ขอแค่คืนนี้มี 24 ชั่วโมง
ฟ้ารดา, ฟ้าใส ไอรดา, ธัญญา, ดาวฉาย, จันทร์นารี, ภูต เภตรา, จรรยา เลิศพงษ์ไทย5 ป้อนรสสวาท 1
น้ำฝนอ้าแขน พลางโอบกอดเมื่อเขากำลังออกจากห้อง ใบหน้างามซบลงกับแผ่นหลังกว้างที่หอมกรุ่นด้วยน้ำหอมบุรุษชั้นดี
“ฝน พี่จะต้องไปรับลูก เดี๋ยวลูกพี่รอ”
“ฝนรู้ค่ะที่รัก พี่ไม่ล้างหน้าก่อนเหรอคะ คราบลิปสติกติดแก้ม เดี๋ยวใครก็รู้หมดหรอกว่าพี่ไปทำอะไรมา”
หญิงสาวแกล้งเอาลิปสติกป้ายที่แก้มเขาจนเป็นสีแดง
“จริงด้วย เกือบไปแล้วไหมละ พี่เข้าห้องน้ำก่อนนะ”
เขาวางกระเป๋าเอกสารและโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียง น้ำฝนกลายเป็นนางมารแอบปิดโทรศัพท์เขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาล้างหน้าเสร็จก็จะเปิดประตูออกไป แต่น้ำฝนเข้ามากอดเหมือนเดิม เขาปลดแขนเธอออกจากการรัดรึง แต่....
“ฝนคิดถึงพี่มาก ไม่อยากให้ไปไหนเลย นะคะ อยู่ด้วยกันก่อน”
“ฝน ไม่ใช่เด็กแล้วนะ พูดให้รู้เรื่อง อย่างอแง ถ้าพี่พร้อมก็มาหาฝนเอง”
ยิ่งใหญ่เสียงแข็ง ทำท่าไม่พอใจ น้ำฝนหน้างอแล้วกลับมาทิ้งตัวลงเตียงด้วยท่าทางไม่พอใจ
“โอเคค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
เขาไม่พูดนอกจากก้าวออกจากห้องแล้วปิดประตูจนสนิท เมื่อยิ่งใหญ่ไปแล้วเธอกวาดเครื่องประทินผิวบนโต๊ะเครื่องแป้งทั้งหมดลงไปกองที่พื้น
“อ๊ายยย นังเด็กบ้า”
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความโกรธเมื่อรู้ว่าไม่อาจรั้งยิ่งใหญ่ให้อยู่กับตัวเองได้ แล้วโกรธไปถึงลูกสาวตัวน้อยของเขาที่ยังครองหัวใจยิ่งใหญ่ ยากที่ใครจะจัดการให้จากไปได้ง่ายๆ
แม้ว่ายิ่งใหญ่รีบมารับน้องแก้มหอม แต่รถติดทำให้เสียเวลาพอสมควร เมื่อมาถึงโรงเรียนของลูกสาวก็เห็นว่าไม่มีรถผู้ปกครองจอดแม้แต่คันเดียว
เขาวิ่งเข้าไปในโรงเรียน ตามหาลูกสาวแต่ไม่เห็นจึงเข้าไปในห้องผู้อำนวยการ และเห็นลูกสาวนั่งร้องไห้ด้วยอาการตกใจ
“น้องแก้มหอม พ่อมาแล้ว”
“คุณพ่อ”
เด็กหญิงวัย 4 ขวบโผเข้ามาหา หนูน้อยกอดเขาแน่นและร้องไห้จนตัวโยน
“พ่อขอโทษ รถติดมาก”
“น้องแก้มหอมเห็นเพื่อนกลับไปจนหมดโรงเรียนก็ใจไม่ดีค่ะ ฉันก็เลยให้มารออยู่ในห้องนี้ ฉันติดต่อคุณไม่ได้ก็เลยโทร. หาแม่ของน้องค่ะ”
“เหรอครับ เมื่อครู่ผมยังโทร. คุยกับแม่น้องแก้มหอมอยู่เลย อ้าว โทรศัพท์ดับจริงๆ ด้วย”
ชายหนุ่มแปลกใจที่โทรศัพท์ดับจึงเปิดอีกครั้ง แปลกใจที่เห็นแบตเตอรี่เกือบเต็ม และสะดุ้งเมื่อลูกสาวผละออกไป
“คุณแม่ขา คุณแม่ขา”
เด็กหญิงกอดแม่ที่มีใบหน้าสวย รูปร่างสวยงาม เด็กน้อยกอดแม่จนแน่นแล้วร้องไห้อย่างขวัญเสีย
“ไม่เป็นไรค่ะน้องแก้มหอม แม่มาแล้ว แม่ไม่ทิ้งหนูค่ะ แม่รีบมาแล้ว”
อรจิรากอดลูกสาวที่ยังคงร้องไห้จนตัวโยน เธอปลอบใจอยู่นานและมองยิ่งใหญ่ด้วยสายตาไม่พอใจ
“อรสัมมนายังไม่จบด้วยซ้ำก็รีบมา กลัวลูกรอ อรโทร. หาคุณก็ไม่ติด”
“เครื่องมันดับ ผมลืมดู คุณอย่ามองผมอย่างนั้นสิ ผมรีบมากเป็นห่วงลูกด้วย รถก็ติด”
“กลับบ้านเถอะลูก”
อรจิราไม่พูดกับเขาแต่ชวนลูกสาวกลับบ้านด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขารู้ว่าเธอโกรธแต่เก็บอาการจึงเดินตามออกมาอย่างเร่งรีบ
“ให้ลูกขึ้นรถผมก็ได้”
“ไม่เป็นไร น้องแก้มหอมขึ้นรถค่ะ”
เด็กหญิงขึ้นรถแม่ที่จอดนอกรั้วโรงเรียน ยิ่งใหญ่ตามมาจับประตูรถไว้ มองอรจิราด้วยสายตาไม่พอใจ
“คุณโกรธผม”
“ไม่ค่ะ อรจะพาลูกกลับบ้าน แกคงอยากพักผ่อน”
“ผมอุตส่าห์ขับรถมาจากบริษัท กลัวจะรับลูกไม่ทัน”
“จริงหรือคะ คุณรีบออกมาจากบริษัท”
อรจิราถามเขาเสียงกระด้างและมองด้วยความไม่พอใจ เขาสะดุ้งเพราะไม่เคยเห็นท่าทีอย่างนี้มาก่อน
“จริงสิ ผมรีบมาก เกือบจะชนรถที่ออกจากซอย”
“ฉันโทร. ไปถามเลขาของคุณ เขาบอกว่าคุณออกจากบริษัทก่อนเที่ยงนี่คะ”
“อร นี่คุณโทร. เช็กผมหรือ ไม่ไว้ใจกันนี่”
“คุณต่างหากที่ทำตัวให้อรต้องโทร. ไปถามเพราะติดต่อคุณไม่ได้เลย ปิดมือถือทำไมคะหรือกลัวว่าจะรู้ คุณอยู่กับใคร”
“เฮ้ย! อร มันจะไปกันใหญ่แล้วนะ คุณไม่ฟังผมเลย โทรศัพท์มันปิดเอง ผมสาบานได้”
ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร อรจิราเงียบเพียงอย่างเดียวเพราะเจ็บปวดต่อนิสัยเจ้าชู้ และซ่อนผู้หญิงไว้มากมาย
หลายครั้งที่เธอจับได้ว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ แต่เขาแถไปเรื่อยเพื่อให้พ้นผิด
“อรจะกลับบ้านแล้วค่ะ หลีกไป”
“อรเดี๋ยวก่อน เรายังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย”
ไม่ว่ายิ่งใหญ่จะพูดอย่างไร อรจิราหาได้สนใจแต่อย่างใด เข้าไปในรถ แต่ยิ่งใหญ่จับประตูรถไว้
“ปล่อยค่ะ อรจะปิดประตูรถ”
“เรายังไม่เคลียร์กันเลย”
“ไม่ต้องเคลียร์ อรรู้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่กลับบ้าน”
“แล้วแต่คุณค่ะ”
อรจิราปิดประตูรถแล้วขับออกไปโดยไม่สนใจว่ายิ่งใหญ่จะเป็นอย่างไร เขาโมโหสุดเหวี่ยง ยกเท้าเตะอากาศเต็มแรงและขับรถไปหาที่สงบอารมณ์ก็ไม่พ้นสถานบันเทิงในยามค่ำคืน