2.บทนำ
บทนำ
ณ เมือง ไคหนานอันสงบร่มเย็น เมืองเล็กๆ ติดชายแดนของแคว้นเจ้า
รถม้าคันใหญ่วิ่งฝ่าสายหมอกหนาทึบ เช้านี้คือวันสำคัญของเมืองไคหนาน ด้วยเป็นเทศกาลบ๊ะจ่างซึ่งจัดขึ้นประจำทุกปีในวันที่ห้าเดือนห้า เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของขุนนางและบัณฑิตที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง
อากาศนั้นเย็นสบาย มีสายลมพัดผ่านอยู่ตลอด ผู้ที่อยู่ด้านในรถม้าคันใหญ่จึงได้กลิ่นอาหารและขนมสำหรับไหว้ในเทศกาลดังกล่าวลอยอวลมาจากบ้านเรือนที่รถม้าวิ่งผ่าน
ซูกุ้ยฟางอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดการเดินทาง ร่างกายนางอ่อนเพลียจัด กระนั้นหูยังแว่วได้ยินเสียงฝูสาวใช้กระซิบกระซาบบอกสิ่งต่างๆ แก่หญิงงามที่ระหกระเหินมาจากเมืองหลวง
อันที่จริงซูกุ้ยฟางมิได้เต็มใจมาที่นี่ แต่เนื่องด้วยเป็นคำสั่งบิดาผู้ชี้ขาดชะตานาง คุณหนูผู้สูงศักดิ์จึงต้องกระทำตาม แต่นางยังมีไหวพริบพอ ด้วยลอบให้ฝูส่งจดหมายถึงบุรุษผู้หนึ่งเพื่อขอให้เขามาช่วยเหลือ
จวบจนชีวิตปลอดภัยจากคนมุ่งร้าย นางฝูจึงกระซิบกระซาบบอกซูกุ้ยฟาง
“คุณหนู เรารอดตายแล้วเจ้าค่ะ ผิดแต่ผู้ที่ช่วยเรากลับเป็นแม่ทัพหยางอี้คัง มิใช่องค์ชายเกาอย่างที่คาดการณ์ กระนั้นคุณหนูมิต้องกังวลใจ แม้ชายผู้นี้ร้ายกาจ อีกทั้งมีท่าทางยโสโอหังและปากเสียอยู่สักหน่อย แต่ภายภาคหน้าเขาจะช่วยเราได้ อีกทั้งตามคำทำนายของหมอดูตาบอดที่กล่าวเอาไว้ บ่าวจำได้ว่าปั้นปลายชีวิตคุณหนูจะได้เป็นฮูหยินใหญ่ของชายชาตินักรบ เมื่อตบแต่งกันแล้วคุณหนูจะให้กำเนิดลูกชายหัวปีท้ายปี อยู่ครองรักกับชายที่คู่ควรอย่างมีความสุขชั่วชีวิต”
หญิงสาวไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดตอบกลับ หรือแสดงอาการยินดียินร้าย ซูกุ้ยฟางปวดศีรษะจนแทบระเบิด ขณะอยู่ในรถม้ามีโจรโพกผ้าดำหลายสิบชีวิตหวังจะชิงตัวนาง เนื่องจากซูกุ้ยฟางถูกส่งตัวมาขายยังตลาดค้ามนุษย์ที่เปิดขึ้นอย่างเสรี ผิดแต่ค่าตัวนางต่ำเตี่ยเรี่ยดินจนน่าฉงน ด้วยมีราคาเทียบเท่ากับบ๊ะจ่างหนึ่งลูก!
สาเหตุเป็นเพราะนางไม่เป็นที่โปรดปรานของชาย ซึ่งบิดาต้องการยกให้เพื่อชดใช้หนี้พนันหลายแสนตำลึง ฝ่ายนั้นต้องการแก้แค้นสกุลซูให้สาสมกับโทษฐานที่กล้าหลอกลวงสับเปลี่ยนของกำนัล จากเคยตกลงกันไว้ว่าคนที่ต้องเดินทางไปยังคฤหาสน์เจ้าบ้านเอี้ยคือลูกชายคนโต ซูมู่เหยา แต่กลับกลายเป็นส่งลูกสาวคนเล็กอย่างซูกุ้ยฟางมาแทน ถึงนางจะงามล่มเมืองหาผู้ใดเทียบ แต่เจ้าบ้านเอี้ยเติ้งฉวนมิได้แยแสสักนิด ด้วยเขาหาได้นิยมชมชอบสตรี!
เมื่อเจ้าบ้านเอี้ยสืบรู้ว่าผู้ใดอยู่ในรถม้า จึงสั่งให้ลูกน้องจับตัวซูกุ้ยฟางและนางฝูไปขายยังตลาด พร้อมให้สวมใส่ชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงงดงาม ประดับเนื้อตัวด้วยเครื่องทองปลอมและปิ่นปักไม้ราคาถูก อีกทั้งเขียนข้อความเหยียดหยามว่าตระกูลซูขายลูกสาวกิน
เมื่อซูกุ้ยฟางถูกจับไปอยู่ในลานซื้อขายทางตอนใต้ของเมืองไคหนาน จึงมีทั้งตัวแทนจากหอคณิกาและชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต้องการตัวนาง แม้กระทั่งขอทานยังพยายามรวมรวบเศษเงินเพื่อซื้อหญิงสาว จนก่อเกิดเหตุชุลมุนหวิดเหยียบกันตาย
ซึ่งสุดท้ายชายที่ช่วยให้หญิงงามรอดพ้นจากการตกไปเป็นภรรยาของเหล่าชายหื่นกามและกักขฬะก็คือแม่ทัพหยาง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้รับความดีความชอบในการชนะศึกสงครามหลายหนทั่วแผ่นดินกว้างใหญ่ และเขาขอรับรางวัลด้วยการใช้ชีวิตอย่างสันโดษที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ฮ่องเต้จึงประทานรางวัลให้ตามความต้องการ
กระนั้นยามใดที่บ้านเมืองมีเหตุร้าย หรือเมืองชายแดนมีศึกสำคัญ แม่ทัพหนุ่มก็ได้รับความไว้วางใจให้จัดการปัญหาต่างๆ อยู่เนืองๆ
หยางอี้คังเป็นบุรุษที่งามสง่าสมชายชาตรี เขามีผิวสีน้ำผึ้งเข้ม ผู้ใดพบเห็นต่างนิยมชมชอบ ผิดแต่เขามีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ค่อนข้างถือตัว ดังนั้นตั้งแต่มาพำนักที่เรือนรับรองตระกูลหยางในเมืองไคหนาน จึงยังไม่มีหญิงสาวนางใดได้รับตำแหน่งฮูหยิน หรือแม้แต่เมียบ่าว กระนั้นก็มีข่าวซุบซิบว่าชายหนุ่มมักไปสำนักโคมเขียวในยามวิกาล เพื่อปลดปล่อยความหนุ่มแน่นอยู่เสมอ
เมื่อหยางอี้คังซื้อตัวซูกุ้ยฟางสำเร็จ เขาจึงลงนามทำหนังสือครอบครองนาง เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน และตามข้อตกลง หลังจากครบกำหนด หากอยากขายต่อหรือส่งไปเป็นทาสใช้งานหรือบำเรอกามที่ใดก็ตามแต่ผู้ที่ซื้อขายนางพึงประสงค์
แต่สัจจะย่อมไม่มีในหมู่โจร เมื่อซูกุ้ยฟางมีค่าตัวถูกแสนถูก จึงเกิดการแก่งแย่งชิงตัวจากผู้อยากครอบครองนาง
ระหว่างที่หยางอี้คังแวะพบคนที่นัดหมาย ณ เนินเขานิรนาม ได้เกิดเหตุดักชิงตัวซูกุ้ยฟาง แต่หยางอี้คังผู้เก่งกาจสามารถรับมือคนเดียวได้อย่างสบาย ถึงอย่างนั้นซูกุ้ยฟางยังถูกลากถูกจับโยนไปมาเพื่อหลบกลุ่มคนร้ายจนวิงเวียนศีรษะและหน้ามืด ก่อนตบท้ายด้วยการที่ศีรษะของนางฟาดหินก้อนใหญ่จนสลบเหมือด โชคดีที่มันไม่แตก ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้วิญญาณจากโลกปัจจุบันซึ่งกำลังกินบ๊ะจ่าง ก่อนจะสำลักเม็ดถั่วลิสงกับแปะก๊วยทะลุมิติมาอาศัยเรือนกายของหญิงงามล่มเมืองผู้นี้!!
ร่างทรงเสน่ห์ถูกอุ้มเข้ามาในห้องพักกว้างในยามเช้าตรู่ ภายในเรือนรับรองของตระกูลหยางเงียบสงบ ด้วยเป็นความชอบส่วนตัวของชายหนุ่ม
ถึงจะดำรงตำแหน่งท่านแม่ทัพประจำหัวเมืองทางทิศใต้ของแคว้นเจ้า แต่หยางอี้คังไม่นิยมความพลุกพล่าน ดังนั้นหน้าประตูเรือนจึงมีเพียงทหารยามไม่กี่คน ส่วนด้านในบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ก็มีไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ
เมื่อถูกโยนลงบนเตียง ซูกุ้ยฟางก็ก้มหน้าด้วยไม่กล้าสู้สายตาคมๆ ของหยางอี้คัง ดวงตาสีดำวาววับคู่นั้นเหมือนดาบยักษ์เล่มใหญ่ที่มองร่างกายนางทีไรก็คล้ายถูกทิ่มแทงจนได้บาดเจ็บ
ยามนี้นางรู้แล้วว่า ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด กระนั้นยังนับว่ามันเดินตามแผนที่ร่างงามนี้ตั้งใจให้เป็นไปตั้งแต่แรก
ผิดแต่ชายที่นางอยากให้มาช่วยแต่เดิมคือ เกาจื้อเฉิง อ๋องเจ็ด จากแคว้นเจ้า หาใช่บุรุษผู้นิยมทำเตียงหักแม่ทัพหยาง ชายที่แสนดุดันปากร้าย ซึ่งสตรีทั่วหล้าอยากเอาหูหนีจากเขา และยังมีประวัติชวนให้ขนลุก ด้วยสตรีสามนางที่เคยร่วมเตียงกับเขา ต่างสิ้นใจลาโลกหลังจากเสร็จกิจจากการอุ่นเตียงกับชายหนุ่ม!
หยางอี้คังส่ายหน้าระอาหญิงงาม ซึ่งนางเอาแต่หลับตานิ่งๆ อยู่บนเตียงหลังใหญ่ คราแรกเขาไม่คิดยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสดใส และดวงหน้าขาวอมสีชมพูระเรื่อ รวมถึงริมฝีปากเป็นกระจับสวยบาดใจ ถึงดึงดูดให้เขาหาเรื่องทำให้ตัวเองต้องปวดหัวได้ตลอด
ชายหนุ่มคำรามฮึ่มออกมาคราหนึ่ง ทั้งโมโหตัวเองและยังนึกตำหนิสตรีโฉมงามอยู่ในใจ
“หากเกียจคร้านนัก จงทำตัวเยี่ยงหมูต่อไปเถิด สตรีแซ่ซู!”
ได้ยินน้ำเสียงประชดประชันทุ้มๆ ของชายหนุ่ม นางก็อยากกรี๊ดให้ลั่น แต่ยามนี้ดูเหมือนรอบกายผิดแผกจากที่เคยรู้เห็น และบุรุษร่างกายสูงใหญ่ยังแผ่รัศมีความโหดร้ายออกมาจนนางมิกล้าเคลื่อนไหวร่างกาย เขาคงเป็นจอมมารในคราบของเทพเซียนผู้หล่อเหลา
“กุ้ยฟางจะระวังไม่ทำให้ท่านขุ่นเคืองใจ” นางเปล่งเสียงกล้าๆ กลัวๆ ออกไป อีกทั้งยังจับต้นชนปลายสิ่งใดไม่ได้ ทว่าในหัวก็ไม่ได้ถึงกับว่างเปล่าเสียทีเดียว
“ฮึ ยามนี้เจ้าหาใช่สตรีสูงศักดิ์ เมื่อบิดาส่งมอบให้แก่บ้านอื่น เจ้าย่อมเป็นสมบัติของชายที่ได้ครอบครอง”
ซูกุ้ยฟางน้ำตาตกใน เหตุใดหยางอี้คังถึงอำมหิตเพียงนี้
“เข้าใจที่ข้ากล่าวหรือไม่”
หญิงงามพยักหน้ารับน้อยๆ ยามนี้แม้แต่การสูดลมหายใจเข้าออกนางจำต้องพึงระวังให้มาก กลัวเขาบีบคอนางให้ตายก่อนที่จะได้อุ่นเตียงอย่างร้อนเร่าด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามเรื่องราวที่นางได้อ่านก่อนทะลุมิติมายังโลกโบราณ และต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้นางสามารถสื่อสารภาษาในโลกนี้ได้ ซึ่งนอกจากพูดแล้วนางยังอ่านและเขียนได้ดีจนน่าประหลาดใจ
“สิ่งที่เจ้ากระทำ คิดหรือว่าข้าไม่แจ้งใจ สตรีตระกูลซูคิดแต่จะใช้ความงามล่อลวงผู้อื่น นี่คงโชคดีที่เป็นข้าที่หลงเข้าไปติดกับดักเจ้า หาใช่ชายหน้าโง่ผู้อื่นที่ซื้อเจ้ามาในราคาเท่าบ๊ะจ่างหนึ่งลูก! แถมยังต้องเปลืองแรงฆ่าคนไปอีกหลายสิบชีวิต กว่าจะหอบหิ้วมาถึงเรือน!”
หยางอี้คังบ่นต่ออีกยาวเหยียด นางอยากหาผ้าไปอุดปากเขาเสีย แต่พอคิดว่าตนตกอยู่ในกำมือเขาเช่นนี้ แถมยังมีหนังสือลงนามไว้เสร็จสรรพ ซูกุ้ยฟางคงต้องฝืนทนไปก่อน นางต้องรักษาชีวิตเอาไว้ ส่วนความบริสุทธิ์ ซูกุ้ยฟางคงมิอาจปกป้อง แต่ถึงอย่างนั้นร่างที่นางอาศัยอยู่ก็เป็นของผู้อื่น แถมเป็นหญิงงามที่ร้อยปีจะถือกำเนิดมาบนโลกมนุษย์
ดังนั้นนางจึงต้องใช้เรือนร่างอันทรงเสน่ห์มัดใจชายชาตรีผู้นี้ ด้วยข้อความที่นางจำได้ก่อนสิ้นลมหายใจคือ ‘สตรีนามว่าซูกุ้ยฟาง จะเป็นผู้ให้กำเนิดบุตรชายหัวปีท้ายปีแก่แม่ทัพหนุ่มผู้มีนัยน์ตาประดุจพญาอินทรี’
และตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปตามเรื่องราวที่ถูกเขียนไว้