บทที่ 1 เกิดใหม่ 1
“ฉัน...ตายแล้วงั้นเหรอ”
เฟิงเหยา วิญญาณโปร่งแสงยืนมองร่างของตนเองที่กำลังถูกหมอและพยาบาลช่วยกันกู้ชีพอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอเป็นเพียงหญิงสาวอวบอ้วนอายุสามสิบต้น ๆ ที่ไร้ชีวิตชีวา มีเพียงการอ่านนิยายที่ทำให้เธอมีความสุขในโลกแห่งจินตนาการ เธอยอมอดกินอาหารที่อยากกินมาตั้งหลายสิบปี ทว่าความพยายามลดน้ำหนักมาทั้งชีวิตนั้นก็สูญเปล่า เพราะมันก็ไม่ได้ผลสักวิธี
สุดท้ายแล้วด้วยโรคภัยที่รุมเร้า จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถ หัวใจวายตายเฉียบพลัน เพราะไขมันอุดตันในเส้นเลือด
ระหว่างที่เธอกำลังยืนมองร่างของตนเองอยู่อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอก็รู้สึกเหมือนมีแรงมหาศาลดูดเธอออกไปจากที่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าจะรู้สึกมึนงงจับตนชนปลายไม่ถูก แต่หูเจ้ากรรมก็ยังได้ยินเสียงคนผู้หนึ่ง ก่อนที่สติจะดับวูบไป
“เฟิงเหยา ข้านั้นสงสารเจ้ายิ่งนัก เห็นแก่ที่ข้าอารมณ์ดีอยากจะทำความดีสักครั้ง ข้าจะชดเชยให้เจ้าเอง เอาเป็นว่าเจ้าก็ไปเกิดใหม่แทนคนผู้หนึ่ง เรื่องราวในโลกนั้นเทียบได้กับนิยายที่เจ้าอ่านก่อนตาย แต่จะไม่มีผู้สร้างอะไรนั่นขัดขวางตัวละครที่นอกลู่นอกทาง เพราะนั่นคือโลกแท้จริงหาได้มีผู้ใดกำหนดทิศทางไม่ กระทั่งเทพโชคชะตายังไม่อาจลิขิตชีวิตมนุษย์ได้ เอาล่ะไปเกิดใหม่ให้ข้าเถอะ”
เฟิงเหยารู้สึกตัวอีกทีก็ปรากฏว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องมืด ทำไมถึงรู้นะเหรอ! ก็มันมืดจนมองไม่เห็นแม้แต่รูปร่างตนเองน่ะสิ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเป็นเวลานานพอที่จะทำการสำรวจสิ่งต่าง ๆ กลับพบว่าเธอนั้นมีร่างกาย เดาว่าร่างนี้คงยังเป็นเด็ก โชคดีที่เป็นผู้หญิงเพราะลองเอามือลูบไปตามมือและขา มันมีขนาดเล็กและไม่ยาว เธอยังได้ยินเสียงหัวใจของร่างนี้ได้อย่างชัดเจน ประกอบกับจำได้ถึงเสียงที่ดังขึ้นก่อนที่จะหมดสติไป เฟิงเหยาจึงอนุมานว่าตนเองคงมาเกิดตามคำของเสียงนั้น...นั่นแหละ
คำว่าไปเกิดใหม่ให้ข้าเถอะ คือบังคับไม่ใช่รึยังไงกัน ยังไม่ทันได้ขอพร ไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ กระทั่งคิดก็ไม่ทันด้วยซ้ำ กลับถูกส่งมาในห้องที่มืดสนิทในร่างของใครก็ไม่รู้
แถมยังไม่มีความทรงจำอะไรเลย ความรู้สึกลึก ๆ ยังบอกว่านี่เป็นร่างของเธอในวัยเด็กอีกด้วย
“เสียงปริศนา...ท่านทำอะไรลงไป!!” เฟิงเหยาเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ตะโกนถามออกไป โดยก็ไม่รู้ว่าจะได้รับคำตอบไหม จนเกือบหัวใจวายตายไปอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงปริศนาขึ้นมาในหัว
[ตอบรับคำเรียกขานของโฮสต์ ตัวตนสูงส่งไม่ใช่เสียงปริศนา โปรดเรียกให้ถูกต้อง ท่านจึงส่งข้ามาคอยนำทางนายหญิง จนกว่านายหญิงจะคุ้นเคยกับโลกใบใหม่]
‘ระบบ นี่มันระบบนี่นา นึกแล้วเชียวทะลุมิติมาเป็นตัวละครในนิยาย จะไม่มีระบบได้ยังไง’
[นายหญิงโปรดใจเย็นก่อน ข้าหาใช่ระบบไม่เพียงเป็นผู้นำทางเท่านั้น]
‘นำทางอะไร’
[แนะนำโลกใบนี้ให้ท่านได้รู้จัก และของขวัญพิเศษที่ตัวตนสูงส่งมอบให้ท่าน]
‘โลกใบนี้...ของขวัญ?’ ทำไมในใจลึก ๆ ของเธอถึงไม่ยินยอมก็ไม่ทราบได้ ไม่มีแม้เสี้ยวความยินดี ราวกับว่าตนเองไม่ต้องการอยู่ที่นี่ รู้สึกอยากกลับไปยังโลกที่จากมามากกว่า เธอโดนเสียงลึกลับนั่นส่งมาโลกใหม่ด้วยคำว่า ‘เอาล่ะ ไปเกิดใหม่ให้ข้าเถอะ!’ หึหึ ตลกสิ้นดี
[เนื่องจากตัวละครในเนื้อเรื่องของโลกใบนี้ตายตกไปโดยบังเอิญ ท่านจึงถูกนำมาสวมรอยแทนที่ โดยปรับรูปลักษณ์ให้คล้ายคลึงแปดส่วน เมื่อเติบโตขึ้นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของจิตวิญญาณจะค่อย ๆ ปรากฎออกมา]
“อะไรนะ! สวมรอยตัวละครที่ตายไปแล้ว” เฟิงเหยาอุทานออกมาก่อนจะค่อย ๆ ปรับลมหายใจให้เป็นปกติเพื่อรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมีสติครบถ้วนสมบูรณ์
“โดยทั่วไปก็น่าจะเป็นพวกตัวประกอบสาม สี่ ห้า หรือตัวร้ายนี่แหละมั้ง แล้วร่างนี้มีชื่อว่าอะไรเหรอ”
[ตัวร้ายขอรับ...ตัวร้ายตัวแรก เริ่นเฟิงเหยา ที่ตกตายเพราะกลั่นแกล้งนางเอกแล้วถูกลงโทษขังในห้องมืดเพื่อสำนึกผิดต่อเริ่นเกาจู ]
‘พระเจ้า!’ ตอนนี้เฟิงเหยารู้แล้วว่าตนเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร แล้วใครมันจะไปสู้นางเอกโคตรเทพผู้นั้นได้!
[ตอนนี้โฮสต์อายุแปดขวบ เป็นบุตรสาวคนรองของสกุลเริ่น น้องสาวต่างมารดาของนางเอก อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะทิ้งตัวตนนี้ไป หรืออยู่ในตัวตนนี้ต่อ]
‘อะไรนะ เลือกได้ด้วยงั้นหรือ’
[แต่หากไม่สวมบทบาท จะแลกกับการหักของขวัญจากตัวตนสูงส่งคืนครึ่งหนึ่ง]
ได้ยินดังนั้นเฟิงเหยาก็อ้าปากค้างเลยทีเดียว จะรับบทตัวร้ายต่อไป หรือจะออกจากชีวิตนี้ดี แม้จะเลือกได้แต่จะทำยังไงล่ะ
[ระบบสามารถนำกายเนื้อที่เสียชีวิตไปแล้วของ เริ่นเฟิงเหยาตัวจริงกลับมาได้ขอรับ]
‘งั้นสินะ...อยู่ ๆ ก็โดนดึงมาที่นี่แบบไม่ให้คิดอะไรเลย ทั้งที่รู้สึกว่าเพิ่งตายเมื่ออึดใจที่แล้วแท้ ๆ ’ เฟิงเหยาถอนหายใจออกมา ขณะที่เธอคิดอยู่นั้นเสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้นมา
[นายหญิงไม่มีเวลาแล้ว หากไม่เลือกตอนนี้บทบาทจะนำพาให้ท่านเข้าสู่บทนางร้ายโดยอัตโนมัติ]
เมื่อได้ยินเสียงระบบ เฟิงเหยาก็เกิดร้อนรนขึ้นมา ก่อนเริ่มทบทวนนิยายเรื่องนี้เพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้าย
นิยายเรื่องนี้ชื่อ ชั้นเชิงยอดยุทธ์ แม้ชื่อจะแมนขนาดนั้นแต่กลับใช้ตัวเอกเป็นหญิงถึงสองตัว คือนางเอกเริ่นเกาจู และบอสสูงสุดของเรื่อง นางมารเฟิ่งฉิน
รวมถึงดำเนินเรื่องในมุมของพระเอกก่อนจะมาพบกับนางเอกและนางมารด้วย เรื่องนี้เป็นนิยายรักสามเศร้า เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด นั่นเพราะก่อนนางมารจะฟื้นคืนนางเป็นเพื่อนรักกับนางเอก
ส่วนตัวละครเริ่นเฟิงเหยานั้นเป็นน้องสาวต่างมารดาของเริ่นเกาจู นางเอกของเรื่องที่มีมารดาเป็นเพียงฮูหยินรอง ในขณะที่เริ่นเฟิ่งเหยาเป็นคุณหนูรองก็จริง ทั้งอายุยังน้อยแต่ถือตัวว่ามีมารดาเป็นฮูหยินเอกของสกุลเริ่น จึงเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจโดยแท้ บ่าวไพร่ล้วนเกลียดชัง แต่ก็ทำอันใดไม่ได้
เริ่นเกาจูแก่กว่าร่างนี้เพียงสามเดือนเท่านั้นนางเอกถึงแม้จะเป็นบุตรีที่เกิดจากฮูหยินรอง แต่กลายเป็นว่าฮูหยินรองเป็นคนที่ท่านผู้นำตระกูลรักด้วยหัวใจ ฮูหยินเอกที่เป็นมารดาของเริ่นเฟิงเหยานั้นแต่งงานกับสามีเพียงเพราะความเหมาะสม หาได้เกิดจากความรัก เมื่อบิดารักมารดา ความรักนั้นจึงเผื่อแผ่มายังบุตรสาวของหญิงที่รักด้วย กลายเป็นว่าคุณหนูใหญ่เกิดกับฮูหยินรอง คุณหนูรองเกิดกับฮูหยินเอกไปเสียได้
สาเหตุที่เริ่นเฟิงเหยาถูกขังอยู่ในห้องมืดนี่ก็เป็นเพราะนางมักไปก่อกวนการฝึกวิชานางเอก ทั้งที่ตนเองไม่ค่อยสนใจการฝึกวิชาสักเท่าไหร่ เมื่อสองวันก่อนเริ่นเฟิงเหยาแกล้งนางเอกจนเกือบถูกธาตุไฟเข้าแทรก ดีว่าท่านผู้นำตระกูลผ่านไปเห็นเข้าจึงช่วยไว้ได้ทัน เริ่นเฟิงเหยาจึงถูกทำโทษให้ขังอยู่ในห้องมืดเพื่อสำนึกผิด
ฮูหยินเอกมารดาของร่างนี้ติดสินบนผู้คุมให้นำอาหารส่งเข้าไปให้บุตรสาว จึงเป็นโอกาสให้ฮูหยินรองที่ติดสินสาวรับใช้วางยาพิษไร้สี ไร้กลิ่น ตรวจสอบไม่ได้ด้วยเข็มเงินในน้ำที่ส่งเข้าไปได้ ทำให้เริ่นเฟิงเหยาคล้ายกับหัวใจวายตายเนื่องจากความกลัวในที่มืดเท่านั้น
การอดอาหารแค่สองวันไม่ทำให้เด็กตัวเล็ก ๆ ตายลงได้ ท่านผู้นำตระกูลถึงแม้ว่าจะลงโทษแต่ก็ไม่ได้กะให้ถึงตายจึงลงโทษเพียงขังในห้องมืด งดอาหารแต่ไม่ได้งดน้ำ ยังไงก็เป็นบุตรสาว ทั้งยังเกิดกับฮูหยินเอกอีกด้วย
ฮูหยินรอง...ร้ายไม่เบา
เฟิงเหยาตบหน้าผากตัวเอง ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรต้องหลีกหนีจากตัวละครนี้ให้ได้ ใครเลือกสวมบทเป็นเริ่นเฟิงเหยาต่อก็โง่แล้ว
ทันทีที่คิด ร่างของเด็กหญิงก็เลือนหายไป เนื่องจากเฟิงเหยาเลือกที่จะไม่สวมรอยเป็นตัวละครที่ตัวตนสูงส่งเลือกให้ จึงปรากฎร่างไร้วิญญาณของเริ่นเฟิงเหยาตัวจริงขึ้นมาแทนที่ พร้อมประตูที่เปิดออก
เป็นฮูหยินเอกที่เปิดประตูเข้ามายังห้องมืดนี้ เมื่อเห็นบุตรสาวสุดที่รักนอนนิ่งหน้าซีดคล้ายไร้ซึ่งลมหายใจอยู่บนพื้น นางจึงรีบเข้าไปอุ้มบุตรสาวขึ้นมาเดินตรงกลับไปยังเรือนใหญ่ ก่อนจะตวาดให้รีบตามหมอมาดูอาการ ไม่ต้องรอให้หมอมาถึง ฮูหยินเอกสังเกตเห็นความผิดปกติลองจับชีพจรบุตรสาวดูก็รับรู้ว่า ดวงใจของตนเองตกตายไปแล้ว นางจึงสติแตก ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เดินตรงไปยังเรือนของฮูหยินรองซึ่งก็พบสามีอยู่ที่นั่นเช่นกัน
สุดท้ายเมื่อต้องสูญเสียยอดดวงใจ นางจึงไม่ขอทนอีกต่อไป ฮูหยินเอกร้องขอใบหย่าทันทีหลังจากที่ได้ทำพิธีฝังศพบุตรสาวเรียบร้อย เมื่อไร้ซึ่งบุตรสาวแล้ว ฮูหยินเอกจึงได้หันหน้าเข้าหาพระธรรมบวชเป็นชีไม่สึกออกมาอีกเลยตลอดชีวิต
ฮูหยินรองจึงได้เลื่อนขึ้นเป็นฮูหยินเอก นางเอกก็ไร้คนก่อกวนหรือกลั่นแกล้ง กลายเป็นหญิงสาวที่งดงามและมากฝีมือเป็นไปตามบทในนิยายทุกประการ