บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม 4

“เรียบร้อย พี่ชายท่านมาดูว่าใช้ได้หรือไม่”

“หะ หา~” เด็กหนุ่มรีบเดินเข้าไปดู เปิดผ้าที่วางทับสมุนไพรออก ห่อซิ่วโอวเติบโตขึ้นมาร้อยปีจริง ๆ แถมยังมีพลังอุดมสมบูรณ์ราวกับได้รับน้ำและปุ๋ยที่ดีซะอย่างนั้น

“นี่เจ้า…นี่…”

“พี่ชาย ห่อซิ่วโอวห้าร้อยปีของท่านราคาสองพันหยกขาว ข้าเพิ่มการเติบโตขึ้นมาหนึ่งร้อยปี ย่อมต้องมีส่วนแบ่งไม่มากก็น้อยใช่หรือไม่ หวังว่าท่านจะไม่เอาเปรียบเด็กตาดำ ๆ เช่นข้านะเจ้าคะ” เฟิงเหยาไม่ใช่คนช่างพูด แต่นางเป็นคนขี้อ้อน ดังนั้นจึงสามารถใช้ตาใสกระจ่างของเด็กน้อยน่ารักอ้อนเด็กหนุ่มที่เพิ่งพบกันได้อย่างหน้าซื่อตาใส

“ใช่…ใช่…เดี๋ยวก่อนนะ ข้า…ขอเวลาก่อน” เด็กหนุ่มทำการเก็บสมุนไพรให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปยังโต๊ะเก็บเงิน นำเงินออกมาใส่ถุงพร้อมกับเพิ่มลงเงินลงไปอีกเล็กน้อยจากจำนวนตามปกติ ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กน้อย

“นี่ค่าจ้างของเจ้า เด็กน้อย…เจ้าสนใจร่วมงานกับร้านเราหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้…เจ้าไม่ควรเผยความสามารถนี้ต่อหน้าผู้อื่น ไม่เช่นนั้นหากกองกำลังหรือพวกชั่วช้ารู้เรื่องเข้า มันอาจจับเจ้าไปเป็นทาสไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย”

“ข้าทราบเจ้าค่ะ ข้าก็ดูก่อนแล้วว่าท่านเป็นคนจิตใจดี” เฟิงเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม รับถุงเงินมาเปิดดูเมื่อเห็นว่าด้านในนั้นมีหยกขาวอยู่เยอะในใจก็นึกถึงร้านเป็ดย่างที่เดินผ่านมา หรือจะร้านเป็ดปักกิ่ง ร้านหมูหัน อ่า…เพราะเป็นยุคที่พวกนางเอกพระเอกกำลังจะมาเกิด ดังนั้นเลยมีของกินหลากหลายเลยสินะ หรือเป็นเพราะมีท่านจอมมารจำแลงอยู่กันนะ

“เด็กน้อย เจ้าสนใจจะเป็นพนักงานประจำของร้านเราหรือไม่ ร้านเรายินดีมอบส่วนแบ่งให้เจ้าสามส่วน จากสมุนไพรที่เจ้าเพิ่มอายุขึ้นมาได้”

“พี่ชาย ข้าไม่สามารถใช้พลังได้อย่างไร้ขีดจำกัด พลังของข้าเองก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ท่านในฐานะผู้ฝึกตนก็น่าจะรู้”

“ข้ารู้ ๆ ข้าไม่ได้จะบังคับบีบคั้น เจ้าสามารถทำได้เมื่อเจ้าต้องการ”

“ข้าสามารถ…” เฟิงเหยาชะงักไป นางกำลังจะบอกว่าตนเองสามารถเพิ่มความเร็วเติบโตได้วันละร้อยปี แต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็กลืนคำพูดลงคอไป

‘ฉันเอาแว่นสีมองคนดีงั้นเหรอ พี่ชายคนนี้เป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ’ เฟิงเหยาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น…” เฟิงเหยากำลังจะขอตัวออกจากร้านไป รวมถึงตอบตกลงร่วมงานกัน แต่เสียงของชายชราที่มาจากชั้นสองของร้านก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้เด็กสองคนในร้านหันไปมองพร้อมกัน

“นังหนู แล้วเจ้าจะไปที่ไหนต่อ”

“ท่านปู่ ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ” เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปประคองท่านปู่ที่เพิ่งปรากฎตัว คาดว่าน่าจะเป็นผู้อาวุโสเจ้าของร้านขายสมุนไพรแห่งนี้

“เจ้าน่ะอยู่เฉย ๆ ไปเถอะ เจ้าหลานไม่ได้เรื่อง…นังหนู ว่ายังไงเจ้าจะไปที่ใดต่อ” ชายชราหันไปดุหลานชาย ก่อนจะหันกลับมาถามเฟิงเหยา

“ผู้อาวุโส ข้าเป็นเด็กกำพร้า คิดว่าคงไปเช่าโรงเตี๊ยมนอนสักคืน ขณะที่หาเงินเพื่อหาบ้านเช่าสักหลังในเมือง อาศัยปลูกพืชผักเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่ ปลูกสมุนไพรด้วยพลังธาตุไม้ที่ตนฝึกฝนเจ้าค่ะ” เฟิงเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว เหมือนเด็กน้อยที่มองโลกในแง่ดีคนหนึ่ง

แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม้รู้ดีแก่ใจ นางก็ยังเชื่อว่าชีวิตจะง่ายแบบนั้น เหมือนในนิยายสโลไลฟ์ ถ้าตัวเอกไม่มีตัวละครลับหรือคนรอบข้างคอยปกป้อง ก็คงไม่สามารถใช้ชีวิตสโลไลฟ์แบบนั้นได้ หากไม่แข็งแกร่งจะอยู่ที่ใดก็คงไม่รอด

“เช่นนั้นเจ้าสนใจ มาเป็นหลานสาวของข้าหรือไม่”

“ท่านปู่! ท่านจะหลอกใช้งานสาวน้อยน่ารักคนนี้ไม่ได้นะขอรับ!” เด็กหนุ่มรีบแย้งขึ้นมากลางปล้อง ทำให้ผู้เป็นปู่หัวเราะเสียงดัง

“เจ้าเด็กโง่ ข้าหลอกใช้นางที่ใด เจ้าต่างหากที่หลอกให้นางทำงานด้วย เด็กน้อยเจ้าพอมีเวลานั่งจิบชากับข้าสักครู่ได้หรือไม่”

“ได้เจ้าค่ะ…” เฟิงเหยาหันออกไปมองนอกร้าน ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าสดใส ไม่เหมือนใกล้มืด นางยังสามารถอยู่คุยกับคนชราได้สักพัก

“มาเถอะ อาหยงนำชามารับรองน้องสาวเจ้าสิ”

“ท่านปู่!”

“อาหยง!”

สองปู่หลานมองหน้ากันอย่างไม่ยอมแพ้ สุดท้ายฝ่ายหลานชายก็พ่ายแพ้ไป เขาเดินหุนหันเข้าไปในห้องครัวแล้วออกมาพร้อมกับชุดน้ำชาจริง ๆ

“เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าพลังของเจ้าไม่ควรให้ใครรู้ง่าย ๆ สามัญสำนึกของเจ้าน่าจะหายไปตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาสินะ จึงได้เผยตัวง่าย ๆ เช่นนี้”

“ผู้อาวุโส สิ่งที่ข้าทำอาจเพราะคิดน้อยจริง ๆ แต่ไม่สามารถตัดสินได้ว่าดีหรือไม่ดีหรอกเจ้าค่ะ ในเมื่อพวกท่านก็เป็นคนดี ไม่คิดรังแกข้าน้อยไม่ใช่หรือเจ้าคะ” เฟิงเหยายื่นมือไปรินชาให้ชายชราด้วยความเคารพ ในอดีตนางก็เคยทำเช่นนี้กับท่านยายบ่อย ๆ จึงเคยชินไปเอง

ชายชราเห็นอย่างนั้นก็พึงพอใจอย่างยิ่ง เด็กคนนี้รู้จักผู้คนดีกว่าหลานชายของเขา ไม่แน่เขาอาจพอจะฝากฝังหลานชายไว้กับเด็กคนนี้ได้

“เด็กน้อยจริง ๆ แล้ว ข้ากับหลานชาย เหลือกันอยู่สองคน เมื่อพบว่าเจ้ามีพลังนั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือเจ้าเป็นเด็กหญิงตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร ไม่ดีกว่าหรือหากข้าจะรับสิ่งล้ำค่าเช่นเจ้าไว้เอง ในเมื่อข้าก็เป็นคนดีมากพอที่จะไม่ใช้ประโยชน์จากเจ้า ดีกว่าปล่อยเจ้าออกไปเจอผู้อื่น ใครก็ไม่รู้ที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่สามารถคาดเดาได้”

“ท่านปู่พูดถูก…ข้าน้อยมีนามว่าเฟิงเหยา”

“เฟิงเหยาอ่า ข้าแซ่หยาง นามเร่อฉี ส่วนหลานชายข้า หยางรุ่ยหยง พวกเราเป็นสองคนสุดท้ายในตระกูลหยาง เด็กน้อย เจ้าสนใจเข้าร่วมสกุลของเราหรือไม่”

“ท่านปู่ ข้าเชื่อว่าพวกท่านเป็นคนดีและจากนี้ ข้าขอฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ” เฟิงหยางยกจอกน้ำชาขึ้นคารวะปู่คนใหม่

ในเมื่อตัวเอกในนิยายอยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ต้องมีคนคอยรับมือรับเรื่องรอบด้านให้ นางเองก็แค่ทำแบบเดียวกัน และสองปู่หลานแซ่หยางก็เป็นคน ๆ นั้นสำหรับนาง

ชีวิตสโลไลฟ์ที่ใฝ่ฝัน อีกไม่นานก็จะได้กินแต่ของอร่อยอย่างสบายใจแล้วสินะ

“มานี่สิอาหยง รับจอกน้ำชาจากน้องสาวเจ้าสิ”

“น้อง…น้องสาว หะ หะ น้องสาว ข้ามีน้องสาว…” เด็กหนุ่มดูเหมือนจะตะลึงจนสติหลุดไปชั่วขณะ สุดท้ายเขาก็ยกจอกขึ้นดื่มอย่างมึนงง พิธีรับน้องสาวเลยจบไปเช่นนี้

“อาเหยาอ่า ร้านนี้ชั้นบนมีอยู่สามห้อง เป็นห้องเก็บสมุนไพรหนึ่งห้อง ห้องนอนของปู่และอาหยง แต่ด้านหลังร้านมีแปลงปลูกสมุนไพร และเรือนเล็ก ๆ ตั้งอยู่ท้ายสวน ถ้าไม่รังเกียจปู่จะให้คนเตรียมเรือนนั้นให้หลาน คงไม่ติดอะไรใช่หรือไม่”

“ข้าไม่ติดอะไรเจ้าค่ะ ท่านปู่ มีสวนสมุนไพรด้วยหรือเจ้าคะ” เด็กน้อยเรียกท่านปู่เจื้อยแจ้ว ทำให้คนชราหนวดกระดิกด้วยความอารมณ์ดี

“มีสิ มาปู่จะพาไปดู อาหยงไปตามคนมาทำความสะอาดเรือนให้น้องสาวเจ้าซะสิ”

“ขอรับท่านปู่” รุ่ยหยงรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านนี้ และมีคุณหนูน้อยคนใหม่เข้ามาเพิ่มยังไงก็ไม่รู้สิ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel