บท
ตั้งค่า

5 ท่านคงมิใช่บิดาของข้า

นางก้าวเดินแต่ละก้าวได้อย่างเชื่องช้าไหนจะอาการปวดหัวเข่าที่รู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ เป็นบางครั้งที่ก้าวเดิน ไหนจะพื้นศิลาที่เต็มไปด้วยน้ำที่ละลายจากหิมะ โชคดีที่พี่สาวทั้งสองเดินมาพร้อมกันจึงคลายกังวลลงไปบ้าง อย่างน้อยบุรุษผู้นั้นก็ไม่ได้กักบริเวณ นางสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ทั่วทั้งจวน มีอิสระแต่ก็ไม่อิสระ แต่มีกฎที่พี่สาวทั้งสองเป็นคนตั้งขึ้นและวิงวอนร้องขอ

“หากทูนหัวของบ่าวเจอท่านหญิงอี้ ณ จุดไหนของจวน ได้โปรดหลีกเลี่ยงนางนะเพคะ” เสี่ยวไป๋กล่าว

“หากนางเดินไปทางซ้าย ขอให้ทูนหัวของบ่าวเดินไปทางขวา” เสี่ยวซานเสริม

“เพราะอะไรกัน” ร่างเล็กเอียงหัวเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ

“เพราะต่อให้ท่านไม่ได้เป็นผู้หาเรื่องท่านหญิงอี้ก่อน ท่านอ๋องก็จะกล่าวหาว่าท่านเป็นฝ่ายผิดอยู่ดี” เสี่ยวซานกำหมัด

“อะไรกัน แต่ก่อนข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ ข้ามีนิสัยหาเรื่องคนก่อนอย่างนั้นหรือ” ซูจื่อถิงถาม

พี่สาวทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกันหงึก ๆ เป็นคำตอบ

“ได้ข้าเข้าใจแล้ว”

เมื่อเดินเล่นกันจนพอใจ ซูจื่อถิงก็พร้อมจะกลับเรือนของตนเสียที อย่างไรวันนี้ก็ได้สำรวจบริเวณโดยรอบแล้ว หลังจากนั้นค่อยเอาทรัพย์สินของตนเองมาดูว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ และพอจะมีวิธีไหนที่นางจะสามารถหาเงินได้ โชคดีที่วันนี้นางไม่ต้องเจอพวกตัวละครหลัก

คนตัวเล็กเดินเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจว่าผู้คนรอบข้างจะเป็นอย่างไร กระทั่งชนเข้ากับบุรุษผู้หนึ่ง

“โอ๊ย ขอโทษเจ้าค่ะนายท่าน” นางไม่รู้ว่าบุรุษหล่อเหลาท่าทางสง่าผ่าเผยผู้นี้เป็นใครจึงก้มหัวขอโทษ และยกให้พวกเขาเป็นนายท่านไปเสียก่อน

“นายท่าน!! นี่เจ้าตกม้าจะสติเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร หรือว่าลืมมารยาทเอาไว้ที่เรือน หรือคนอย่างเจ้ามันไม่เคยมีหรอกมารยาท”

ได้ยินนางเรียกเขาว่านายท่าน ความโกรธเคืองก็ทวีพูลเพิ่มขึ้นสีหน้าของซูเจียเฉิงรู้สึกขุ่นเคืองยิ่งนัก ตั้งแต่ที่ได้บุตรสาวที่แท้จริงกลับคืนมาที่จวน เขาก็เคยสั่งให้นางห้ามเรียกเขาว่าพ่ออีก แต่กระนั้นนางก็ยังคงดื้อดึงเรียกเขาว่าพ่อเสมอมา จนกระทั่งวันนี้

ซูจื่อถิงแหงนหน้าขึ้นไปมองว่าชายที่นางเดินชนหน้าตาเป็นอย่างไรกัน

“นายท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ” รูปร่างสูงโปร่งเสื้อผ้าเนื้อหนาและถูกตัดเย็บประณีตอย่างดี ใบหน้าหล่อเหลา ซูจื่อถิงถามเพราะนางไม่รู้จริง ๆ ว่าบุรุษที่กำลังทำหน้ายักษ์ใส่นางเวลานี้เป็นผู้ใดกัน

“ซูจื่อถิง” ซูเจียเฉิงเรียกชื่อของนางด้วยเสียงอันดังก้อง

คนตัวเล็กล่าถอยมาเล็กน้อย คิดว่าบุรุษตรงหน้าคงจะเป็นอริคนหนึ่งของนางร้ายผู้นี้กระมัง หญิงสาวจึงยิ้มปริ่มท่าทางประนีประนอม

“นายท่านใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้าน้อยความจำเสื่อมและจำไม่ได้จริง ๆ ว่านายท่านเป็นผู้ใด ถ้าหากข้าน้อยทำให้ท่านต้องโกรธเคือง ได้โปรดขออภัยด้วย นายท่านโปรดบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านคือผู้ใด” นางยังคงยิ้มแย้มถึงแม้ในใจจะหวาดหวั่นเพียงใดก็ตาม

“ความจำเสื่อม อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย คิดจะเรียกร้องความสนใจจากข้างั้นหรือ ข้าบอกแล้วไงว่าไม่มีเด็กอย่างเจ้าเป็นลูก”

‘ลูก’

พวกนางทั้งสองแค่แวะไปโรงครัวครู่เดียว เพื่อหาน้ำขนมและของว่างมาถวายให้กับนายหญิงของพวกนาง แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าเจ้านายของบ้านกำลังส่งเสียงดังโวยวายยกใหญ่ใส่ใครสักคน

“ท่านหญิงเพคะ ท่านหญิง” เสี่ยวไป๋และเสี่ยวซานหน้าซีดเผือด เมื่อเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“พี่สาวทั้งสองมาแล้ว พวกพี่ช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่านายท่านผู้นี้เป็นใคร” ความจริงประโยคเมื่อครู่ ทำให้นางพอจะเดาได้แล้วว่าเขาคือใคร แต่ในเมื่อความจำเสื่อมแล้วก็ต้องเสื่อมให้ถึงที่สุด

“ทะ ท่านอ๋องเพคะ พระองค์คือท่านอ๋อง พระบิดาของพระองค์ไงเพคะ”

ซูจื่อถิงยิ้มในใจ นางเหลือบไปมองบุรุษผู้นั้นด้วยสีหน้าและสายตาที่ดูอ่อนโยนไร้เดียงสา

“เดี๋ยวก่อนสิเจ้าคะ พี่สาวทั้งสอง”

“พะ เพคะ” เสี่ยวซานและเสี่ยวไป๋ที่นั่งคุกเข่าหมอบกราบตัวแข็งทื่อไม่รู้ว่านางจะอุตริถามคำถามอะไรอีก

“ข้ามีบิดาด้วยหรือ ได้ยินพวกบ่าวที่มาจากโรงครัว ซุบซิบนินทากันว่า ข้าเป็นเด็กกำพร้า ชาติกำเนิดคลุมเครือ เป็นลูกทาส บิดามารดาไม่ปรากฏชัดเจน แล้วนายท่าน...ไม่สิท่านอ๋องผู้นี้จะมาเป็นบิดาของข้าได้อย่างไรกัน” นางกอดอกเอียงคอพูดได้อย่างหน้าตาเฉย “จริงไหมเจ้าคะ....เอ๊ย...เพคะ ท่านอ๋องไม่ใช่บิดาของหม่อมฉันหรอก เพราะว่าถ้าหากเป็นบิดาของหม่อมฉันจริง ๆ คงจะต้องมีท่าทางและสีหน้าที่เป็นห่วงหม่อมฉันมากกว่านี้ นี่มันชัดเจนว่าพระองค์ไม่ได้แสดงออกว่ารักใคร่ ซ้ำยังดูรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างที่บ่าวพวกนั้นกล่าวเอาไว้จริง ๆ"

ซูเจียเฉิงได้ยินสิ่งที่นางพูดก็คล้ายกับเจ็บปวดอยู่ในทรวง ช่วงกาลก่อนนั้น ก่อนที่ฉีเยว่อี้จะปรากฏ เขารักใคร่เอ็นดูนางเช่นนั้นจริง ๆ และยอมรับนิสัยร้ายกาจของนางได้หมด แต่ครั้นเมื่อรู้ว่านางไม่ใช่บุตรสาวของเขา เขาจึงมิอาจรับนิสัยเลวร้ายเช่นนั้นได้อีก

“ใครเป็นผู้บอกกับเจ้าเช่นนั้น” ใบหน้าหล่อเหลาของซูเจียเฉิงเย็นเฉียบ เขาจะไปเอาเรื่องกับบ่าวพวกนั้น แต่ก็ยังมีบางส่วนในใจคิดว่านางกำลังเล่นละคร

“นายท่าน....อ้อ...ท่านอ๋อง ใคร ๆ ก็พูดเช่นนั้น หรือแม้แต่ท่านก็ยังแสดงออกชัดเจนว่าหม่อมฉันไม่ใช่บุตรสาวของพระองค์ บ่าวไพร่พวกนั้นก็คงปฏิบัติต่อข้าดังเช่นที่เจ้านายของพวกเขากระทำมั้งเพคะ”

สิ่งที่ท่านหญิงของพวกนางพูด เสี่ยวไป๋และเสี่ยวซานอยากจะหามีดคม ๆ สักเล่มมาแทงตัวเองตายเสียตอนนี้

“ท่านหญิง อย่าพูดเช่นนั้นสิเพคะ” เสี่ยวซานจับแขนท่านหญิงก่อนจะหันไปกล่าวกับซูชินอ๋อง “ได้โปรดท่านอ๋องอภัยให้ท่านหญิงด้วย ตั้งแต่นางตกม้าสลบไปหลายวันพอฟื้นขึ้นมา นางก็จำความอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งพวกหม่อมฉันเพคะ...แม้แต่ชื่อหรือวัน....”

“พี่เสี่ยวซาน พี่เสี่ยวไป๋ อย่ากล่าวอีกเลยเจ้าค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อนายท่าน....ท่านอ๋องไม่ได้คิดว่าข้าเป็นบุตรสาวอยู่แล้ว เรื่องราวที่พวกท่านทั้งสองกล่าวออกมา จะถูกครหาเอาได้ ท่านอ๋องจะคิดว่าข้ากำลังเรียกร้องความสนใจ” ซูจื่อถิงลงไปคุกเข่าและประคองพี่สาวทั้งสองคนให้ลุกขึ้น แต่จนแล้วจนรอดพวกนางก็ยังคงนั่งอยู่เช่นนั้น “ถ้าพวกพี่สาวไม่ลุก งั้นข้าจะคุกเข่าเป็นเพื่อน” นางยิ้มแย้มแจ่มใส มิได้รู้สึกสะทกสะท้านต่อสิ่งใด

“ท่านหญิงอย่าทำเช่นนั้นเพคะ” ทั้งสองคนรีบห้ามปราม

“ต้องคุกเข่าเช่นนี้จนกว่าท่านอ๋องจะอนุญาตให้ลุกขึ้นใช่หรือไม่” ซูจื่อถิงถามพี่สาวทั้งสอง โดยที่แม้แต่หางตาของนางก็ไม่ได้ชายตาไปมองผู้ที่เคยเป็นบิดาเลยสักนิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel