราทั้งสองมาเดิมพันกันไหมล่ะ”

“เดิมพันอะไร?”

“ง่ายมาก ก็นำสุนัขสองตัวไปสืบหากลิ่นรอบๆเรือนไป๋หลานของชายารองดูสิ หม่อมฉันเชื่อว่าท่านสามารถหาคำตอบที่ท่านต้องการได้เพคะท่านอ๋อง”

มู่หรงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า อย่างไร”

“หมายความว่า เพื่อที่จะได้รับความรักและความโปรดปรานจากท่านอ๋องแล้วชายารองลงทุนลงแรงกับเสวี่ยเอ๋อไปมาก เหตุใดท่านอ๋องไม่ลองให้สุนัขดมกลิ่นแล้วขุดพื้นหนึ่งเมตรเพื่อหามันออกมา แล้วให้ชายารองที่แสนดีของท่านอ๋องได้ไว้ทุกข์แล้วนำไปฝังศพอีกครั้งล่ะเพคะ"

สีหน้าของเสิ่นหยุนชูที่อยู่ด้านหลังเปลี่ยนไป อย่างมากนางส่ายหน้าด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ ข้าไม่ต้องการเห็นภาพที่น่าสยดสยองนองเลือด นั่น!” ว่าแล้วก็ก้มศีรษะลงและปิดหน้าด้วย ผ้าเช็ดหน้าร่างกายของนางสั่นคลอน

มู่หรงเหยียนรู้สึกลังเลเล็กน้อย เซี่ยชูหลิงเย้ยหยัน “เห็นได้ชัดว่าชายารองมีความสุขมากที่เห็นภาพน่าสังเวชของข้าจากการโดนท่านอ๋องทำร้ายเพื่อปกป้องตนเอง ที่แท้ในใจของเจ้าชีวิตคนคนหนึ่งยังสู้กระต่ายไม่ได้เลย"

กล่าวจบนางหันกลับไปที่เรือน เมื่อเดินไปถึงประตูนางก็หัน กลับมาอีกครั้งแล้วพูดกับมู่หรงเหยียนว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่าวันนี้แม่นมติงในตำหนักของหม่อมฉันได้รับคำสั่งจากชายารองให้ไปอบเค้กดอกไม้ในครัววันนี้ ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะให้ความสำคัญกับการกลับบ้านสามวันในวันพรุ่งนี้ของชายารองมาก"

มู่หรงเหยียนคำรามเบาๆ แล้วตอบกลับไปว่า "ข้าสั่งให้ คนไปแจ้งจวนรองแม่ทัพเสิ่นแล้วว่าชายารองยังบาดเจ็บอยู่และจำเป็นต้องนอนพัก หลังจากว่าราชการพรุ่งนี้ ข้าจะไปนอกเมืองหลวง"

“ตามสบายเลยเพคะ บังเอิญว่าหม่อมฉันต้องบดยาให้เหล่าไท่จวิน คงจะไม่มีเวลาจัดการอะไรต่อมิอะไรให้หรอก"

มู่หรงเหยียนเม้มริมฝีปากบางของเขาเพื่อระงับความโกรธ “นี่เจ้าขู่ข้าอีกแล้วงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่นะเพคะ ในเมื่อท่านอ๋องไม่ประสงค์จะไป ดังนั้นก็คืนแม่นมติงกลับมาให้หม่อมฉันด้วยแล้วกัน เนื่องด้วยที่นี่คนไม่พอหม่อมฉันไม่สะดวกที่จะทำอาหารเอง" เซี่ยชูหลิงโต้กลับ

ตั้งแต่กลับมาไม่พบแม่นมติงเลย บ่าวในจวนบอกว่าชายารองเรียกนางไปทำเค้กดอกไม้นี่เป็นผลทำให้นางและชิงฮวนต้องลำบากในการติดเตาและเผากระต่าย

มู่หรงเหยียนหายใจเข้าออกแรง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนที่น่าเกลียด หยาบกระด้าง แข็งกร้าว และไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน

เห็นได้ชัดว่านางกำลังนั่งทานเนื้ออยู่ชัดๆแล้วเวลานี้มาบอกเขาว่าต้องคืนแม่นมติงให้กลับมาทำอาหารให้นางอีก

ต่อให้นางพูดมันออกมาอย่างหยิ่งยโส แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือตนไม่มีทางจะปฏิเสธได้เลยเพราะนั่นมันคนของนาง

ถึงแม้ว่าเสด็จยายจะพยายามจับคู่ทั้งสองคนอย่างมีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง แต่ก็เป็นความจริงที่งานแต่งงานครั้งใหญ่ในวันนั้นเขาแทบจะโกรธจนไม่สามารถทำอะไรได้

เห็นแก่เสด็จยายที่กำลังล้มป่วย เขายังคงต้องอ้อนวอนขอร้องผู้หญิงคนนี้อย่างนอบน้อม

เขาส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชา “ชายารองได้ยินแล้วหรือยัง คืนคนของนางกลับมาให้นางเสีย"

เสิ่นหยุนชูก้มหน้ากล้ำกลืน สุดท้ายนอกจากนางไม่ได้อะไร ท่านอ๋องยังทวงคนให้นางอีก ในขณะที่กำลังจะกล่าวถึงความคับข้องใจ

เซี่ยชูหลิงที่หันตัวเดินกลับไปที่ตำหนัก ด้วยความพอใจก็เอ่ยขึ้นมา “หม่อมฉันไม่ได้ฆ่าเสวี่ยเอ๋อ หากไม่เชื่อไปถามรัชทายาทมู่ได้เลย เรื่องนี้หากท่านอ๋องอยากจะทราบความจริงก็สืบได้ไม่ยากระดับเหยียนอ๋องแล้วมีอะไรที่สืบไม่ได้"

เสิ่นหยุนชูกังวลทันที ใบหน้าของนางราวกับ กำลังจะร้องไห้ "นี่ท่านพี่พระชายากำลังกล่าวหาข้าอยู่นั้นหรือ?”

“ถ้าเจ้าร้อนตัวรับมันไปเอง ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ"

.....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel