บทที่ 15 ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก
ต้วนชิงเหยาเดินชิดผนังกำแพงและย่องเบาๆ ราวกับเป็นโจรขโมย เกรงว่าจะทำให้จุนเหยียนอานตื่นตกใจ
โชคดีที่เขานอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเคลื่อนไหว คล้ายกับว่านอนหลับไปแล้ว!
สิ่งของของตนเองวันนี้เพิ่งจะถูกแม่นมหวังให้คนย้ายเข้ามา ยังไม่ทันได้จัดเก็บ ก็เลยไม่รู้ว่าวางอยู่ตรงไหน
หากซิ่งเอ๋อร์อยู่ก็คงจะดี!
ต้วนชิงเหยากำลังลำบากใจ นางมองไปยังกล่องหลายใบที่มุมห้องและอดที่จะกลุ้มใจมิได้
นางเปิดกล่องไม้ใบแรก มันคือหนังสือลามกที่ฮ่องเต้พระราชทานให้!
กล่องใบที่สอง คือของเล่นที่ฮ่องเต้พระราชทานให้!
และเมื่อนางเตรียมจะเปิดกล่องใบที่สาม คนบนเตียงไม่รู้ว่ามาอยู่ด้านหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่
"เจ้ากำลังทำอันใดอยู่?"
ต้วนชิงเหยาไม่ทันได้เตรียมตัวนางถูกทำให้ตกใจจนหัวใจแทบกระโดดออกมาจากอก นางหันหลังกลับและถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และเท้าด้านหลังก็เตะเข้าไปที่กล่อง และสะดุดล้มลงไป
ในช่วงชุลมุนนั้น มือเท้าของนางขวักไขว่ ไม่ว่าจะจับอะไรก็จับแน่นไม่ยอมปล่อย เพื่อพยายามรักษาจุดศูนย์ถ่วงของตนเองเอาไว้ให้มั่นคง
"ปล่อย!"
จุนเหยียนอานยังไม่ทันพูดจบ ก็เกิดเสียงดังขึ้นมา ทั้งสองคนต่างล้มลงไปอยู่บนพื้น
ต้วนชิงเหยาตกใจจนหลับตาแน่นและสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มและอบอุ่นบนริมฝีปาก นางลืมตาขึ้นมองอย่างสงสัย และฉับพลันก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ!
คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องปัญญาอ่อนจะจูบนาง!
เสียงดัง"เพียะ" ต้วนชิงเหยาตบไอ้บ้ากามโดยไม่รู้ตัว
คาดไม่ถึงว่าจะกล้าเอาเปรียบนาง ไม่เห็นหรือว่านางเป็นใคร?
"ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?"
วันนี้เป็นวันพิเศษ แม่นมหวังจึงให้คนรับใช้ทั้งหมดออกไป และอยู่เฝ้าท่านอ๋องด้วยตนเอง
เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากในห้อง แม่นมหวังยังคิดว่ามันเกิดเหตุสุดวิสัยอันใดขึ้น จึงรีบเปิดประตูและเดินตะลีตะลานเข้ามาทันที
แต่เมื่อนางเดินมาถึงด้านนอกผ้าม่าน ก็เห็นภาพที่คนทั้งสองกำลังนอนกอดกันอยู่บนพื้น นางจึงปิดตาทันที
"ออกไป!" ทั้งสองคนที่นอนอยู่บนพื้นตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
นางไม่อยากให้ผู้อื่นเห็นความน่าละอายของนาง แล้วเหตุใดเขาจะไม่อยากล่ะ!
ผู้หญิงที่กล้าตบหน้าเขา นางยังคงเป็นคนแรก!
"ข้าน้อยไม่เห็นอะไรเลย พวกท่านต่อกันเถอะ ทำต่อเถอะเจ้าค่ะ!"
เสียงดัง"ปัง" ประตูใหญ่ถูกปิดลงอีกครั้ง
ต้วนชิงเหยารู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าแม่นมหวังเข้าใจผิดเสียแล้ว!
"ยังตกตะลึงอะไรอยู่เล่า? ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก!"
นี่เป็นจูบแรกของนาง ไม่มีบรรยากาศโรแมนติกใดๆ และคนที่ขโมยมันไป ยังเป็นคนปัญญาอ่อนอีกด้วย!
ท้ายที่สุดแล้วตนเองทำอะไรผิด สวรรค์จึงได้ลงทัณฑ์นางเช่นนี้!
หูของจุนเหยียนอานร้อนผ่านและยังไม่ได้สติกลับมา นี่เป็นจูบแรกของต้วนชิงเหยา และมันไม่ใช่ของเขาด้วยหรอกหรือ?
ตนเองแสร้งบ้าแสร้งปัญญาอ่อนมานานหลายปีเช่นนี้ ข้างกายมีแต่แม่นมสูงอายุ กับสาวใช้ที่ซุ่มซ่ามเงอะงะ ไม่เคยปรากฏหญิงอื่นเลย!
คาดไม่ถึงว่าริมฝีปากของนางจะนุ่มนวลและหอมหวานเช่นนี้ เขารู้สึกอารมณ์ค้างเล็กน้อย
"เจ้ากล้าตบข้าหรือ?"
เมื่อความเจ็บแสบบนใบหน้าทอดเข้ามา จุนเหยียนอานจึงได้สติและรู้สึกโมโหเดือดดาล
ถึงแม้ว่าจะเป็นคนปัญญาอ่อน แต่เขาก็เป็นท่านอ๋องปัญญาอ่อนที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด ใครกล้าปฏิบัติเช่นนี้กับเขาบ้างล่ะ?
"ใครให้เจ้ามารังแกข้าล่ะ!"
ตุนเหยียนอานในเวลานี้จ้องมองด้วยดวงตาแดงฉาน ดวงตาราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน ท่าทางนั้น ราวกับสัตว์ร้ายที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล!
ต้วนชิงเหยากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และรู้สึกหวาดกลัวความดุร้ายที่นางไม่อาจอธิบายได้!
แต่ว่ามันไม่ถูกต้อง เขาเป็นคนที่รังแกนางก่อน ตนเองก็แค่ป้องกันตัว แล้วจะต้องหวาดกลัวอะไรเล่า?
"เสด็จพ่อบอกว่า เจ้าเป็นภรรยาของข้า ข้าจะรังแกอย่างไร ก็ย่อมทำได้!"
จุนเหยียนอานกัดฟันกล่าวเตือนนาง อย่าพูดถึงว่าเขาไม่ได้ปัญญาอ่อนเลย ถึงแม้ว่าเขาจะปัญญาอ่อนจริงๆ ก็ตามเถอะ
"อีกอย่างหนึ่ง เป็นเจ้าที่ดึงข้าไปด้วย ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาคิดบัญชีกับข้า!"
แต่ละคำพูดของท่านอ๋อง มีระเบียบแบบแผนชัดเจนเช่นนั้น ต้วนชิงเหยาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า : "เจ้าปัญญาอ่อนจริงหรือแกล้งปัญญาอ่อนกันแน่? เป็นไปได้หรือไม่ที่การล้มเมื่อครู่นี้ มันทำให้สมองของเจ้าดีขึ้นแล้ว?"
ต้วนชิงเหยาเห็นฉากเช่นนี้จากในละครโทรทัศน์ เนื่องจากท่านอ๋องอานตกหน้าผาจนสติเสีย หากล้มอีกครั้งและดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เช่นนั้นก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
"เจ้าต้องการจะทำอะไร?"
ต้วนชิงเหยายังไม่ทันได้ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของจุนเหยียนอาน จุนเหยียนอานก็ถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างระมัดระวัง
ไม่มีเหตุผลเลยที่ใบหน้าด้านซ้ายถูกตบไปแล้ว และจะตบใบหน้าด้านขวาทันที?
หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่เรียกว่าปัญญาอ่อนแล้ว เรียกว่าโง่จะดีกว่า!
จุนเหยียนอานใจเต้นระรัว ตนเองแสร้งบ้าแสร้งปัญญาอ่อนมานานหลายปีเช่นนี้ ไม่เคยมีผู้ใดสงสัยเลยว่าเป็นจริงหรือหลอก!
เหตุใดจึงถูกนางมองออกภายในแวบเดียวล่ะ?
หรือว่าตนเองจะเผยพิรุธออกมา?
"ในเวลานั้นเจ้าล้มตรงไหน ตรงนี้? หรือว่าตรงนี้?"
ต้วนชิงเหยาชี้ไปที่ศีรษะของจุนเหยียนอาน และพูดพึมพำว่า "ถ่ายรูปก็ไม่ได้ และมองไม่เห็นถึงสถานการณ์ด้านในด้วย ต่อให้ข้ามีความสามารถมากมาย ก็จนปัญญาจริงๆ!"
เมื่อจุนเหยียนได้กลิ่นหอมที่ซึมซาบเข้ามา เขาก็ก้มลงไปมอง จึงสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของนาง!
"เหตุใดเจ้าจึงแต่งตัวเช่นนี้?"
จุนเหยียนอานเพิ่งจะสังเกตเห็นการแต่งตัวของต้วนชิงเหยา นางใช้ผ้าม่านสีแดงมาพันรอบอกเอาไว้ เผยให้เห็นไหล่กลมและแขนที่ราวยาว
เขาก้มหน้าลง และมองไปยังมุมอื่น เพื่อทองสิ่งที่ควรจะมอง!
นี่ไม่ใช่การยั่วหรอกหรือ?
อันที่จริง หญิงสาวที่ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยส่งมา แต่ละคนช่างร้ายกาจ คาดไม่ถึงว่ายังไม่สามารถแสร้งปล่อยเพื่อจับได้เลย!
"ข้า เจ้าคิดว่าข้าอยากแต่งตัวเช่นนี้หรือ? ไม่ใช่ว่าหาเสื้อผ้าไม่เจอหรืออย่างไร? ตกตะลึงอันใดอยู่เล่า? ยังไม่รีบมาช่วยข้าหาอีก ว่ากล่องไหนเป็นของของข้า!"
ต้วนชิงเหยาก็เพิ่งตระหนักได้ถึงการแต่งตัวของตนเองในตอนนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่ามันจะดีกว่าชุดบิกินี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงไม่เหมาะสม
"เจ้า——"
เขาเป็นถึงท่านอ๋อง จะทำงานหนักเช่นนี้ได้อย่างไร?
"เจ้าอะไรล่ะ? ยังไม่รีบมาช่วยข้าหาอีก? เจ้าเปิดกล่องนั้นดูสิ ใช่ กล่องนั้นข้างๆ เท้าของเจ้านั่นแหละ!"
จุนเหยียนอานถอนหายใจอย่างเงียบๆ ช่างเถอะ เพียงแค่เปิดกล่องมิใช่หรือ? ก็แค่เปิดง่ายๆ เท่านั้น
เพียงแต่ กล่องนี้ยังคงเป็นสิ่งของพระราชทานจากฮ่องเต้
จนต้วนชิงเหยาเหนื่อยล้าหมดแรง ก็ยังหาเสื้อผ้าของตนเองไม่เจอ นางจึงถือโอกาสถามว่า : "เอาเสื้อผ้าของเจ้ามาให้ข้ายืมสวมใส่หน่อยได้หรือไม่?"
เช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ?
"เสื้อผ้าของผู้ชาย เจ้าจะสวมใส่ได้อย่างไรกัน?"
"ทำไมเล่า? เจ้าหวงหรือ?"
พูดจาเหลวไหลอะไรกัน เข้าเป็นท่านอ๋องผู้สูงส่งจะหวงเสื้อผ้าได้อย่างไรกัน?
"เอาไป!"
ต้วนชิงเหยารับเสื้อผ้าที่ท่านอ๋องส่งมอบให้ และเข้าไปด้านหลังฉากกั้นห้อง
ท่านอ๋องอานแขนขายาว เสื้อผ้าที่สวมใส่ชุดนี้ยังคงไม่เหมาะกับนางเลยจริงๆ เพียงแต่ว่า มีให้สวมใส่ก็ยังดีกว่า
ต้วนชิงเหยาไม่ได้พิถีพิถันเช่นนั้น นางพับแขนเสื้อ และพับขากางเกงขึ้นมา
นางรู้ดีว่าตอนนี้ตนเองดูน่าตลกขบขัน เพียงแต่ว่า นางไม่สนใจ!
"เช่นนั้น คืนนี้เจ้านอนบนเตียงนะ ข้าจะนอนที่นี่!"
เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ต้วนชิงเหยากอดหมอนแล้วแล้วไปนั่งลงบนตั่งที่อยู่ข้างหน้าต่าง!
แม่นมหวังคิดว่าเมื่อขังทั้งสองคนเอาไว้ในห้อง จะสามารถทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกได้ นั่นเป็นการคิดผิดมหันต์!