ตอนที่ 1 ราชโองการสมรส
จวนสกุลฟ่าง
“เจ้า….เจ้าว่าอย่างไรนะ พูด…พูดใหม่อีกที”
“เรียนฮูหยิน…คุณหนูรอง….หาย…หายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”
“นางหายไปได้อย่างไร!! หายไปเมื่อใดเหตุใดไม่มีคนรู้เห็น”
“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เมื่อเช้าบ่าวไปเคาะเรียกตามปกติ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงได้…เปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าคุณหนูรองไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
แม่ทัพฟ่างที่นั่งนิ่งสงบอยู่ไล่สาวใช้ออกไปพร้อมกับหันหน้ามามองที่ฮูหยินรองที่เป็นมารดาของบุตรีที่หายไป นางหันมามองหน้าท่านแม่ทัพราวกับจะขอความช่วยเหลือ
“ท่านพี่เจ้าคะ ได้โปรด…”
“เจ้าไม่ต้องพูดสิ่งใด ข้า…เป็นคนปล่อยให้นางไปจากที่นี่เอง”
“แต่ว่า ราชโองการแจ้งว่าให้นางแต่งเข้าจวนอ๋อง”
“เรามิได้มีบุตรีแค่คนเดียว นางเป็นบุตรของเจ้าและข้า การส่งนางแต่งเข้าจวนอ๋องเจ้าเล่ห์ผู้นั้น ถือว่า….ส่งเนื้อเข้าปากเสือ”
“แต่เราจะทำอย่างไรเจ้าคะ แจ้งไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว หากว่าพวกเขาทราบ นี่เป็นอาญาแผ่นดิน ขัดราชโองการหมายถึงตัดหัวนะเจ้าคะท่านพี่”
“ข้า…ย่อมคิดหาวิธีได้จึงวางแผนเช่นนี้”
ฮูหยินหันมามองผู้เป็นสามีที่ยังมีสายตาเรียบสงบนิ่ง
“หรือว่า…ท่านพี่คิดจะ…”
“นี่คือวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในยามนี้ ส่งฟ่างชิงเยี่ยนไปแต่งแทนฟ่างฝูเยว่ มารดานางสิ้นแล้ว อยู่ในจวนแม่ทัพก็ขาดคนดูแล สรรพวิชาทุกอย่างก็ร่ำเรียนเท่ากันกับพี่ๆน้องๆทั้งห้าคน นางมิได้ด้อยกว่าคนอื่นหรอก ถือว่า..ข้าตอบแทนแม่ของนางไปก็แล้วกัน”
“แล้วฝู่เยว่เล่าเจ้าคะ ลูกของข้าอยู่ที่ใด”
“ข้าให้นางไปที่เจียงหนาน เมื่อเสร็จเรื่องทางนี้แล้วค่อยสั่งให้นางกลับมา ต้องดูให้เรียบร้อยว่าชิงเยี่ยนแต่งเข้าจวนอ๋องนั่นเรียบร้อยก่อน”
“แต่ว่า จวนอ๋องลั่วนั่น ผู้ที่แต่งเข้าไปเห็นว่าไม่มีผู้ใดกลับออกมาสักคน ทั้งพระสนมที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้หรือผู้ที่ต้องการเป็นใหญ่และนำบุตรสาวให้เป็นสนม ทุกคน..ล้วนได้แต่ศพกลับมา….”
“เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ให้คนไปเรียกนางมาคุยเถอะ”
“เจ้าค่ะท่านพี่ ….เจ้าน่ะ ไปเรียกคุณหนูห้ามาที่นี่”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
ฟ่างชิงเยี่ยน บุตรีคนที่ห้าของแม่ทัพฟ่างเฉินกับสุ่ยฮวา ภรรยารองคนที่สองของท่านแม่ทัพ หลานของพระสนมสุ่ยในฮ่องเต้องค์ก่อน นางแต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพและถือกำเนิดบุตรีเพียงคนเดียว เมื่อชิงเยี่ยนอายุได้สิบปีนางก็จากโลกนี้ไปเพราะโรคประจำตัว
ครั้งนี้จวนแม่ทัพฟ่างได้รับราชโองการแต่งบุตรีพร้อมแต่งตั้งให้นางเป็นถึงพระชายาเอกในลั่วอ๋องแห่งซูโจวเนื่องจากท่านอ๋องลั่วหมิงจ้านผู้นี้กรำศึกมานานและห่างเหินจากสตรี แม้ว่าเขาไม่สนใจเรื่องการสืบทายาทสกุลอ๋อง แต่ฝ่าบาทก็ทรงเป็นห่วงเรื่องคู่ครองของเขา
แต่ข่าวลือแปลกประหลาดเกี่ยวกับตัวเขาก็มีมากมายเหลือเกิน ทั้งคนที่แต่งเข้าตำหนักอ๋องลั่วนั้น จู่ๆก็จะป่วย หรือตายลง หลายครั้งที่เขาแต่งงานแต่ก็ไม่เคยเกินสองเดือน พระสนมแต่ละคนล้วนแต่มีอันเป็นไปทั้งสิ้น
“ผ่านมาเจ็ดคนแล้ว ไม่มีผู้ใดรอดออกมาได้เลยสักคน หรือว่าฉายาอ๋องโลหิตนั่นจะเป็นเรื่องจริงเจ้าคะ”
“เขาเจ้าเล่ห์มากแผนการตั้งแต่เด็ก แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังมองเขาไม่ทะลุปรุโปร่ง เขาขอย้ายตัวเองมาที่นี่เพื่อหลีกความวุ่นวายในเมืองหลวง ไม่นึกว่าครั้งนี้จะเป็นจวนของสกุลฟ่างเราที่ฝ่าบาททรงเลือกให้เขา”
“นายท่าน ฮูหยิน คุณหนูห้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
ฟ่างชิงเยี่ยนเดินเข้ามาในห้องโถง สตรีในวัยยี่สิบสองเมื่อสามวันก่อนเดินอย่างนอบน้อมเข้ามาคารวะทั้งคู่อย่างนอบน้อม
“คำนับท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ เรียกลูกมีธุระอันใดเจ้าคะ”
“ชิงเยี่ยน เจ้าคงจะทราบเรื่องราชโองการเรื่องการอภิเษกของลั่วอ๋องแล้วใช่หรือไม่”
“ท่านพ่อหมายจะบอกเรื่องนี้กับลูก หึ เกรงว่าพวกท่านคงกำลังคิดจะส่งลูกไปแทนพี่รองสินะเจ้าคะ”
“นี่เจ้า…กล้าดีเช่นไรมาพูดกับพ่อเจ้าเช่นนี้ ผู้ใหญ่ยังไม่ทัน…”
“อะแฮ่ม!! …ฮูหยิน ให้ข้าคุยกับนางตามลำพังเถอะ”
ฮูหยินเดินมามองหน้าฟ่างชิงเยี่ยน นางเองก็มองกลับด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เรื่องการตายของมารดา นางยังคงสงสัยว่าฟ่างฮูหยินมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้จะไม่มีหลักฐานแต่นางก็ไม่เคยเลิกสงสัย
“ชิงเยี่ยน นั่งลงก่อน”
“ท่านพ่ออยากพูดสิ่งใดก็รีบพูดเถอะเจ้าค่ะ ลูกต้องทำเช่นไรบ้าง ตอนนี้คาดว่าพี่ใหญ่คงออกจากซูโจวไปไกลแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาได้คือส่งข้าไปแทน เช่นนั้นท่านก็บอกมาเถิดว่าต้องทำอย่างไร”
“ชิงเยี่ยน…พ่อ…”
“หึ ท่านเลิกแสร้งทำสายตารักและห่วงใยข้าเสียทีเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ที่นี่ด้วยความรู้สึกเช่นไร ท่านผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“คุณชายใหญ่เจ้าคะ เข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ คุณชายใหญ่”
“ท่านพ่อ…ท่านจะส่ง….เอ่อ…น้องห้า เจ้าก็อยู่ด้วย”
ชิงเยี่ยนหันไปมองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ เขาเป็นหนึ่งในสองคนที่ดีกับนางเสมอในจวนนี้ พี่ใหญ่ของสกุลฟ่าง ฟ่างหลิงเทียน อีกคนก็พี่สาม ฟ่างจื่อหนาน ทั้งสองคนเป็นบุตรของฮูหยินฟ่างจินจิน
“พี่ใหญ่”
“ท่านพ่อ โปรดไตร่ตรองก่อนด้วย ท่านจะส่งน้องห้าไปอภิเษกกับลั่วอ๋องผู้นั้นจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หลิงเทียน เจ้าเองก็รู้ดีว่าตอนนี้น้องรองเจ้ามิได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้ในจวนของเราก็มีเพียงชิงเยี่ยนเท่านั้น เราขัดราชโองการนี้หาได้ไม่มิเช่นนั้นต้องถูกตัดหัวทั้งตระกูล ชิงเยี่ยน เรื่องนี้....”
“ข้าทราบแล้ว ข้าจะรีบไปเตรียมตัว สิ่งที่ควรเตรียม ก็ฝากท่านพ่อและฮูหยินของท่านจัดการให้ข้าด้วย วันและเวลาก็ให้คนส่งไปที่เรือนหลังก็แล้วกัน หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
“น้องห้า!!…เดี๋ยวสิ…แต่ว่าเรื่องนี้เจ้า..”
“หลิงเทียน!! ไม่ต้อง…พูดสิ่งใดอีก เจ้าก็เร่งเตรียมตัว อีกสามวันเกี้ยวเจ้าสาวก็จะมารับที่หน้าจวนแล้ว”
ชิงเยี่ยนหันหลังเดินออกมาจากห้องโถงนั้นพร้อมกับหลับตาเพื่อไล่น้ำตาแห่งความอดสูนั้นออกไปโดยเร็ว หมดสิ้นกันทีกับสกุลฟ่างที่นางทนอยู่มานาน จะไปที่ใดย่อมไม่ได้ต่างกัน
สกุลฟ่างแห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างกับนรกบนดิน นางทนอยู่มาได้นานขนาดนี้ก็นับว่ามากพอแล้ว หากไม่มีพี่ใหญ่และพี่สามอยู่ คิดว่านางคงหนีไปนานแล้ว
“น้องห้า รอก่อนสิ ชิงเยี่ยน!!”
ชิงเยี่ยนหยุดกึกลงเมื่อพี่ใหญ่วิ่งตามนางมาที่สวนตรงกลางจวนระหว่างทางกลับไปยังเรือนพักของนางที่อยู่ด้านในสุดซึ่งเก่าและห่างไกลผู้คนที่สุด
“เหตุใดเจ้า…ไม่ปฏิเสธเรื่องงานแต่งนี้ไป”
“ข้า…มีสิทธิ์ทำเช่นนั้นด้วยหรือเจ้าคะ ข้าก็แค่สินค้าที่รอวันถูกขายสำหรับท่านพ่อ แต่งไปที่ใดก็ไม่ต่างกัน”
“ไม่นะน้องห้า เหตุใดเจ้าจึงด้อยค่าตัวเองเช่นนั้น เจ้าเป็นสตรีงดงามอันดับต้นๆของซีโจว ความสามารถก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร ความรู้ก็มีมากกว่าน้องรองเสียอีกเจ้าไม่จำเป็นต้อง…”
“บางที ตำหนักลั่วอ๋อง…อาจจะเลวร้ายกว่าที่นี่ก็ได้ พี่ใหญ่ ข้าขอบคุณท่านที่คอยดูแลข้าตลอดเวลาสิบกว่าปีนี้นะเจ้าคะ หากมีโอกาส ชิงเยี่ยนจะกลับมาตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างแน่นอน”
“ชิงเยี่ยน อย่าพูดเช่นนั้น ยิ่งเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าซึ่งเป็นพี่ชายเจ้า ยิ่งรู้สึกผิดต่อเจ้าที่ต้องเสียสละเพื่อสกุลฟ่างถึงเพียงนี้”
“หากข้าไม่พูดวันนี้ เกรงว่าวันข้างหน้าที่ยังไม่อาจรู้ได้ จะมีโอกาสหรือไม่”
“นี่เจ้า…..รู้เรื่องอ๋องโลหิตนั่น…แต่ข้าว่า เรื่องนี้เราควรถามน้องสามจะรู้เรื่องมากกว่าผู้ใด เขาน่ะเป็นคนสนิทของลั่วอ๋อง ร่วมทำศึกด้วยกันหลายครั้ง พี่ว่า….”
“จะช้าหรือเร็วข้าก็ต้องออกเรือน พี่ใหญ่ร่วมยินดีให้ข้าดีกว่าเจ้าค่ะ”