[2/1]
[2/1]
หลังเลิกงานตอนเย็นวันนี้เช่นเดียวกับทุกๆ วันที่ญารินจะต้องนั่งงมอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์
และแฟ้มเอกสารต่างๆ มากมายที่กองวางไว้ตรงหน้า ขณะที่พนักงานและผู้บริหารคนอื่นๆ ในชั้นนี้ต่างก็ทยอยกันกลับไปพักผ่อนกันหมดแล้ว
โดยเฉพาะกับเจ้านายที่ไม่เอาอ่าวของเธอ ออกจากบริษัทไปตั้งแต่บ่ายสองครึ่งแล้ว
ไม่รู้ว่าชีวิตของเขามันมีอะไรให้ทำอีกมากหรืออย่างไร ถึงชอบหายตัวไปแล้วทิ้งงานที่ตัวเองจะต้องเซ็นกองไว้ให้เธออยู่แบบนี้
มันก็เลยกลายเป็นเคลียร์งานส่งให้อีกฝ่ายไม่ได้ เพราะยังติดต่อณัฐกานต์กลับมาเซ็นให้ไม่ได้อีก
เพียงแค่งานของตัวเธอเองก็ยังทำไม่เสร็จอยู่เลย ยิ่งถูกตำหนิจากฝ่ายอื่นอยู่ว่าฝ่ายของเธอปัญหาเยอะบกพร่องตรงนั้นตรงนี้บ้าง ทว่าก็ไม่อาจจะปฏิเสธคำตำหนิจากฝ่ายอื่นได้เลย
ก็ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงทั้งเธอและณัฐกานต์ต่างก็มือใหม่กันทั้งคู่ เธอเองถึงแม้จะมาทำงานที่ตรงไม่กับสายที่เรียนแต่เธอก็กำลังพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ในทุกๆ วัน
อย่างเช่นเดียวกับวันนี้ที่ญารินก็ต้องมานั่งทำงานล่วงเลยเวลาถึงแม้จะไม่ได้ค่าโอทีเนื่องจากเป็นความล่าช้าของเธอเอง
แต่กระนั้นเธอเองก็ต้องมีความรับผิดชอบเพื่อให้งานที่ทำออกมาดีที่สุด
เดดไลน์พรุ่งนี้คือต้องส่งเอกสารทุกฉบับให้ทันก่อนยื่นเสนอร่างงบประมาณที่จะทำโครงการใหม่ที่ต่างประเทศของบริษัทลูกที่มาซิโม่ดูแลอยู่
ทว่ายังติดอยู่ตรงลายเซ็นของเจ้านายของเธอเองนี่แหละ แล้วแบบนี้จะให้ไปตามตัวจากที่ไหนถึงจะทันส่งงานพรุ่งนี้เช้า คิดแล้วก็หนักใจเลย
“อย่าให้เจอตัวนะ ไอ้รองประธานบ้า!! หึ่ยย!” สัญญาว่าเคลียร์งานนี้เสร็จ จะรีบไปตามลากคอเขามารับผิดชอบงานของตัวเองให้ได้เลย
ถึงตอนนี้ก็นาฬิกาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะบอกเวลาเกือบ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ทว่าร่างเพรียวบางยังนั่งอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับไปไหน
บรรยากาศรอบกายว่างเปล่าไร้ผู้คน มีเพียงแค่เสียงแอร์คอนดิชั่นเท่านั้นที่ทำให้บรรยากาศไม่เงียบ
จนกระทั่งหญิงสาวใกล้จะทำงานเสร็จแล้ว จึงมีผู้มาใหม่เดินเข้ามาหา
“หนู ยังไม่กลับอีกหรอครับ? ตึกใกล้จะปิดแล้วนะครับ” ร่างชายดูมีอายุในชุดเครื่องแบบของพนักงานรักษาความปลอดภัยของตึกเดินเข้ามาทักหญิงสาว
“อ่อ ค่ะๆ กำลังใกล้จะเสร็จแล้วล่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” ญารินทราบดีว่าไม่ควรอยู่ที่นี่ดึกจนเกินไปเพราะกฎระเบียบของทางบริษัทเองก็เคร่งคัดเรื่องเวลาทำงานเหมือนกัน
หากไม่ใช่ฝ่ายอื่นที่มีลักษณะงานเป็นแบบ all time ก็ไม่สามารถอยู่เคลียร์งานต่อได้เกิน 2 ทุ่ม
ลุงยามประจำตึกเริ่มออกตระเวนตรวจตึกแล้ว เห็นว่ายังเหลือใครอยู่ในนี้บ้างซึ่งคาดว่านอกจากฝ่ายไอทีที่เขาต้องทำงานเป็นกะแล้ว ทั้งชั้นนี้ก็คงจะมีเพียงแค่ญารินเท่านั้นที่ยังไม่กลับบ้าน
“เห็นหนูทำงานกลับค่ำทุกวันเลย งานคงหนักมากสินะครับ ก็แบบนี้แหละ ทำใจหน่อยนะครับ เห็นว่าท่านประธานอาวุโสเอาลูกชายคนเล็กเข้ามาบริหารงานฝ่ายนี้ด้วย หนูคงเหนื่อยน่าดู”
ยามประจำตึกคนนี้ถือว่าคอยทำหน้าที่สอดส่อง เป็นหูเป็นตาให้ตึกนี้ได้เป็นอย่างดีถึงได้รู้ว่าใครเข้าออกงานเวลาไหน
และคงจะเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ด้วยเช่นกัน ญารินลองพิจารณาดูหากจะถามเรื่องท่านรองประธานบริษัทแห่งนี้ดูบ้าง
“คุณลุงรู้จักท่านรองประธานด้วยหรอคะ?”
“ถามแปลกนะหนู ใครๆ ก็รู้จักทั้งนั้นแหละ”
“เอ่อ ก็จริงแฮะ” ก็จริงของลุงยามพูด ใครบ้างล่ะที่จะไม่รู้จักท่านรองประธานตัวแสบ
“โดยเฉพาะคนที่ทำงานที่นี่มานานก็รู้เรื่องรู้ราวกันหมดนั่นแหละ นี่ๆ อย่าหาว่าลุงเอาเรื่องเจ้านายมาพูดเลยนะ หนูรู้แล้วอย่าไปพูดที่ไหนต่อนะเข้าใจไหม?”
ลุงยามคนเดิมหันหน้ามองซ้ายมองขวาก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อจะได้สะดวกคุยกันกับหญิงสาวที่กำลังเคลียร์งานให้เสร็จ เหมือนจะเป็นการกระซิบกันด้วยซ้ำไป
“คะ? เอ่อออ... ค่ะๆ”
“คืองี้นะ ตอนเด็กๆ ใครก็รู้ว่าท่านรองประธานคนนี้น่ะ ทั้งดื้อ ทั้งซน เล่นไม่เข้าเรื่อง
มาบริษัทนี้ทีไรเป็นต้องทำขายหน้าท่านประธานอาวุโสเชียวล่ะ แสบถึงขั้นเคยเอาประทัดเข้ามาจุดเล่นในตึกนี้
...จนท่านประธานอาวุโสเข้ามาห้ามปรามยังต้องโดนลูกหลงไปด้วยเลย สาหัสถึงขั้นเกือบตาบอดเลยนะหนู
โชคดีที่ท่านเอาแขนบังหน้าตัวเองไว้ไม่งั้นก็คงแต่แขนที่ท่านใช้บังนี่สิโดนเย็บไปหลายเข็มเลย โชคดีนะหนูที่ท่านไม่เป็นอะไรมาก”
“โห ขนาดนั้นเลยหรอคะ”
พอได้เจอเรื่องเล่าถึงวีรกรรมของรองประธานหนุ่มจากปากลุงยามแล้ว ถึงแม้ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องปลอมหรือไม่
ทว่าเกินกว่าครึ่งเปอร์เซ็นต์ญารินเชื่อไปแล้ว ด้วยบุคลิกที่เขาแสดงออกมาประจักษ์สายตา
“นี่ลุงเห็นว่ามีแค่เราอยู่ในนี้นะ ลุงจะเล่าต่อ ....คืองี้นะหนู มันไม่ได้มีแค่เรื่องเดียวหรอกที่ท่านรองฯ ทำเอาไว้น่ะ ยังมีอีกเยอะ ฮ่าๆๆ แสบๆ ทั้งนั้นเลยแหละ
เขาถึงลือกันให้ทั่วตึกไงว่าท่านรองฯ น่ะเป็นลูกชัง ส่วนท่านประธานน่ะเป็นลูกรัก เพราะไม่เคยขัดคำสั่งพ่อเลย
จะมีแต่เรื่องผู้หญิงของท่านประธานเท่านั้นแหละ เฮ้ออ... ผ่านมากี่ปีแล้วดูท่าว่าลูกคนเล็กของท่านก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะหนู”
“มาเป็นดราม่าครอบครัวเลยนะคะ แฮะๆ”
ญารินนึกในใจขึ้นมาว่าต่อให้ท่านรองประธานจะเป็นคนแบบไหนก็แล้วแต่
ในตอนนี้หรือทุกตอนที่พนักงานบริษัทของเขากำลังอยู่ในช่วงเวลางานอยู่ ก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเอาเรื่องของเจ้านายมาพูดเล่นกันแบบนี้
ถึงแม้ว่าเธอเองจะไม่ค่อยชอบรองประธานบริษัทคนนี้เลยก็ตาม หากพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้คิดได้ว่ายังเป็นลูกน้องในบริษัทของณัฐกานต์อยู่ก็คงจะไม่พูดจาแบบนี้
แต่เอาเถอะถือว่าอย่างน้อยเธอเองก็พอจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับณัฐกานต์มาบ้างแล้ว
“เออๆ ลุงไม่กวนแล้วๆ หนูก็รีบๆ เก็บของกลับบ้านซะล่ะ ดึกมากแล้วลุงจะได้รีบเคลียร์ตึกซะทีนะ”
“ค่ะลุง อะ เอ่อ... ลุงพอจะทราบไหมคะว่านอกจากบ้าน คอนโด และที่บริษัทนี้เนี้ย ท่านรองประธานจะไปที่ไหนได้อีกคะ?”
“นี่ลุงก็ไม่ค่อยรู้เรื่องชาวบ้านเค้าเท่าไหร่หรอกนะหนู แต่เท่าที่ทราบมาก็พอจะรู้ว่าท่านรองชอบแข่งรถ
และถ้าเป็นตอนค่ำๆ แบบนี้ถ้าไม่อยู่สนามแข่งก็คงจะอยู่ที่ร้านเหล้าแถวๆ ทองหล่อที่เขาเป็นเจ้าของล่ะนะ”
“อ่อค่ะ ขอบคุณมากนะคะลุง เดี๋ยวหนูจะเก็บของกลับแล้วล่ะค่ะ”
หญิงสาวอยากจะกรอกตามองบนใส่ลุงยามคนนี้เสียจริง นี่หรือที่เรียกว่าไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น แล้วถ้าตั้งใจยุ่งขึ้นมาจริงๆ จะเป็นแบบไหนกัน
“จ้ะหนู รีบๆ ออกมานะ” เขาย้ำหญิงสาวอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป