

ตอนที่4. สตรีหม้าย
“หากแม่มิใช่สตรีหม้ายที่สามีหย่าขาด แม่คงไม่คิดมากอันใดเลย”
“ความคิดของคนคร่ำครึ จะสตรีหม้ายแบบไหนมันก็ไม่ต่างกันหรอกเจ้าค่ะ ยกเว้นสตรีเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี สามีจึงต้องหย่าขาด และนั่นคือที่มาของความคิดทางลบ เกี่ยวกับหญิงหม้ายของคนรุ่นเก่า แล้วก็พาลสอนลูกหลานผิด ๆ แล้วทำไมหญิงแก่ในสกุลร่ำรวยที่สามีตาย ไยถึงมีแต่คนก้มหัวให้เล่าเจ้าคะ นั่นเพราะมันแค่คำพูดที่ใช้กับชาวบ้านอย่างเรา ๆ เพื่อกดให้ต่ำกว่าพวกเขาเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้น พวกเขาคงทำให้เจ้าลำบากใจมิเว้นวัน”
“หึ ๆ ท่านแม่คิดว่าข้าหรือพวกเขา ที่ต้องอับอายและเสียหน้า ข้าคือแม่ค้าแม้จะมิใช่ประเภทปากตลาด แต่ข้ารู้ว่าจะทำให้พวกเขาแทรกแผ่นดินหนีแทบไม่ทันได้อย่างไรเจ้าเจ้าค่ะ
รบกับคนจองหองมันง่ายกว่าการค้า ที่ต้องพบเจออุปสรรคมากมาย ซึ่งกว่าเราจะได้เงินมาแต่ละตำลึง ล้วนเสี่ยงต่ออันตรายรอบด้าน ฉะนั้นมารดาของข้า จงวางใจในตัวบุตรสาวคนนี้ได้เลยเจ้าค่ะ”
หยวนไป่หลิงเอ่ยกับผู้เป็นแม่ พร้อมรอยยิ้มกว้าง นางมิได้ทะนงในความสามารถ แต่เพราะนางไม่อยากให้สตรีตรงหน้า ต้องรู้สึกไม่สบายใจไปมากกว่านี้ จึงเลือกที่จะเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้ให้ลึกสุดของใจ
“แม่ภูมิใจในตัวเจ้าสองพี่น้องยิ่งนัก”
“เห็นหรือไม่เจ้าคะ ว่ามารดาข้าเป็นสตรีหม้าย ที่เลี้ยงลูกได้ดีทุกคน ข้าสองพี่น้องอาจมิใช่หญิงสาวในหอห้อง แต่ข้าสองพี่น้องก็ยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเอง ปีกของบุรุษจะมีค่าก็ต่อเมื่อเขาเห็นค่าในตัวเรา หาไม่แล้วมันแค่ปีกที่แสดงถึงความเป็นชายเท่านั้น ไม่มีค่าที่เราจะไปเสียเวลายืนใต้ปีกคนแบบนั้นเจ้าค่ะ”
“เจ้าสองคนนี่นะ! อย่าเอาความเจ็บปวดในอดีตของแม่ มาตัดสินอนาคตตนเองเป็นอันขาด”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้าแค่เปรียบให้เห็นภาพเท่านั้น ความรักใช่ว่าไม่สวยงาม แค่เราต้องรู้จักที่จะเผื่อทุกความรู้สึก เพื่อมิให้ชอกช้ำในภายหน้าเจ้าค่ะ”
ใช่ว่านางจะมิเคยผ่านความรักในชีวิตใหม่นี้ แต่เพราะคำว่าบุตรสาวสตรีหม้าย ทำให้ชายหนุ่มที่เคยพูดคุย คิดเพียงแค่จะหยอกเล่น และหวังเพียงเรือนร่าง ซึ่งนางที่เคยผ่านความตายและเกิดใหม่มาแล้ว จะมาไร้เดียงสากับเรื่องแบบนี้ นางก็ไม่สมควรได้เกิดใหม่แล้ว
ในตอนนั้นฐานะของมารดา แค่พอมีอยู่มีกินไม่อดอยาก ยังไม่อาจทำให้สกุลใดอยากชิดใกล้ ทว่าตอนนี้ในห้าเมืองชายแดนตะวันออก นางคือสตรีที่ร่ำรวยและทรงอำนาจที่สุด ประตูบ้านแทบจะไม่ว่างเว้นคนมาเทียวเคาะ จนบางครั้งมารดาของนางต้องแสดงเจ็บป่วย เพื่อไม่ให้ใครรบกวน
แต่กระนั้นก็ยังมิเว้นส่งของเยี่ยมมามิขาดสาย คำว่าสตรีหม้ายในห้าเมืองรอบข้าง ไม่มีใครหาญกล้าเอ่ยต่อหน้ามารดานางสักครั้ง แต่ลับหลังล้วนเหยียดหยัน หวังเพียงได้หนึ่งในสองพี่น้องร่วมสกุล เพื่อทรัพย์สินที่มีล้นมือของนางสามแม่ลูก คนประเภทนี้หรือนางจะนำมาร่วมในชีวิต
“หลินเอ๋อร์ ว่าอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้”
“น้องรองมิได้คัดค้านเจ้าค่ะ อีกอย่างนี่เป็นหน้าที่ ซึ่งเราสามคนแบกรับกันมาเนิ่นนานแล้ว หากมันจะสิ้นสุดเสียที ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเรานะเจ้าคะ”
“แม่ขอบใจเจ้ามาก ที่ไม่ตำหนิกับเรื่องนี้ ทั้งที่จริง ๆ มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย”
“มันคือโชคชะตาเจ้าค่ะ อย่าได้คิดให้เหนื่อยเลย แค่ในทุกวันนี้ ท่านแม่มีความสุข กินอิ่มนอนหลับอยู่อย่างสุขสบาย ข้าสองพี่น้องก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าสองพี่น้อง คือสิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับแม่”
จุดอ่อนของนางคือลูกแฝด ในฐานะแม่จะมีสิ่งใดที่ต้องกังวล เท่ากับความรู้สึกของลูก ๆ หญิงสาวช้อนตามองมารดา ก่อนจะคีบเนื้อวางในถ้วยของผู้เป็นแม่ ทุกความรู้สึกของมารดานางย่อมเข้าใจมันดี เพราะครั้งหนึ่งที่นางเคยอยู่ในอีกชีวิต นางก็เคยได้เป็น ‘แม่’ เช่นกัน
สองแม่ลูกเปลี่ยนเรื่องคุยให้สนุกสนานขึ้น จนเสร็จสิ้นมื้ออาหาร หยวนไป่หลิงจึงได้ออกไปจัดการเรื่องการค้า และกิจการที่มีให้เรียบร้อย ก่อนที่นางจะออกเดินทางในอีกสามวันข้างหน้า
