ข้าม
เสียงกัมปนาทที่ทำเอาอกสั่นขวัญแขวน มุจรินทร์รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังระหว่างคิ้ว ช่อกุหลาบมอญในมือของใครบางคนปลิวคว้างลอยขึ้นสู่อากาศตกลงมาราวกับมีใครมาโปรยกลีบกุหลาบสีม่วงอมชมพู มุจรินทร์ดวงตาพร่ามัวสติดับวูบไร้ความรู้สึกใดๆ
"รีรีข้าวสารสองทนานข้าวเปลือกไปนู้นไปนี่ฉันจะตีตูดเธอ อิอิ ฮะฮะๆๆๆ"
เสียงใสๆของเด็กที่ไหนมาดังอยู่ข้างหู
“พอได้แล้วพวกเอ็งไปอาบน้ำอาบท่าเสียจวนเจียนจะมืดเต็มทีแล้ว เอาแต่เล่นสนุกส่งเสียงดังหวายจะลงหลังให้”
เสียงขยับปากพูดพร้อมกับริมฝีปากที่เคี้ยวหมากจั๊บๆแล้วบ้วนน้ำหมากสีแดงลงบนพื้นดิน เด็กที่นุ่งโจงกระเบนบ้างก็ผมจุกบ้างก็เกล้าจุก น่าเอ็นดูพากันวิ่งหลบยายผิว ร่างผอมบางของหญิงรับใช้อีกคนที่ชื่อหอมก้าวมายืนตรงหน้า
“ยายผิว นางจิกมันดีขึ้นหรือไม่ฉันเห็นว่ามันนอนซมด้วยพิษไข้มาหลายวันแล้วคุณหญิงเล็กให้ฉันมาถามเพราะจะหาใครดูแลและรู้ใจคุณหญิงเท่ามันหามีไม่”
“ข้ารู้แล้ว นางจิกมันคนฉลาดเอาการเอางาน มันอยู่รับใช้ดูแลคุณหญิงตั้งกระแบเบาะโตมาพร้อมกับคุณหญิง รับใช้ก่อนจะที่คุณหญิงจะแต่งกับคุณหลวงเสียด้วยซ้ำไป”
มุจรินทร์รู้สึกปวดหนึบที่หน้าผากร้าวไปทั้งหัว ลุกขึ้นนั่งห้อยขาสะบัดหัวไปมา
“นั่นอย่างไรเล่านางจิกมันตื่นมาแล้ว เอ็งไปถามมันดูรึว่าพอจะฝืนสังขารไปรับใช้คุณหญิงได้หรือไม่"
หอมเดินยิ้มเข้าไปหามุจรินทร์
“จิก คุณหญิงถามหาเอ็งแนะ ให้ข้ามาถามดูรึว่าอาการป่วยดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เดินมาเอามืออังที่หน้าผากของมุจรินทร์ที่ทำสีหน้างุนงง
“คุณเป็นใคร"
หอมเลิกคิ้วสูง
“ผีเข้ามันหรือเปล่ายายผิวดูพูดไม่เป็นภาษาคน หรือว่าไปติดสำนวนอีรอบมาจากไหนเห็นว่าติดสอยห้อยตามคุณหญิงเล็กออกบ่อยไป”
ยายผิว บ้วนน้ำหมากแล้วขยับมาใกล้
“เป็นอย่างไรนางจิก เอ็งดีขึ้นบ้างหรือยัง”
น้ำเสียงห่วงใยจน มุจรินทร์จับสังเกตุได้ยายผิวที่รับติดสอยห้อยตามคุณหญิงประพาพรหรือคุณเล็ก มาจากฝั่งพระนครพร้อมกับกับจิกทำไมจะไม่เอ็นดูนางจิกเล่าในเมื่อนางจิกมันก็คือเด็กที่คุณพระ บิดาของคุณหญิงเล็กประพาพร นำมาชุบเลี้ยงจากหัวเมืองทางเหนือบอกว่าพ่อมันป่วยตายไปเหลือเพียงพี่ชายที่พากลับพระนครมาพร้อมกันกยายผิวจึงได้รับดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำตั้งแต่สี่ขวบ พร้อมกับเป็นเพื่อนเล่นคุณเล็กประพาพร ตั้งแต่นั้นมา อีกทั้งยังต้องคอยรับใช้ต่างมือต่างเท้ากันไม่ห่าง
“ดูท่าทางจะไม่ดีเท่าไหร่ ข้าคงต้องไปขอเจียดยามาจากหมื่นโอสถให้อีกสักหม้อ”
หอมถอนหายใจ เมื่อมุจรินทร์มองคนนู่นทีคนนี้ที
“ที่นี่ที่ไหน”
“เป็นเอามากเลยป้าฉันว่าแล้ว คุณหญิงใช้งานมันเกินไปจนมันจะเสียสติเสียกระมั้ง เมื่อเช้าก็บ่นว่าหาเสื้อไม่เห็นปาข้าวของไปทั่วห้อง บอกว่าไม่มีใครหาอะไรพบทั้งนั้นนอกจากนางจิก”
“จะไปงานไหนอีก”
“เสียงว่าจะไปงานเลี้ยงต้อนรับ ลูกของกับคุณหลวงกษิสินที่กลับจากอังกฤษค่ำนี้ อยากให้นางจิกไปแต่งหน้าแต่งตัวให้ด้วย แล้วยังอยากให้นางจิกม้วนผมทรงอะไรนะ ทรงซิงเกอ ซิงก้าอะไรนั่น จิกเอ็งก็ฝืนใจหน่อยสองสามวันมานี่ข้าโดนคุณหญิงฟาดงวงฟาดงา ไม่เว้นแต่ละวันหาว่าถ้าเอ็งตายไปเสียคนคงไม่มีใครทำอะไรได้"
ยายผิวทะลุกลางปล้องขึ้นมาทันที
“ซิงเก้อ เอ็งนี่เชยชะมัดนางหอม เขาเรียกทรงซิงเก้อ”
มุจรินทร์หัวเราะ ผมทรงซิงเกิล ต่างหากเอะผมทรงนี้มันสมัยพุทธศักราช2468-2477 ร้อยปีแล้วนี่
“ปีอะไรปีนี้ปีอะไร”มุจรินทร์ถามขึ้นเบาๆ
“ปี2473”มุจรินทร์อ้าปากค้าง
“93ปี แค่93ปี”
คนอื่นเขาย้อนอดีตไปเป็นพันเป็นร้อยปีแต่นี่มุจรินทร์ย้อนมาแค่93ปี เพื่ออะไรกัน
“ตกลงเอ็งไปได้ไหมฝืนใจไปช่วยคุณหญิงแต่งตัวเสียหน่อยค่อยกลับมานอน ส่วนเรื่องในครัวข้าให้นางหอมมันช่วย เอ็งเสร็จธุระแล้วจะได้กลับมานอน”
“ไม่นะยายผิว คุณหญิงเล็กจะให้มันไปงานเลี้ยงเสียด้วยกัน”
มุจรินทร์ทำให้เจื่อนๆ
มองจากแสงตะวันเพิ่งจะผ่านเวลาเที่ยงมาไม่เท่าไหร่ อุบัติเหตุทำให้มุจรินทร์ทะลุมิตไม่สิข้ามภพ ย้อนอดีต เฮ้อจะเรียกอะไรดี ช่างหัวมันจะต้องมาอยู่ในร่างของสาวใช้ที่ชื่อจิก จะว่าไปมุจรินทร์ก็คือต้นจิก หรือกระโดนน้ำบางทีอาจเป็นโชคชะตาจะบังเอิญก็คงไม่ใช่
“พอไหว”
ยายผิวกับหอมถอนหายใจเกือบจะพร้อมกัน
“ไปเหอะ ลองขอคุณหญิงกลับมาพักไปต้องไปงานเลี้ยงกับเขา เอ็งก็ไม่ควรไปไหน ไปก็ต้องไปช่วยงานช่วยยกของ ช่วยบริการคนอื่น คุณหญิงก็ไม่รู้จะพาเอ็งไปด้วยทำไมกัน”