4.มิใช่แท่งหยกหากเป็นแท่งเนื้อ
มิใช่แท่งหยกหากเป็นแท่งเนื้อ
ซูกุ้ยฟางหลับๆ ตื่นๆ อยู่เกือบสองวันเต็มๆ ในห้องนอนของหยางอี้คัง นางได้รับการดูแลอย่างดีจากฝูและบ่าวรับใช้อีกสองคน ซึ่งล้วนเป็นคำสั่งของหยางอี้คัง
ช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ซูกุ้ยฟางต้องคอยหลบหน้าบุรุษรูปงาม ด้วยเขาดื่มหนักจนน่ากลัว และยังจู้จี้ขี้บ่นไปเสียทุกเรื่อง แม้แต่การแต่งตัวของหญิงสาว
“ผู้หญิงสกุลซูนิยมนุ่งห่มชุดเจ้าสาวตลอดเวลารึอย่างไร แล้วไฉนมันถึงเป็นสีแดงดั่งโลหิตเช่นนี้”
ริมฝีปากอวบอิ่มพยายามขยับโต้ตอบ แต่สมองของนางเหมือนยังไม่เข้าที่เข้าทาง และดูเหมือนจะขาวโพลนไปเสียทุกครั้ง โดยเฉพาะยามที่บุรุษเจ้าของเรือนทำสุ้มเสียงเข้มใส่ๆ พร้อมแสดงอาการเกรี้ยวกราดเกินจริง
“ผู้น้อยหาได้มีอาภรณ์อื่น และเรือนของท่านมีแต่ผ้าดิบสีดำทึมทึบเนื้อหยาบชวนให้ระคายผิว ไม่ก็สีขาวซีดๆ ราวผ้าห่อศพ!”
“นี่เจ้ากำลังกล่าวว่าข้าไร้รสนิยมเยี่ยงนั้นหรือ”
“โอ้ มิได้ ผู้น้อยมิกล้า” ซูกุ้ยฟางปฏิเสธเสียงตื่น
“ฮ่าๆๆ ใครเชื่อเจ้าคงแปลก สตรีตระกูลซูร้ายกาจและอำมหิตเพียงใด ข้าคนนี้ย่อมรู้ดีแก่ใจ”
หญิงสาวฉงนหนัก หยางอี้คังทำราวกับรู้จักนางมาตั้งแต่ชาติปางก่อน และท่าทางเขาดูรังเกียจนาง แต่พอตกดึกกลับปีนขึ้นเตียงแถมยังพยายามขยับเข้ามาใกล้ๆ การกระทำแสนพิลึกพิลั่นนี้สร้างความพิศวงแก่ซูกุ้ยฟางยิ่งนัก
“เอาละ เข้านอนได้หรือยัง ข้าง่วงเต็มทน พรุ่งนี้เช้ามีธุระต้องเข้าเมืองเพื่อเจรจางานสำคัญ”
“เจ้าค่ะ ชะ เชิญท่านแม่ทัพ” หญิงสาวบอก และค้อมตัวเดินไปตรวจสอบความเรียบร้อยของเตียงนอนหลังใหญ่ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ
กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่
ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตา
หลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!!
คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง!
“เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!”
นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เหตุใดคืนนี้กายแกร่งของเขาถึงได้ขยับมาชิดกัน แถมยังสร้างความหวิวไหวเป็นอย่างมากต่อหัวใจสาวด้วยการนอนกึ่งเปลือยกาย!
ครั้นนางเคลื่อนมือเรียวสวยเพื่อเปลี่ยนทิศทาง ก็พบว่าแก่นกายของหยางอี้คังอ่อนตัวและมันอยู่ในฝัก มิใช่ดุ้นแข็งขันที่นางเคยเห็นในคลิปโป๊แนวจัดหนักจัดเต็ม!
ความรู้สึกดังกล่าวยากเกินบรรยายเป็นคำพูด หญิงสาวผู้เคยพบเห็นฉากมหัศจรรย์มาบ้างจากสื่อต่างๆ ในโลกเก่า ซึ่งยามนี้นางได้จับของจริง ทั้งที่เมื่อก่อนได้แต่จินตนาการถึง กระนั้นสิ่งนี้มันควรดุดันแข็งขันและผงาดล้ำท้าทายมือเรียวสวย แล้วเหตุใดความรู้สึกที่ได้รับกลับนุ่มนิ่มชวนให้รู้สึกเสียดายโดยแท้
กระนั้นนางต้องรีบดึงสติตนเองกลับ ด้วยมาอยู่ในร่างคุณหนูตกยากนามว่า ซูกุ้ยฟาง! ที่ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือจากชายผู้นี้ และเขากลายเป็นเจ้าชีวิตนาง ดังนั้นจะทำตัวเยี่ยงหญิงคณิกาได้อย่างไร ทว่าทั้งที่เตือนตัวเองอย่างนั้น มือนางยังซุกซนไม่หยุด
“โอ้ ข้าคือกุ้ยฟาง คุณหนูผู้อาภัพที่ถูกชายใจโฉดปากร้าย โยนเศษเงินซื้อมาเพื่อบำเรอกาม!” นางรำพึงรำพันปิ่มจะขาดใจ แต่ทั้งสิ้นล้วนแสร้งทำ
อึดใจต่อมา ชายหนุ่มพลิกมาทาบร่างเพรียวสมส่วน จมูกโด่งๆ ซุกไซ้ซอกคอระหงของนาง ก่อนที่หน้าอกกว้างจะเบียดชิดร่างหอมที่มีผิวกายนวลเนียน และอีกฝ่ายเบียดราวกับต้องการให้ร่างกายของทั้งคู่เป็นเนื้อเดียวกัน
ซูกุ้ยฟางนอนตัวแข็งทื่อ นางไม่รู้ว่าเขาละเมอหรือไม่ ทว่าในโลกโบราณนี้ ชายหญิงหากยังไม่ตบแต่งเป็นสามีภรรยาย่อมไม่ควรจะใกล้ชิดกัน
“ทะ ท่านแม่ทัพ” นางว่าและค่อยๆ ถอยตัวออกห่างเขา
“อื้อ...มาให้ข้าจูบเสียดีๆ” หยางอี้คังเอ่ยเสียงทุ้ม ทั้งที่หลับตาพริ้ม จากนั้นจึงพลิกร่างหนามาทับซูกุ้ยฟาง
“ไม่...ทะ ท่านทำเช่นนี้นับว่าไม่สมควร ผู้น้อยอึดอัด”
ซูกุ้ยฟางเอ่ยพร้อมลุ้นอย่างหนักว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด กระทั่งริมฝีปากสีสดของอีกฝ่ายจวนประกบลงมาที่ริมฝีปากนาง ดวงตาเรียวคมพลันลืมตาตื่น!
หยางอี้คังตกใจเล็กน้อย แต่เขารีบแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าด้วยการโยนความผิดให้สตรีโฉมงาม
“เหลวไหล! สตรีไร้ยางอาย เจ้ากำลังจะทำอะไรข้า”
ซูกุ้ยฟางอึ้งจัด ทั้งที่เมื่อครู่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าชายหนุ่มตั้งใจจูบนาง
“ก็ท่าน...”
“ข้า ข้าทำอะไรฮึ”
“เปล่าเจ้าค่ะ” นางโกรธจัด หากพยายามเล่นบทหญิงสาวสมองฝ่อ ด้วยรู้ว่าผู้ชายมักนิยมชมชอบสตรีที่มีกิริยาอ่อนหวานและไม่ประสีประสาเรื่องบนเตียง แน่ละ ไม่ว่ายุคสมัยใดผู้ชายก็ชอบสตรีเรียบร้อยเช่นนี้
“ก็ใช่น่ะซี ข้าเป็นชายชาตรี คิดหรือว่าจะล่วงเกินเจ้า อย่าได้ปั้นแต่งเรื่องชวนให้ขายหน้าเลยแม่นางซู!”
“แน่ละเจ้าค่ะ ท่านเป็นชายอกสามศอกจริงๆ”
นางว่าพลางมองไปยังเสื้อผ้าของหยางอี้คัง เขาไม่ได้สวมกางเกง มีแต่เสื้อคลุมที่สวมเอาไว้หลวมๆ และมันแบะกว้างเผยให้เห็นร่างกายทุกส่วนชัดเจน
ซึ่งคราแรกนางอยากเบือนหน้าไปทางอื่น หากสายตากลับจับจ้องไปยังเรือนกายและหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเรียงสวย ก่อนหยุดที่แท่งหยกของเขาที่นอนนิ่งอยู่ในฝัก มันงดงามมาก มากเสียจนซูกุ้ยฟางเผลอกลืนน้ำลายลงคอ!
“เหตุใดถึงไร้ยางอาย กล้ามองชายอื่นที่ไม่ใช่สามีเช่นนี้”
“ถึงยังไม่ได้เป็น แต่ท่านแม่ทัพก็นอนร่วมเตียงกับผู้น้อยแล้ว” นางโพล่งออกไป เรื่องนี้เป็นความจริงที่ทุกคนรู้
“นั่นเป็นเพราะข้าทำตามหนังสือซื้อขาย หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าโยนออกไปนอกห้องเสีย คนจะได้ป่าวประกาศว่าสตรีสกุลซูสวยแต่รูป หากไร้เสน่ห์ชวนให้ข้าอยากอุ่นเตียง”
ซูกุ้ยฟางโกรธจนแทบอยากฉีกเนื้อชายหนุ่มเป็นชิ้นๆ นางกับหยางอี้คังนอนร่วมเตียงมาสามคืน และเขาดูเหมือนจงใจกลั่นแกล้งนาง ราวกับอยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นหญิงบำเรอของเขา เพื่อไม่ให้คนในเมืองไคหนานติดใจที่เขาซื้อนางมา แต่หญิงสาวก็เป็นเพียงเมียหลอกๆ เท่านั้น ในความจริงนางยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง และไม่ใช่สาเหตุอื่นใด ด้วยเรื่องนี้มันประจักษ์แก่สายตาซูกุ้ยฟาง แม่ทัพเตียงหักผู้นี้ แท้จริงแล้วดาบยักษ์ของเขาอ่อนปวกเปียกไร้น้ำยา!
“ท่านแม่ทัพซื้อผู้น้อยมาก็เพื่อต้องการให้รับใช้ เอ่อ เรื่องบนเตียง” ซูกุ้ยฟางเอ่ยกับเขาและสู้สายตาอย่างไม่เกรงกลัว
“ถูกต้อง”
“และท่านก็มีหนังสือซื้อขายตัวผู้น้อย”
“นั่นเป็นเรื่องที่เจ้ารู้ และคนทั้งเมืองไคหนานก็โจษขานไปทั่ว นางบำเรอสกุลซู!”
หญิงสาวกัดฟันกรอดๆ ชีวิตช่างอาภัพ ถูกซื้อตัวมาจากตลาดเพื่อบำเรอกามให้ชายผู้นี้ แต่เขากลับทำราวกับนางเป็นหมอนข้างที่อยากทิ้งขว้างเมื่อใดก็ได้
“ดังนั้นหน้าที่ผู้น้อยคือทำให้ท่านแม่ทัพผ่อนคลาย”
ซูกุ้ยฟางคนงามกล่าวเช่นนั้น โดยลืมไปว่านางควรสงวนท่าทีให้มากกว่านี้ ตระกูลซูยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง แต่สำหรับเมืองแห่งนี้ นางก็ไม่ต่างจากอาหารชั้นเลวที่หยางอี้คังไม่คิดอยากจะกลืนลงท้อง
“เฮอะ หลายชั่วยามก่อนยังร้องโอดโอย อยากหนีข้าใจจะขาด แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ คิดอยากขึ้นคร่อมขวบขี่ข้า เป็นเช่นนี้เพราะเจ้ากลัวถูกส่งตัวไปที่อื่นกระมัง”
“โอ้ แม่ทัพหยาง...” นางเรียกขานเขา พลางใช้สมองคิดอย่างเร็วรี่ถึงทางออกที่ดีที่สุดในการเจรจากับหยางอี้คัง ซึ่งการจะมัดใจเขาคงมีทางเดียวเท่านั้น คือต้องอ่อนหวาน อ่อนโยน และพลีเรือนร่างงามแก่เขา ดังนั้นนิสัยแก่นเซี้ยวบ้าผู้ชายที่เคยมีและติดตัวมาจากโลกก่อน นางจำต้องเก็บเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจแบบสุดฤทธิ์
“ผู้น้อยคงเลอะเลือนไปชั่วขณะ ท่านจำมิได้หรือ หลังจากที่ท่านแม่ทัพหยุดรถม้า ณ เนินเขานิรนาม ได้มีกลุ่มโจรที่ประสงค์ร้ายบุกเข้ามาหมายชิงตัวผู้น้อย”
“เสียดายที่คนพวกมันฝีมือไม่เอาไหน มิเช่นนั้นคงชิงตัวเจ้าได้สำเร็จ น่าเสียใจจริงๆ” เขากล่าวพร้อมลอบยิ้มร้ายกาจ ใบหน้านั้นร้ายกาจนัก
“แต่นับว่าผู้น้อยยังมีบุญวาสนาที่ท่านแม่ทัพยังเหลียวแล ไม่ทอดทิ้งสตรีที่อับจนหนทางให้เผชิญชะตากรรมเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
หยางอี้คังมองดวงหน้างดงามของซูกุ้ยฟางผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา นางดูเศร้าสร้อยจนหัวใจแข็งกระด้างของเขาคล้ายจะอ่อนโยนลงเจ็ดส่วน กระนั้นเขากลับเลือกเอ่ยถ้อยคำร้ายกาจเพื่อไม่ให้นางได้ใจ
“ฮึ หากเจ้าต้องการเล่นบทนางจิ้งจอกร้อยเล่ห์เพื่อตบตาข้า บุรุษผู้นี้ก็พร้อมตอบสนองทุกอย่างแม่นางซู”
ซูกุ้ยฟางเจ็บกับคำพูดของบุรุษผู้เย็นชาและปากเสีย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อตอนนี้นางไม่อาจเอาหูหนีจากเขา จึงจำต้องตกเป็นทาสรักให้หยางอี้คังโขกสับ และมันคงดีกว่าถูกส่งต่อไปที่อื่น ซึ่งอาจเป็นหอคณิกาชั้นเลว หรือบ้านของชายหื่นกามสักคน
“ผู้น้อยอยากปรนนิบัติท่าน ให้โอกาสอีกสักครั้งได้หรือไม่แม่ทัพหยาง”
นางว่าพลางช้อนสายตาส่งให้เขา ตั้งใจทำให้หวานหยาดเยิ้ม พร้อมเผยอริมฝีปากอวบอิ่มเล็กน้อย และทำเสียงครางหวานกระเส่าคล้ายกลืนกินของเผ็ดร้อนเข้าไป
“ได้ไหมท่านแม่ทัพ ให้ผู้น้อยช่วยท่านผ่อนคลาย...”
“กล่าวได้ดี ในเมื่อข้าไม่ใช่ชายที่คิดเล็กคิดน้อยต่อสตรีโฉมงาม ไฉนจะไม่ยอมให้เจ้าทำหน้าที่อุ่นเตียง”