ตอนที่ 1 เรียกข้าว่าท่านอา
เมืองเหลียง / เฉินโจว
“จะยอมบอกหรือไม่ ผู้ใดส่งเจ้ามาฆ่าล้างสกุลหลัน
“ข้ายอมตายแต่ไม่มีทางยอมบอกเจ้า”
“ได้ จงลี่ ตัดแขนซ้ายมันออก”
“อยะ…นี่พวกเจ้า อย่านะ อ๊ากกก…….”
เสียงที่ฟันฉับลงไปที่แขนนั้นทำให้ผู้ที่ถูกกระทำดิ้นพล่านจนแทบทนไม่ไหว สายตาเยือกเย็นดุจเพชฌฆาตหน้าหยกของท่านอ๋องและแม่ทัพหนุ่มแห่งเฉินโจวมองไปยังกบฏที่เขาจับตัวมาไตร่สวน คนที่เหลือเริ่มออกอาการสั่นกลัวจนตัวสั่น
“ว่าอย่างไร ไม่มีผู้ใดกล้าพูดเลยงั้นหรือ ได้”
ท่านอ๋อง “จวินลู่หาน” เดินไปลากตัวกบฏอีกคนออกมาพร้อมกับถีบเขาให้ล้มลงไปข้างๆศพที่ตายอยู่กับผู้ที่ถูกตัดแขนไป เขาก้มลงพร้อมกับเฉือนหูด้านขวาของกบฏออกไป เสียงร้องโหยหวนนั้นทำเอาเด็กน้อยที่อายุเพียงสิบสี่ที่มีแม่นมกอดอยู่ถึงกับไม่กล้ามอง
“เจ้า…เจ้ามันโหดเหี้ยม ต่อหน้าเด็ก…ตัวเล็กๆ…เจ้ายังกล้าทำร้ายคน”
“แล้วพวกเจ้าเล่า…พวกเจ้าฆ่าล้างตระกูลนาง ตอนนี้เจ้านับว่าเป็นอะไร ทางที่ดีบอกข้ามาดีๆว่าพวกเจ้ากบดานอยู่ที่ใด ไม่อย่างนั้น…แม้แต่ลูกเมียเจ้าข้าก็ไม่เว้น!!”
“ข้ายอมแล้ว…ข้าบอก…ข้าบอกแล้ว”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าหลายคนเริ่มตายลงไปพร้อมกับบาดเจ็บและนอนจมกองเลือดข้างหน้า
“ดี งั้นเจ้า บอกข้ามา”
“ใต้…ใต้เท้าซุน…ซุนหวง แม่ทัพเมืองต้าเหลียง….เขา…สั่งให้พวกข้ามาจัดการสกุลหลันเพื่อจะได้บั่นทอนกำลังของเฉินโจว”
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร ว่าที่พูดมานั่น มิได้โกหก และไม่ได้ใส่ความขุนนางต่างแคว้น”
“ข้า…ข้ามีหลักฐาน ท่านแม่ทัพโปรดดูนี่ นี่คือตราหยกของแม่ทัพซุน พวกเราได้รับคำสั่งจากเขา และเขาก็มีป้ายหยกนี่เช่นกันขอรับ”
“พวกมันอยู่ที่ใด”
“กองกำลังหลังจากปล้นอาวุธของสกุลหลันแล้ว พวก…พวกข้านัดกันว่าจะไปพบกันที่หลังเขาเซิ่งหวาง ชาย…ชายแดนของเฉินโจวและแคว้น..อะ….อวิ๋นขอรับ”
“ท่านอ๋อง”
“อืม”
ท่านอ๋องพยักหน้าให้จงลี่ทันที ข่าวนี้ตรงกับที่เขาได้รับเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนว่ากำลังปล้นอาวุธจากสกุลหลัน มุ่งหน้าไปที่นั่น
เขาพยักหน้าให้จงลี่เพื่อสั่งกองทัพให้ตามไปจัดการก่อนที่พวกมันจะส่งอาวุธข้ามชายแดนไปได้
“ในเมื่อสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนครอบครัวของเจ้า ข้าจะไว้ชีวิต หลังจากนี้อย่าได้ให้ข้าเห็นหน้าเจ้าที่เฉินโจวอีก ไปเสีย”
“ขอบคุณท่านแม่ทัพ ขอบคุณ”
กบฏผู้นั้นรีบวิ่งออกไป ท่านอ๋องคว้าทวนข้างๆกายเขาและพุ่งตรงไปยังกบฏผู้นั้นทันที ทวนนั้นแทงทะลุจนเขาล้มลง พวกที่เหลือต่างร้องระงมเพราะความโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้
“ท่านมันโหดเหี้ยม ไหนท่านรับปากว่าจะปล่อยเขา คนโกหก!! ไม่รักษาสัจจะ”
“ข้าบอกว่า….ไว้ชีวิตครอบครัวของเขา ไม่ได้พูดสักคำว่า…จะไว้ชีวิตเขา จงลี่…เก็บกวาดให้ที ที่นี่ต้องไม่มีสิ่งสกปรกของพวกแคว้นอวิ๋นอยู่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จงลี่และทหารที่เหลือเดินเข้าโอบล้อมพวกกบฏพร้อมๆกัน ท่านอ๋องเดินมาที่แม่นมเถียนที่ยืนกอดคุณหนู “หลันเยว่ซิน” อยู่ นางยังคงก้มหน้าซุกอกแม่นมอยู่
“เจ้า…พานางตามข้าออกมา”
กลิ่นเลือดคาวคละคลุ้งจนติดจมูก หลันเยว่ซินที่อายุเพียงสิบสี่ปีเต็มในปีนี้ต้องตื่นมาตอนดึกเมื่อพบว่าในจวนเกิดการบุกรุก และบิดาของนางให้นางและแม่นมมาหลบในห้องลับหลังห้องหนังสือ
“ซินเอ๋อร์ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรห้ามร้อง ห้ามตะโกน และห้ามออกมาเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่”
“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าจะไปกับท่านพ่อ”
“ซินเอ๋อร์ได้เวลาเข้านอนแล้ว แม่นมเถียนจะพาเจ้าเข้านอน วันนี้เปลี่ยนที่นอนก่อนนะ พรุ่งนี้พ่อจะมาปลุกเจ้า”
แต่พรุ่งนี้ของท่านพ่อไม่มีอีกแล้ว เมื่อกบฏแคว้นอวิ๋นที่อาศัยจังหวะที่ท่านพ่อนางไม่ทันตั้งตัว โอบล้อมเข้าโจมตีและปล้นเอาอาวุธจากคลังของสกุลหลันออกไปพร้อมกับฆ่าล้างตระกูลหลัน เหลือเพียงแม่นมที่ร้องไห้จวนจะขาดใจ
เสียงตู้หนังสือของบิดาขยับ ลำแสงของเช้าวันใหม่ส่องเข้ามา สายตาของนางหันไปมองเห็นบุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีเงินแต่มองเห็นหน้าเขาไม่ชัด
“หลันเยว่ซิน ออกมาเถิด ข้ามาช่วยเจ้า”
“ท่านคือผู้ใด”
“ข้าคือท่านอ๋องจวิน จวินลู่หาน เป็นอ๋องปกครองเฉินโจวและแม่ทัพใหญ่ของเฉินโจว เป็น….สหายกับบิดาของเจ้า”
มือที่ชุ่มด้วยเลือดของศัตรูยื่นมาให้นางจับ มองดูก็รู้ว่าเขาคงฝ่าดงกบฏเพื่อมาถึงที่นี่ เมืองเหลียงที่นางอยู่เป็นด่านหน้า อยู่ติดชายแดนแคว้นอวิ๋น มีแม่ทัพหลันเว่ยบิดาของนางเป็นผู้ดูแลกองทัพ
นางค่อยๆยื่นมือไปจับเขาและเดินออกจากห้องหนังสือ จนเดินมายังลานกลางบ้านซึ่งบัดนี้ เต็มไปด้วยคนตาย
“กลัวหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“ดีมาก เจ้าเป็นบุตรีท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ อย่าได้กลัวที่จะฆ่าศัตรู โดยเฉพาะศัตรูที่ปลิดชีพบิดาเจ้า”
“ข้าจะฆ่ามันเอง”
“เด็กน้อยใจเย็นๆ”
“ข้ามิใช่เด็กน้อย ข้าฝึกอาวุธกับอาจารย์มา วิชายุทธ์ข้าก็ร่ำเรียน อาวุธทั้งหลาย หอก ดาบ ธนู ทวน แส้ล้วนฝึกมาเพื่อการนี้ ข้าไม่กลัวพวกมัน มันฆ่าท่านพ่อของข้า”
“เด็ก…เอ่อ…หลันเยว่ซิน ข้ารู้ว่าเลือดแม่ทัพหลันในกายเจ้าช่างเข้มแข็งและห้าวหาญ เพียงแต่ว่าวันนี้ยังไม่ถึงเวลา มากับข้าเถิด”
เขาพานางมาและทรมานกบฏให้ดูทีละคน จนถึงตอนสุดท้ายที่แม่นมพานางเดินออกจากประตูจวนสกุลหลันนั่นเอง
“เจ้าเป็นแม่นมของนางใช่หรือไม่”
“เรียนท่านแม่ทัพ ใช่เจ้าค่ะ”
“เจ้าไปรอที่รถม้าก่อน ข้าขอคุยกับหลันเยว่ซินสักครู่”
“เหตุใดท่านต้องไล่แม่นมไปด้วย”
“ข้าไม่ได้ไล่เด็กน้อย ข้าเพียงแค่..”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่เด็ก ข้าอายุสิบสี่ปีเต็มมาสี่วันแล้ว อีกสามปีก็เข้าพิธีปักปิ่น ข้าโตแล้ว”
“ได้ ข้าผิดเอง เช่นนั้น ข้าขอคุยกับเจ้าตามลำพังได้หรือไม่…คุณหนูหลัน”
แม้ว่าจะยังไม่ได้โตเต็มที่ และไม่ใช่เด็กอย่างเช่นที่นางพูด สายตาและท่าทางของหลันเยว่ซินที่ท่านอ๋องเห็นตรงหน้าก็ทำให้เขานึกชื่นชมนางไม่น้อย
ความหยิ่งผยองและความกล้าหาญทั้งๆที่มือนางสั่นและแววตาที่พยายามจะหลบซ่อนความกลัวนั้นเอาไว้ให้ลึกที่สุดทำให้เขานึกสนใจ
“แม่นมไปเถิด ข้า…จะอยู่คุยกับท่านแม่ทัพ”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“ท่านแม่ทัพเชิญกล่าวเจ้าค่ะ”
“เอ๊ะคุณหนู ท่านนี้หาใช่ท่านแม่ทัพไม่นะขอรับ พระองค์…”
ท่านอ๋องยกมือไม่ให้จงลี่พูดต่อ เขาเงียบลงทันทีพร้อมกับคำนับและเดินจากไป จวินลู่หานในวัยยี่สิบสองหันไปมองสบตาหลันเยว่ซิน เด็กสาวหน้าตามอมแมมตรงหน้าแต่จ้องเขาตาไม่กะพริบ มองแล้วก็อดนึกขำไม่ได้
“คุณหนูหลัน เชิญตามข้ามาทางนี้เถอะ”
เขาเดินนำนางไปที่สวนด้านหลัง ซึ่งเคยเป็นที่ฝึกวิชาและลานฝึกอาวุธของสกุลหลันมาก่อน แต่บัดนี้ไร้ผู้คน มีแต่อาวุธที่ใช้ฝึกที่ล้มเกลื่อนกราด
“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยบิดาของเจ้า แต่ว่าน่าเสียดาย…”
“ท่านมาช้าไป….ท่านพ่อข้าจึงรอไม่ไหว”
“เจ้าจะตำหนิข้าก็ได้ แต่ว่าในตอนนี้เจ้าเหลือตัวคนเดียว และบัดนี้ข้าจะบอกเจ้าว่า จะรับเจ้าไปอยู่ที่เฉินโจวด้วย ส่งเจ้าร่ำเรียน หากอยากเรียนวิชาใด ข้าจะหาอาจารย์มาฝึกให้เจ้า ดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ตอบแทนแม่ทัพหลันที่สู้จนตัวตายเพื่อเฉินโจว”
“แล้วแม่นมของข้าเล่า”
“แน่นอน นางต้องตามไปดูแลเจ้า”
“ให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไร”
เขาหันไปมองหน้าเด็กสาวที่แววตาเริ่มอ่อนโยนลงหลังจากที่เขาบอกนางเรื่องเรียน นั่นแสดงว่านางคงเป็นเด็กที่รักเรียนและชอบการฝึกอาวุธ ไม่ต่างกับที่หลันเว่ยเคยบอกกับเขา
“เรียกข้าว่าท่านอาก็แล้วกัน”