[3/2]
[3/2]
ญารินรีบวิ่งเข้ามาหลบฝนด้านในคลับที่ตอนนี้ยังมีผู้คนหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วก็ตาม
โชคดีที่ตอนวิ่งออกมาเธอยังไม่ได้เช็คเอ้าท์ออกจากห้องพักเสียก่อน จึงถือว่าเป็นโชคดีสำหรับคืนนี้ อย่างน้อยเธอเองก็จะได้มีที่หลับนอน
“เฮ้ออ” ร่างเพรียวบางยืนมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกภายในห้องพักของโรงแรม
หลังจากที่เข้ามาในห้องหญิงสาวก็รีบอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว จึงเดินมาสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกบานใส
ตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีชุดมาเปลี่ยนแล้วในห้องนี้ก็มีแค่ผ้าขนหนูกับชุดคลุมสำหรับใช้อาบน้ำเพียงเท่านั้น
“เอาวะ ใส่ๆ ไปก่อน” อย่างไรเสียเธอก็อยู่ในห้องนี้เพียงแค่คนเดียวจะใส่ชุดแบบไหนก็คงจะไม่มีใครเห็น
คร่อกกก~
เสียงท้องร้องในขณะที่ร่างเพรียวบางกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งก่อนจะเตรียมนอน ก่อนที่เธอจะใช้โทรศัพท์ของห้องพักโทรไปยังพนักงานของโรงแรมเพื่อจะได้สั่งอาหาร ทว่ากลับโชคร้ายเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสายเลย
ญารินตัดสินใจเดินเปิดประตูออกไปด้วยชุดคลุมอาบน้ำเพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างกายตนเองอยู่
จุดมุ่งหมายของเธอคือเคาท์เตอร์ของโรงแรม ขืนอยู่แบบนี้เฉยๆ มีหวังคงจะได้อดอาหารทั้งคืน หนำซ้ำโรคกระเพาะที่เป็นอยู่จะต้องกำเริบขึ้นในไม่ช้าไม่นานนี้แน่นอน
“โทษนะคะ ดิฉันจะขอสั่งอาหารหน่อยน่ะค่ะ พอดีโทรมาแล้วแต่ไม่มีพนักงานรับสายเลย ไม่ทราบว่าดิฉันสามารถสั่งได้เลยไหมคะ?”
ทันทีที่เดินมาถึงหน้าเคาท์เตอร์ร่างเพรียวบางเห็นมีพนักงานชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าหันหลังนั่งพิมพ์อะไรบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนเก้าอี้หันหน้ามาผู้มาใหม่
“คะ คุณ!!” ตาคู่สวยสะดุดมองไปยังคนตรงหน้าที่อยู่ในเคาท์เตอร์ ก่อนจะถอนหายใจเสียงดังออกมา อย่างรู้สึกเบื่อหน่ายที่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร
“ยังไม่กลับอีกหรอ?” ณัฐกานต์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ในใจแอบตกใจเล็กน้อยที่เจออีกรอบ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกแต่อย่างใด
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเห็นเธอรีบวิ่งออกจากที่อยู่เลย จนลืมแฟ้มเอกสารที่เธอเองเป็นคนถือมาให้เขาเซ็น และตอนนี้มันก็อยู่บนห้องของเขา
“เรื่องของฉันค่ะ”
“ทำไม? ทีเธอเองยังวุ่นวายเรื่องของฉันได้เลย ตอบแค่นี้มันจะตายหรือไง”
“ถ้าฉันไม่ถูกสั่งมาให้ดูแลคุณ ฉันก็คงไม่อยากจะวุ่นวายหรอกค่ะ แล้วนี่สรุปที่โรงแรมของคุณนี่มีบริการอาหารด้วยไหมคะ? หรือว่าแย่จนเรื่องแค่นี้ยังบริการแขกไม่ได้”
ญารินอดไม่ได้เลยจริงๆ ที่จะพูดต่อปากต่อคำกับเจ้านายหนุ่ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้สัญญากับตัวเองไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่ทำแบบนี้
“ถึงโรงแรมฉันจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กแต่ก็ไม่ได้บริการห่วยขนาดนั้น อ่อ! แล้วแขกที่ว่าเนี้ยอยู่ในห้องกับเธออีกคนหรือเปล่า?”
ณัฐกานต์ใช้สายตาไล่มองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างเพรียวบางในตอนนี้อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของโรงแรม
ชายหนุ่มเดาว่าภายใต้ชุดนี้ก็คงจะไม่มีอาภรณ์ชิ้นอื่นปกปิดเรือนร่างของเธออีก เพราะนอกจากชุดคลุมจะเป็นสีขาวแล้ว เนื้อผ้าก็ยังเบาบางจนคนมองเห็นจุกดอกบัวตูมของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน
“นี่คุณ!! ฉันไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นซักหน่อย”
“แต่ดูจากสภาพเธอตอนนี้แล้ว ฉันว่ามันใช่อยู่นะ ขายหรือซื้อล่ะ... เอ๊ะ! หรือว่าฟรี หื้ม?”
เขาคิดไปไกลว่าเธออาจจะไม่ได้เข้าพักที่นี่คนเดียว หรือดีไม่ดีเธออาจจะมีใครอีกคนที่อยู่ในห้องนั้นก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เดินออกมาสภาพพร้อมเข้าสู่สนามรบแบบนี้
“ฉันไม่กินแล้วก็ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ร่างเพรียวบางเริ่มไม่สบอารมณ์กับคำพูดดูถูกของเขา จนต้องสะบัดหน้าหันหลังเดินกลับเข้ามาที่ห้องพักของตนเอง
ปล่อยให้อีกคนที่อยู่ตรงนั้นเข้าใจไปแบบนั้นเลย เพราะอย่างไรเสียเธอก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาอธิบายอะไรต่างๆ นานา เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ
ระหว่างทางเดินกลับเข้าห้องญารินก็นึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของเจ้านายหนุ่มอย่างหงุดหงิด ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงปากร้ายชอบทำตัวแรงๆ สักแค่ไหนก็ตาม แต่เอาเข้าจริงแล้วเรื่องอย่างว่าแบบนี้เธอเองก็ไม่เคยทำ ในแวดวงการทำงานของการเป็นนางแบบ
ซึ่งก็มีบางโอกาสที่เธอได้ไปร่วมงานแบรนด์ดังหลายๆ แบรนด์ในต่างประเทศ เจอสังคมเพื่อนหลากหลายในวงการก็มากมายอยู่ เจอเพื่อนดีก็ถือว่าได้โชค แต่ถ้าเจอเพื่อนไม่ดีนี่สิน่าเป็นห่วง บ้างก็ชักชวนไปทำเรื่องเสียหายบ้างก็ชักชวนไปทำเรื่องที่ไม่ดี
จะเป็นการซื้อหรือขายเหมือนอย่างที่เขาพูดเธอก็ไม่เคยทำทั้งนั้น และถึงแม้จะเคยผ่านการมีแฟนมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้ลิ้มรสชาติสวาทรักเหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆ เลยแม้แต่น้อย
ตี๊ดด ~~
หมั่บ!!!
ก่อนที่เรียวขายาวจะเดินเข้าไปในห้องหลังจากที่แตะคีย์การ์ดได้แล้ว ก็มีอีกคนเดินเข้ามาคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อน
“นี่คุณ! จะตามมาทำไมอีก” ญารินหัวหน้ากลับไปมองคนที่ยืนจับแขนเธออยู่ด้านหลัง ไม่รู้ว่าเขาจะตามมาทำไม
“ก็มาดูให้แน่ใจไงว่าเลขาฯ ส่วนตัวของฉัน กลับมาเพื่อหลบฝนจริงๆ หรือเปล่า?” ร่างสูงแอบมองเข้าไปด้านในห้องพักที่ขณะนี้ถูกเปิดออกแล้ว สายตาคู่คมสำรวจด้านในเหมือนกำลังจะหาอะไรบางอย่างอยู่
“แค่เนี้ย? นี่คุณณัฐ ฉันว่าเราควรแยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ พรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน”
“เธอลืมแฟ้มไว้บนห้องฉัน” ก่อนหน้านี้เหตุการณ์บนห้องของเขา ทำให้เธอลืมเอกสารที่นำมา และคนที่เป็นเจ้านายก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะพูดอะไรออกไปดี จึงหาเรื่องมาอ้างไปก่อน
“ก็เดี๋ยวยังไงคุณก็ต้องเข้าบริษัทอยู่แล้วนี่คะ”
“ฉันบอกหรอว่าจะไป?”
“คุณอย่ามาเป็นแบบนี้ได้ไหมคะ ฉันขอร้องล่ะช่วยไปทำงานให้ครบ 5 วันซักทีเถอะ ตำแหน่งและเงินเดือนของคุณก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ คุณควรจะทำงานให้คุ้มกับเงินที่ได้บ้าง ขอร้องล่ะค่ะ”
ประโยคทำนองนี้เธอแทบจะพูดกรอกหูเขาทุกวัน แต่เหมือนพูดไปก็เท่านั้น ในเมื่อใจอีกคนไม่ได้มีความฝักใฝ่อยากจะทำงานเลยแม้แต่น้อย
“หึ! แล้วไอ้เงินเดือนที่ได้เนี้ย คิดว่าฉันอยากได้มันมาหรอ วันนี้เธอเองก็เห็นหนิว่าฉันมีกิจการที่เป็นของฉันเองและมันก็ไปได้ดี ไม่เห็นต้องง้อท่านประธานอาวุโสของเธอเลยซักนิด”
“แต่ยังไงซะ สิ่งที่ท่านทำก็เพราะท่านหวังดีกับคุณมากนะคะ”
ต่อให้พี่ชายเขาและท่านประธานอาวุโสเอาช้างมาฉุด เธอคิดว่าก็คงจะยากถ้าจะบังคับคนคนนี้ อยากจะรู้เสียจริงว่าเขามีปมในใจอะไรกับพ่อของเขาหรือไม่ ถึงไม่ค่อยอยากจะมองหน้าและสบตาคุยกัน
“เธอเองก็หน้าเงิน! แค่เค้าจ้างให้มาเคี่ยวเข็ญฉันเธอก็ยอมทำ มีความสุขบนความทุกข์ของชาวบ้าน”
“โลกมันหมุนด้วยเงินคุณไม่รู้หรอ”
เอาเถอะถ้าเขาจะคิดได้แบบนั้น ส่วนหนึ่งมันก็จริงที่เธอต้องการเงิน ความจนมันน่ากลัวใครๆ ก็อยากหลุดพ้น แล้วคนที่มีภาระทางบ้านให้ดูแลแบบเธอ มันไม่มีทางเลือกให้ปฏิเสธได้เลย
ก่อนจะตกลงเธอเองก็คิดว่าสิ่งที่พี่ชายและพ่อของเขาสั่งเธอมา ก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหนเลย
ตรงกันข้ามเธอเองก็สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยของทั้งสองที่อยากจะมอบให้ณัฐกานต์ทั้งนั้น มีแต่เขานั่นล่ะที่เอาแต่ปฏิเสธ
“หึ! ยอมรับแล้วสินะ อยากได้มากป้ะเงินน่ะ? ฉันมีงานให้เธอทำเอาไหมล่ะ”
ร่างสูงขยับเท้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับโน้มใบหน้าคมหล่อตามแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลี่ลงเค้าเคลียข้างแก้มใสของหญิงสาว
“งะ ...งานอะไรของคุณ?”
“ขายอยู่ใช่ไหม? อ่ะงั้นฉันซื้อ เธอจะได้มีเงินมากพอแล้วออกไปจากชีวิตฉันซะที”
มือหนาเอื้อมไปดันประตูห้องให้เปิดออกกว้างแล้วดันไหล่เล็กให้เข้าไปด้านในพร้อมๆ กัน จากนั้นจึงรีบปิดประตูลงกลอนทันที
“ขะ ขาย! ขายอะไรของคุณ ไม่! ฉันไม่ได้ขายนะ!” ญารินได้แต่ยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนอีกฝ่ายจู่โจม
“เหอะ! กำลังเล่นบทอัพฯ ค่าตัวอยู่งั้นหรอ?”
“ถอยไปเลยนะ!” มือหนาเริ่มลูบไล้วนเวียนอยู่ด้านล่างบริเวณขาอ่อนของร่างเพรียวบาง
ผิวกายที่เนียนนุ่มมือทำให้อีกฝ่ายยิ่งได้ใจใหญ่จนลากนิ้วแกร่งเข้าไปด้านในชุดคลุม พลางสายตาก็จ้องมองจุกดอกบัวตูมที่ชี้หน้าเขาอยู่
'อ่าส์ ...โนบลาไปอีก'
“คุณ อย่า!! อื้มม” นิ้วหนาเลื่อนเข้ามาด้านในชุดคลุมอาบน้ำของเธอ ที่ตอนนี้ไม่มีสิ่งกีดขวางอันใดกลั้นอยู่ เขาใช้นิ้วลูบวนผ่านเนื้ออวบอูมไปมาจนเธอเผลอร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ก็ได้! พรุ่งนี้ฉันจะนำเสนองานแทนคุณเอง คุณไม่ต้องเข้าบริษัทโอเคไหม!?”
ร่างเพรียวบางเมื่อโดนจู่โจมด้านในก็ทนไม่ไหวกับความเสียวซ่านที่ไล่เข้ามาทั่วท้อง จนต้องยอมความพ่ายแพ้ให้กับเจ้านายหนุ่มอย่างจำใจ หากเขาจะเล่นแบบนี้เพื่อหวังต่อรองกับเรื่องพรุ่งนี้แล้วล่ะก็ บอกเลยว่ามันสำเร็จแล้ว
“หึๆ”
“ป ปล่อย! ออกไปจากตัวฉันได้แล้วค่ะ” ญารินเริ่มตั้งสติขึ้นได้ก็รีบใช้มือผลักอกแกร่งออกไปจากตัวเอง
“ก็แค่เนี๊ยะ เหอะ!” ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะพอใจจนเผลอยิ้มมุมปากออกมาเยาะเย้ยหญิงสาวผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับเขา
“ออกไปจากห้องเถอะค่ะ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจข้อหาโดนลวนลาม”
“ฉันออกไปแน่ อีกอย่างต่อให้เธอโทรแจ้งตำรวจจริงๆ คิดว่าคนอย่างฉันกลัวงั้นหรอ?”
“งั้นก็ออกไปสิคะ”
“หึ แต่จะว่าไป ตรงนั้นของเธอน่ะ ...มันส์มือดีนะ” ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ร่างสูงได้หันหน้ามาจ้องมองหน้าเลขาฯ สาว และพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้เธอเจ็บใจเล่นๆ
ปังง!!
กรี๊ดดดด!!! ร่างเพรียวบางได้แต่กรีดร้องเงียบๆ ไม่ออกเสียง แต่ทั้งใบหน้าของเธอในตอนนี้ร้อนผ่าวเต็มไปด้วยความอับอายอย่างถึงขีดสุด
เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านเธอเพิ่งจะโดนเจ้านายหนุ่มสัมผัสจู่โจมเข้ากับส่วนสงวนของเธอ หนำซ้ำยังพูดทิ้งท้ายให้เธออับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนได้อีก คอยดูเถอะสักวันเธอจะต้องเอาคืนเขาให้สาสม