อุ่นเตียงที่ 2 สถานะใหม่
อุ่นเตียงที่ 2
สถานะใหม่
มีชีวิตรอด
ร่างเล็กขยับพลิกกายด้วยความปวดร้าว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเหม่อมองเสาเตียงที่ทำจากไม้สีดำขัดเงาไม่คุ้นตา ก่อนจะขยับกายลุกขึ้นนั่งแล้วหมุนมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงงเมื่อพบว่าห้องนี้ตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบง่ายแต่ก็หรูหราฉายชัดว่าล้วนเป็นสิ่งของราคาแพงทั้งสิ้น
‘ขะ...ข้ายังไม่ตายหรือนี่’
เตียวเฟยฟากะพริบเปลือกตาปริบๆ ก้มมองตนเองจึงพบว่าร่างกายของนางถูกเช็ดถูอย่างสะอาดสะอ้าน อีกทั้งยังสวมใส่ชุดนอนสีขาวหาใช่เสื้อผ้าของแฝดผู้พี่ที่บิดามอบให้
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนูเตียว”
สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางยอบกายลงช้าๆ ทำความเคารพอีกฝ่าย เวลานี้ทุกคนในจวนสกุลหยางต่างรับรู้กันทั่วว่าคุณหนูเตียวผู้นี้มีฐานะเป็น ‘นางบำเรอ’ หรือ ‘ของเล่นอุ่นเตียง’ ของท่านแม่ทัพหยาง
ซึ่งจากสายตาของพวกนางแล้วล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าเหมาะสม เพราะคุณหนูเตียวผู้นี้มีใบหน้างดงามอีกทั้งยังมีรูปร่างยวนเย้าน่าค้นหาเหมาะกับการบำเรอกามตัณหาแก่บุรุษเพศยิ่งนัก
ดังนั้นพวกนางจึงปฏิบัติต่อคุณหนูเตียวผู้นี้อย่างนอบน้อมระดับหนึ่งด้วยต้องหยั่งเชิงว่าเจ้านายจะโปรดปรานคุณหนูผู้นี้จนยกย่องหรือไม่ แตกต่างจากการปฏิบัติกับ ‘เจ้ากระต่ายน้อย’ ของท่านแม่ทัพโดยสิ้นเชิง เพราะคุณหนูกระต่ายน้อยคือผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเหลือท่านแม่ทัพเอาไว้ จึงมีสิทธิ์เทียบเท่าดั่งนายเหนือหัวทุกประการ
“ข้ามีนามว่าวั่งซูเจ้าค่ะคุณหนู นับจากนี้ข้ามีหน้าที่ดูแลรับใช้คุณหนู”
“อา...”
“อยากพูดหรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะเอากระดาษและพู่กันมาให้”
“อา!”
เตียวเฟยฟาส่ายหน้าแรงๆ นางไม่ต้องการกระดาษกับพู่กันเพราะนางเขียนหนังสือไม่ได้ และอ่านหนังสือไม่ออกแม้แต่ตัวเดียว เด็กหญิงที่เติบโตมาในโรงครัวสิ่งเดียวที่ถนัดก็คือทำงานบ้านและทำอาหารเท่านั้นเอง
“อา...”
หญิงสาวหมุนมองไปรอบๆ อย่างต้องการคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง แล้วเหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ ซึ่งวั่งซูก็พอจะเดาได้ไม่ยาก เพราะคนที่สลบอยู่บนแท่นประหารคิดว่าตนเองต้องตายแน่แล้วย่อมต้องสงสัยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเป็นธรรมดา
“คุณหนูเตียวสลบไปสามวันเจ้าค่ะ ร่างกายอ่อนเพลียมาก”
เตียวเฟยฟาพยักหน้าน้อยๆ ไม่คิดว่าตนจะหลับใหลไปนานถึงเพียงนั้น อีกทั้งร่างกายที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงกำลังวังชาไม่น้อย
“เวลานี้คุณหนูเตียวอยู่ในสถานะ ‘ของเล่นอุ่นเตียง’ หรือจะเรียกว่า ‘นางบำเรอ’ ของท่านแม่ทัพก็ได้เจ้าค่ะ ดังนั้นคุณหนูควรทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด หากทำให้ท่านแม่ทัพพึงพอใจได้คุณหนูก็จะมีชีวิตรอดปลอดภัยเจ้าค่ะ”
วั่งซูแม้ไม่นิยมชมชอบคุณหนูเตียวผู้แสนร้ายกาจ ด้วยได้ยินกิตติศัพท์มานาน แต่นางก็ไม่คิดจะใจร้ายใจดำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อีกอย่างคุณหนูเตียวในเวลานี้ดูไร้พิษภัย อาจเพราะถูกริบอำนาจ บิดาถูกประหารอย่างโหดเหี้ยมจึงสิ้นฤทธิ์สิ้นเดชไม่เหมือนงูพิษดั่งเก่าก่อน แต่เหมือนลูกกวางน้อยๆ ที่น่าสงสารมากกว่า
“อา!”
เตียวเฟยฟาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินว่านางถูกไว้ชีวิตเพื่อเป็นนางบำเรอของแม่ทัพหยาง สลดหดหู่กับโชคชะตาที่ได้รับด้วยรู้ดีว่าจุดประสงค์ของการให้นางบำเรอกามก็เพราะต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีให้ย่อยยับ ทว่าในใจลึกๆ กลับรู้สึกหวามไหวที่จะได้อยู่ใต้ร่างของชายที่นางรักจนหมดหัวใจ
‘ข้าควรรู้สึกอย่างไรดี อาตงแก้แค้นแทนข้า ทำเพื่อข้า ทว่าข้ากลับไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากเป็นฝ่ายถูกกระทำเสียเอง’
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดร้าวจนกระบอกตาร้อนผ่าว หยาดน้ำใสไหลออกมาเป็นสาย หยาดหยดเปรอะเปื้อนนวลแก้มผุดผาด
“อย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะคุณหนูเตียว คิดเสียว่าดีแล้วที่ยังมีชีวิตเถอะนะเจ้าคะ”
วั่งซูปลอบโยนไม่เก่ง ทว่าน้ำตาของสตรีตรงหน้ากลับทำให้นางรู้สึกสะท้านในอกจนเผลอยื่นมือไปวางบนหลังมือของอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน
“มาเถอะเจ้าค่ะคุณหนูเตียว ข้าจะพาท่านไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วจะจัดเตรียมอาหารเอาไว้ให้”
“อา...”
เฟยฟาส่งเสียงออกมา ดวงตายามมองสาวใช้ตรงหน้านั้นฉายชัดว่าซาบซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้วั่งซูรู้สึกดีกับสตรีตรงหน้ามากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เตียวเฟยฟารู้สึกสบายตัวไม่น้อย ยิ่งวั่งซูช่วยหวีผมให้นางยิ่งชอบใจเพราะผมของนางถูกสระล้างอย่างสะอาดสะอ้านและพรมลูบด้วยน้ำมันหอมจนนุ่มสลวย ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่จะค่อนข้างโป๊เปลือยเปิดเผยสัดส่วนเย้ายวน แต่ก็เข้าใจได้ว่าหน้าที่ของนางคือ ‘ของเล่นอุ่นเตียง’ ดังนั้นเสื้อผ้าจึงไม่ต่างจากของหญิงคณิกาในหอนางโลม
แต่ก็นับว่าดีกว่าเสื้อผ้าขาด เก่า และเหม็นอับ ที่นางใส่มาตั้งแต่เกิด และดีกว่าเสื้อผ้าของแฝดพี่ที่บิดายัดเยียดให้นางใส่ไปตายแทน
‘ข้าควรดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่ หากข้าทำตัวดี สักวันหนึ่งอาตงอาจปล่อยข้าไป เพราะถึงอย่างไรสถานะ ‘คุณหนูเตียว’ ก็ไม่ได้ทำผิดร้ายแรง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของผู้คนสกุลหยาง จะผิดมากหน่อยก็เพราะใจร้ายรังแกน้องสาวฝาแฝดเท่านั้นเอง ดังนั้นข้าก็ยังมีความหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากอาตง’
หญิงสาวคิดพลางมองตนเองในกระจกเงา แล้วก็ปวดแปลบใจเมื่อสำเหนียกได้ว่า....เขาจะปล่อยนาง หรือจะฆ่านาง ก็คงมีเหตุผลเดียวคือเบื่อหน่ายในตัวนาง เบื่อหน่ายในรสกามที่ตักตวงจากเรือนกายเท่านั้น
‘เบื่อข้างั้นหรือ’
พอคิดเช่นนี้แล้วขอบตาก็พลันแดงก่ำขึ้นอีกระลอก นางพยายามแหงนหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล ซึ่งกิริยาเหล่านั้นล้วนอยู่ในสายตาของวั่งซู
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวแล้วเสร็จอาหารมากมายก็วางเรียงรายตรงหน้า เตียวเฟยฟาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จ้องมองอาหารเหล่านั้นด้วยดวงตากลมโตแทบไม่ยอมกะพริบเปลือกตาด้วยกลัวว่าอาหารตรงหน้าจะอันตรธานหายไปราวกับความฝัน
“อา อา...”
หญิงสาวส่งเสียงร้องชี้นิ้วไปยังอาหารมากมาย ก่อนจะชี้เข้ามาในปากของตน ราวกับต้องการจะถามให้แน่ชัดว่านางสามารถรับประทานอาหารเหล่านี้ได้แน่หรือ
“เจ้าค่ะคุณหนูเตียว รับประทานได้เลยเจ้าค่ะ”
เตียวเฟยฟายิ้มกว้างจนดวงตาเล็กหยี เป็นรอยยิ้มที่ทำให้สาวใช้วั่งซูรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ พลางคิดว่าระหว่างที่คุณหนูเตียวถูกขังในคุกใต้ดิน นางคงจะหิวโหยและอดอยากมาก จึงได้ดีใจกับอาหารเหล่านี้ราวกับไม่เคยเห็นมาก่อนเสียกระนั้น
เฟยฟาหยิบหมั่นโถวร้อนๆ มากัดเต็มคำ แก้มของนางป่องพองออก ก่อนที่จะใช้มือหยิบน่องไก่ขึ้นมากัดด้วยความหิว รสชาตินุ่มละมุนของเนื้อไก่แทบละลายในปาก เมื่อดื่มชาร้อนๆ ตามลงไปยิ่งให้ความรู้สึกสบายท้องไม่น้อย
จากนั้นนางจึงใช้ตะเกียบคีบผักผัดน้ำมันหวานกรอบ ผักเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่เศษผักอย่างที่นางรับประทานมาโดยตลอด ความหวานของผักสดๆ ที่ผัดลงในน้ำมันและพริกเผาทำให้เฟยฟาถึงกับพุ้ยข้าวเข้าปากคำโต
ยิ่งเคี้ยวแก้มก็ยิ่งปริออก ไหล่เล็กยกขึ้นน้อยๆ ราวกับตื่นเต้นกับรสชาติอร่อยล้ำ ก่อนจะยกถ้วยน้ำแกงที่เคี่ยวจากเนื้อปลาหอมละมุนขึ้นมาซดอึกใหญ่ เมื่ออิ่มแล้วก็จัดการกินขนมหวานเคลือบน้ำตาล
น้ำตาลคือสิ่งที่หญิงสาวไม่อาจเอื้อม ทว่าเมื่อนางมีฐานะเป็นของเล่นอุ่นเตียงท่านแม่ทัพ นางกลับได้ลิ้มรสหวานของมัน รสหวานที่ซ่านอวลอยู่ในลิ้นให้ความรู้สึกสดชื่นเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าอย่างน่าอัศจรรย์ ช่างเป็นความหวานที่มีพิษร้ายเหลือเกิน...
วั่งซูมองกิริยาของเจ้านายสาวที่นางต้องคอยรับใช้ด้วยความงุนงง เหตุใดคุณหนูเตียวผู้นี้จึงมีกิริยามารยาทด้อยการอบรม ใช้มือหยิบจับอาหารไม่สมกับเป็นกุลสตรีที่ได้เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี
หากไม่รู้จักพื้นเพได้ยินกิตติศัพท์เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความร้ายกาจของคุณหนูเตียวมาก่อน นางคงเผลอคิดไปว่าสตรีสาวผู้นี้ใช้ชีวิตมาอย่างอดๆ อยากๆ จึงได้ดูดีอกดีใจที่ได้เห็นอาหาร
น่าแปลกใจจริง...
เหตุใดจึงมีเรื่องน่าแปลกใจเต็มไปหมดเลย...