บทที่ 13 ช่วยไท่จื่อน้อย
“เสด็จพ่อ!” ซาลาเปาน้อยร้องออกมาอย่างนุ่มนวล
ซวนหยวนเช่อเดินใกล้เข้ามาทีละก้าว “ยังไม่รีบปล่อยเขาอีก?”
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลง ในหัวครุ่นคิดไปมา จะถูกเขาจับคาหนังคาเขาเช่นนี้ไม่ได้ นางต้องรีบหนีไป!
เมื่อฟังจากเสียงแล้วเหมือนว่าเขาจะมาเพียงคนเดียว......
“คืนไท่จื่อให้นะ!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เฟิ่งเฉี่ยนยัดซาลาเปาน้อยไว้ในอกซวนหยวนเช่อด้วยความเร็วดุจสายฟ้า และถือโอกาสในตอนที่เขาเอื้อมมือไปรับซาลาเปาน้อยเอาไว้ หันกลับไปแล้ววิ่งหนี!
วิ่งไปได้ไม่ไกลนัก นางก็ได้ยินเสียงร้อนรนของซวนหยวนเช่อ “เย่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าอย่าได้กลัว พ่ออยู่นี้แล้ว! พ่อจะพาเจ้าไปหาหมอหลวง!”
เฟิ่งเฉี่ยนชะงักเท้าฉับพลัน นางหันกลับไปมอง และเห็นว่าใบหน้าของซาลาเปาน้อยมีผื่นแดงที่ขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ และเขาก็เป็นลมหมดสติไป จากนั้นก็ถูกซวนหยวนเช่ออุ้มแล้ววิ่งไปทางทิศตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
แย่แล้ว หรือว่าเป็นเพราะกินข้าวผัดไข่?
ด้วยความกังวลถึงความปลอดภัยของซาลาเปาน้อย เธอจึงมุ่งตามไปยังทิศทางที่ซวนหยวนเช่อไป โดยที่ไม่สนเลยว่าสถานะของตนจะถูกเปิดเผยหรือไม่
ณ ตำหนักตงกง
หมอหลวงและนางกำนัลเข้าๆออกๆกันจนวุ่นวาย
เฟิ่งเฉี่ยนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งนอกตำหนัก นางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ และหูก็พลางได้ยินเสียงถกเถียงกันของเหล่านางกำนัล
“องค์ชายน้อยน่าสงสารเกินไปแล้ว!”
“คนภายในวังต่างรู้ดีว่าองค์ชายน้อยแพ้ไข่ไก่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคนใจโฉดที่ไหนที่ให้องค์ชายน้อยกินไข่ และทำร้ายเขาจนน่าสงสารขนาดนี้!”
หัวใจเฟิ่งเฉี่ยนกระตุก
นางมีสถานะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดไท่จื่อ แต่กลับไม่รู้ว่าไท่จื่อน้อยแพ้ไข่ไก่ นางไม่ควรทำมันลงไปเลยจริงๆ!
เหล่านางกำนัลยังกล่าวขึ้นอีกว่า
“ได้ยินจากหมอหลวงว่าองค์ชายน้อยผื่นขึ้นไปทั่วทั้งตัวเลย อีกทั้งยังไข้สูงไม่ลด เกรงว่าจะผ่านไปได้อย่างยากลำบาก”
“ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ต่อให้องค์ชายน้อยผ่านไปได้ เกรงว่าเขาก็จะเป็นคนไร้ปัญญา!”
สองมือของนางกำหมัดแน่น ภายในใจเฟิ่งเฉี่ยนทั้งรู้สึกผิดและหงุดหงิดไปพร้อมๆกัน ถ้าองค์ชายน้อยต้องกลายเป็นคนไร้ปัญญาเพราะนาง นางจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต และไม่สามารถอภัยให้ตัวเองได้เป็นแน่
“เย่เอ๋อร์” นางรู้สึกคัดจมูก น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
แม้ว่าไท่จื่อน้อยจะไม่ใช่ลูกที่นางตั้งครรภ์แล้วคลอดออกมาเอง แต่ในตอนนี้จิตใจนางกลับผูกติดกับเขาแน่น นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้อย่างแท้จริง
ไม่ได้ นางต้องช่วยเขา! นางต้องช่วยลูกของนาง!
[นายท่าน น้ำร้อยหญ้าสามารถรักษาได้ทุกโรค ลองดูสิ!]
ในหัวปรากฏคำแจ้งเตือนจากฟ่านฟ่าน และเฟิ่งเฉี่ยนพลันก็ตระหนักขึ้นได้ จริงสิ นางลืมไปได้อย่างไร นางยังมีน้ำร้อยหญ้าอยู่สองขวด!
นางรู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง และรีบนำออกมาขวดหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปในตำหนักตงกง
“หยุดซะ! เจ้าเป็นใคร ถึงได้จะบุกเข้าไปในพระตำหนักตงกง?” ผู้คุ้มกันขวางนางเอาไว้
“ข้าคือหวางโฮ่ว รีบให้ข้าเข้าไปในตำหนักเสีย”
“บังอาจ! กล้าดียังไงมาสวมรอยเป็นหวางโฮ่ว?”
เฟิ่งเฉี่ยนนึกขึ้นได้ว่าตนเองปลอมตัวมา จึงไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายจะจำนางไม่ได้ ดังนั้นนางจึงหยิบตราหยกหงส์ออกมา แล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “แหกตาของเจ้าดูให้ชัดเสีย ว่าข้าคือหวางโฮ่วหรือไม่?”
เมื่อเห็นตราหยกหงส์ ผู้คุ้มกันก็หน้าถอดสี เขารีบคุกเข่าลงในทันที “กระหม่อมไม่ทราบว่าหวางโฮ่วจะเสด็จ ขอประทานอภัยโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าคนตรงหน้าได้หายไปแล้ว
ผู้คุ้มกันเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดหวางโฮ่วถึงได้สวมชุดนางกำนัลและใบหน้ายังมีรอยสกปรกด้วยเล่า?
เฟิ่งเฉี่ยนมาถึงประตูห้องบรรทม อย่างรวดเร็ว แต่นางก็ถูกผู้คุ้มกันสองคนขวางไว้อีกครั้ง!
“ข้าคือหวางโฮ่ว ใครบังอาจมาขวางข้า?” เฟิ่งเฉี่ยนนำตราหยกหงส์ออกมาโดยทันที
ผู้คุ้มกันหันสบตากัน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยไป
“ฝ่าบาทมีรับสั่งว่า นอกจากหมอหลวงแล้ว ใครหน้าไหนก็เข้าไปไม่ได้ทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนเผยสีหน้าเย็นยะเยือก นางยื่นมือไปผลักพวกเขาทั้งสองออก“ให้ข้าเข้าไป! ข้าเป็นแม่เขานะ!”
ผู้คุ้มกันทั้งสองแข็งแกร่งมากจนไม่อยากจะเชื่อ พวกเขากลับขวางนางเอาไว้ได้อีกครั้งในทันที
“หวางโฮ่ว อย่าให้กระหม่อมต้องลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
สายตาของเฟิ่งเฉี่ยนเฉียบแหลมขึ้น ฉับพลันก็เกิดจิตสังหารปกคลุมทั่วร่างของนางอย่างหนาแน่น“พวกเจ้ากล้าขวางข้าอีกครั้ง ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”
เมื่อนางกะพริบตา ร่างของผู้คุ้มกันทั้งสองคนก็ปรากฏตัวอักษรสีน้ำเงินขึ้นมาในทันที: พลังกาย300 พลังต่อสู้300 และ พลังกาย200 พลังต่อสู้200!
กระบวยพันชั่งร้อยแปลงของนางมี พลังกาย+1000 พลังต่อสู้+1000 รับมือกับสองคนนี้ได้อย่างสบาย!
ในตอนที่นางเตรียมจะใช้อาวุธเพื่อบุกเข้าไปนั้น ประตูห้องบรรทมก็พลันเปิดออกมา ซวนหยวนเช่อเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตาของเขาเย็นยะเยือกถึงขีดสุด
“ฝ่าบาท...” ทันทีเฟิ่งเฉี่ยนเปิดปาก ลมแรงขนาดใหญ่ก็ปะทะเข้ามาตรงหน้า
ชั่วขณะต่อมา ลำคอขาวก็ถูกฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบไว้อย่างแรง ด้วยความรุนแรงนั้น ลำคอเรียวของนางก็เหมือนจะถูกทำให้หักได้ในชั่วพริบตา
นางเงยหน้าขึ้น แล้วสบเข้ากับสายตาเย็นชาที่เย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก!
