ตอนที่5(พ่อของพี่เข้ม)
“เสือเย็น”เป็นวิชากลายร่างจากมนุษย์แปลงเป็น เสือ ตำนานสมิงร้ายแห่งล้านนาที่อยู่คู่กับเรื่องเล่าของชาวบ้านมานาน
“เสือเย็น" วิชากลายร่างจากมนุษย์แปลงเป็น "เสือ" ถึงวิชาคล้ายกับ "เสือสมิง"
เสือเย็น จะเป็นวิชาอาคมที่ใช้แปลงร่างเป็นเสือ แต่สามารถควบคุมสติของตนเองและไม่อาละวาดฆ่าคนได้ แต่ถ้าเป็นเสือสมิงจะไม่สามารถควบคุมสติของตนเองได้เมื่อกลายร่าง
………………………………………………
ดาวเหนือ….
ต่อ…
พรึบ
“แผลเอ็งพรุ่งนี้ก็น่าจะหายแล้ว…”พี่เข้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาใส่ยาสมุนไพรให้ผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็นั่งมองพี่เข้มสุดหล่อตาไม่กระพริบด้วยความปลื้มปริ่มใจยังไงบอกไม่ถูก
นี่ผมกำลังชอบเขาคนนี้แล้วใช่ไหม?
พี่เข้มใช้ผ้าผืนใหม่พันรอบๆเอวผมเพื่อปิดบาดแผลผมให้อย่างนุ่มนวลและเบามือ ผมก็จ้องมองพี่เข้มตลอดระยะเวลาที่เขาทำแผลให้ผม
แต่น่าแปลกใจว่าผมนึกว่าจะโดนยิงจนตัวพุนซะอีกทีไหนได้โดนแค่นัดเดียวแต่ก็น่าแปลกอีกว่าทำไมเวลาแค่สามวันแผลผมถึงได้หายเร็วอย่างนี้
เพราะมันเกือบปิดจนสนิทแล้ว แผลสมานกันจนจะหายอยู่แล้วหรืออาจจะเป็นเพราะยาสมุนไพรของพี่เข้มก็ได้
ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเขาคนนี้ มันคืออะไรกันนะ
“เรา…เคยเจอกันมาก่อนไหมครับ..?”ผมเอ่ยถามพี่เข้มไปอย่างสงสัย พี่เข้มที่ทำแผลเสร็จแล้วก็ทำท่าจะยันตัวลุกขึ้นยืนก็หันมามองหน้าผม ด้วยแววตาที่เรียบเฉย
“ใช่…เอ็งกับข้าเคยเจอกัน”
“แต่มันมานานแล้ว…”พี่เข้มตอบผมเสียงเรียบแววตาเรียบเฉยก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องนี้ไป ปล่อยให้ผมงุนงงกับคำพูดของเขาอยู่เพียงคนเดียว
เคยเจอกันมานานแล้วเหรอ…?
ไม่นะ…ผมกับเขาเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหนิ…
แต่ทำไมเขากลับพูดแบบนั้นล่ะ…?
ผมจมปรักอยู่กับคำพูดที่แสนจะกำกวมของพี่เข้มทั้งวันทั้งคืน นั่งก็แล้ว นอนก็แล้ว ผมก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าเคยเจอเขาคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ความรู้สึกของผมมันบอกว่าผมคุ้นเคยและผูกพันกับเขามาก่อนแน่ๆ
เช้าวันต่อมา….
“อื้ออออ”ผมบิดขี้เกียจไปมาอย่างหลับสบายเพราะอากาศตอนกลางคืนที่นี่ค่อนข้างเย็นสบายมากๆ
ว่าแต่แถวหุบเขาภูดาวมีหมู่บ้านด้วยเหรอ?
ผมไม่ยักรู้มาก่อนแหะ…ตอนที่ผมสำรวจพื้นที่กับกรมป่าไม้ก็ไม่เคยเจอหมู่บ้านเลยนะ
หรือคนพวกนี้จะเป็นพวกเพื่อนบ้านของผม แต่ก็ไม่น่าใช่นะเพราะเขาพูดภาษาไทยหนิ ผมฟังพี่เข้มเข้าใจและหน้าตาพี่เข้มก็หล่อเข้มสมเป็นชายชาติไทยสมบูรณ์ทุกอย่างเลยด้วย
หรือว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะตกสำรวจ ใช่ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ
วันนี้ผมจะเดินสำรวจเพื่อจะกลับบ้านให้ได้และก็จะถามพี่เข้มด้วยว่าเจอผมที่ไหน ผมจะให้เขาไปส่งผมกลับบ้าน
พรึบ
ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างช้าๆเพราะยังคงงัวเงียกับการนอนหลับสบายอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจในร่างกายของผมนั่นคือแผลจากการถูกยิงของผม
ซึ่งตอนนี้มันไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บเลยสักนิด เหมือนมันไม่เคยถูกยิงหรือมีแผลมาก่อนด้วยซ้ำ
พรึบ
ว่าแล้วอย่างสงสัยผมก็ใช้มือปลดผ้านิ่มที่พี่เข้มใช้พันแผลให้ผมออกจากเอวสอบของผมทันทีและทันใดนั้นก็ต้องทำให้ผมถึงกับอ้าปากค้้างด้วยความตกใจกับภาพเบื้องหน้าที่เห็น
“ไม่มีแม้กระทั่งรอยของแผลเป็น…”
“มันเป็นไปได้อย่างไง?”ผมอุทานออกมาอย่างตกใจกับบาดที่หน้าท้องผม ไม่สิ เมื่อคืนตอนที่พี่เข้มเข้ามาทำแผลให้ผมมันยังมีร่องรอยของบาดแผลอยู่เลยแต่ทำไมตอนนี้กลับไม่มี
ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งรอยแผลเป็นเสียด้วยซ้ำ
“เห้ย!”ผมทำหน้าตกใจกับสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว
“น่าเหลือเชื่อ…”ผมพูดขึ้นพร้อมกับเลิกให้ความสนใจบาดเเผลที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยของผมและลุกขึ้นยืนเดินเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องนอนแห่งนี้ด้วยท่าทางปกติไม่เหมือนคนเจ็บอีกต่อไป
“พี่เข้มครับ…”ผมตะโกนเรียกหาเจ้าของบ้านแต่ก็ไร้วี่เเววของเขา ทำให้ผมขมวดคิ้วงุนงงว่าเขาไปไหนกันนะ
ผมจึงเลือกที่จะเดินมาที่ชานบ้านพักและเดินลงบันไดสามขั้นมาพร้อมกับมองไปรอบๆเพื่อหาพี่เข้มแต่ก็ยังคงไร้วี่แววเช่นเดิม
“อ้าว…เป็นยังไงบ้างล่ะพ่อหนุ่ม?”เสียงเข้มทุ้มอย่างคนมีอายุของผู้ชายเอ่ยทักทายผม ผมที่กำลังมองซ้ายมองขวาเพื่อหาร่างของพี่เข้มอยู่ก็ต้องหันกลับไปมองยังต้นเสียงของผู้ชายนั้นทันที
“คุณลุง?”ผมเอ่ยขึ้นเรียกเขาไปที่น่าพอจะเป็นคุณลุงได้แล้ว เพราะเขาก็อายุอานามน่าจะปาเข้าไปเลขเจ็ดแล้วล่ะมองท่า เขานั่งอยู่บนแคร่ด้านหน้าบ้านหลังติดๆกับพี่เข้มนี่เอง โดยที่เขาสวมใส่เสื้อม่อฮ้อมสีซีดกำลังนั่งเคี้ยวหมากอยู่ในปากของเขาอย่างเพลิดเพลิน
ที่ผมรู้ว่าเขากำลังกินหมากอยู่นั้นเพราะผมเห็นเขาห่อหมากน่ะ
“มานี่สิ….”เขาเอ่ยเชื้อชวนพร้อมกับกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหาเขา ผมก็คลี่ยิ้มบางๆให้เขาก่อนจะเดินไปหาชายคนนั้น
ที่จะว่าชราภาพก็ไม่น่าใช่เพราะเขายังคงดูแข็งแรงอยู่เลยนะ
“สวัสดีครับ…”ผมยกมือไหว้คุณลุงไปอย่างสุภาพอ่อนน้อมเขากผมยิ้มอย่างใจดีให้ผมก่อนจะยกมือรับไหว้ผม
“ไหว้พระๆๆเถอะ…นั่งลงสิ…”
“ขอบคุณครับ…”ผมเอ่ยขอบคุณเขาไปพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนแคร่หน้าบ้านของคุณลุงเขาโดยยิ้มแหยๆให้เขาไป
เขาก็ผมจ้องมองผมด้วยสายตาเอ็นดู ใช่สายตาเอ็นดูแน่นอน ผมเป็นตำรวจ ผมจับผิดนักโทษบ่อยผมมั่นใจว่าผมมองคนไม่ผิดแน่
“แผลของเอ็งหายแล้วใช่ไหม?”คุณลุงเอ่ยผมพร้อมกับมองต่ำลงมาที่หน้าท้องของผมที่เต็มไปด้วยหมัดกล้ามหน้าท้องที่เรียงตัวกันสวยด้วยสายตาที่ไม่แปลกใจเลยสักนิดกับอาการที่บาดแผลของผมหายไปอย่างเป็นปิดทิ้งแบบนี้
“ครับ…มันน่าเหลือเชื่อมาก…”ผมก้มมองไปที่หน้าท้องของตัวเองพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาตอบคุณลุงไปอย่างเหลือเชื่อ คุณลุงเขาก็ทำเพียงแค่ขำขันออกมา
“ข้าชื่อสิงห์…เป็นพ่อของไอ้เข้ม…”คุณลุงเอ่ยแนะนำตัวให้ผมได้รู้จัก ผมนี่ถึงกับตาเบิกโตมองหน้าลุงด้วยความตกใจ
พ่อของพี่เข้มหรือเนี่ย…
“พ่อของพี่เข้มหรือครับ?”
“ก็ใช่น่ะสิ…ข้าน่ะเห็นไอ้เข้มมันแบกเอ็งที่นอนหมดสติมาเพราะถูกยิงน่ะ…”
“แต่พวกของเอ็ง…ตายหมดเลยนะ…”
“ไม่มีใครรอดสักคน…นอกจากเอ็ง…ที่ไอ้เข้มไปช่วยไว้ได้ทัน…”คุณลุงว่าต่อ สีหน้าของแกดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผมนึกสงสัยกับภาพสุดท้ายที่ผมเห็น
นั่นคือเสือโคร่งร่างใหญ่ที่กลิ่นสาปของมันเหม็นมาก มันกัดกินร่างของไอ้ปลิวตายต่อหน้าต่อตาผม
“ที่นี่มีเสือด้วยหรือครับ…?”ผมเอ่ยถามคุณลุงไปด้วยสีหน้าตกใจและสงสัย คุณลุงสิงห์ก็มองหน้าผมนิ่งก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบให้ผม สีหน้าที่เป็นกังวลของแกทำให้ผมรู้สึกหวาดๆขึ้นมา เหมือนมันมีสิ่งแปลกปลอมอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับผม
เพราะเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้อุทยานภูดาวบอกว่าที่ป่านี้และที่หุบเขาแห่งนี้ไม่มีเสือโคร่งอาศัยอยู่ เพราะสังเกตได้จากการวางกล้องทุกๆจุดๆในทุกๆสิบห้าวันหรือหนึ่งเดือนพวกเขาจะไปนำกล้องที่บันทึกภาพเหตุการณ์ในป่าออกมาดู และมันก็ไม่เคยมีสัตว์ประเภทนี้ปรากฏในกล้องเลยสักครั้ง
“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยขนาดนั้นหรอก…”
“ที่ที่เอ็งอยู่น่ะ…ไม่มีเสืออยู่…”
“แต่ที่ที่ข้าอยู่…มันมีเสือสมิงกับเสือเย็นอาศัยอยู่…”เสียงเรียบของลุงสิงห์เอ่ยบอกผมมาทำให้ผมรอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่
และที่แย่ไปกว่านั้น คือผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เสือสมิง?…กับเสือเย็นหรือครับ…?”ผมเอ่ยทวนคำพูดของลุงสิงห์พ่อพี่เข้มไปอย่างสงสัย
อีกใจก็เชื่อ ว่ามีเสืออยู่จริงๆเพราะผมเห็นมันมากับตาแต่อีกใจ ผมกลับไม่ค่อยเชื่อว่าในยุคนี้จะมีเสือสมิงและเสือเย็นที่เคยเป็นตำนานอยู่จริงๆ….