ของรักของหวงของพี่ชายแฝดสาม (4P)

73.0K · จบแล้ว
เหมียวจอมซน
54
บท
24.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ที่บ้านไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่หนูแนนคิดบ้างมั้ยว่าค่ากินค่าอยู่ของหนูรวมถึงค่าเรียนมันหมดไปกี่บาทแล้ว ถ้านับคร่าวๆ ก็เป็นล้านบาท ถ้านับละเอียดหน่อยก็ไม่ต่ำกว่าสองล้าน” นราวุฒิแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าตกใจของน้องสาวต่างสายเลือด “พี่เนส…” “เงินจำนวนมากขนาดนี้ ต่อให้เรียนจบมีงานทำดีๆ ก็ต้องใช้เวลาหลายปี แล้วนี่กำลังจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำ ค่าเทอมสูงลิ่ว ต้องเรียนอีกสี่ปี บวกเพิ่มเข้าไปก็ไม่น้อยเลย” นรีนุชลำคอแห้งผาก ดวงตาแดงระเรื่อ น้ำตาคลอ หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความกลัว กลัวว่าพวกเขาจะไล่เธอออกจากบ้าน ให้เธอซมซานไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ที่เธอเคยจากมา “พะ พี่ๆ อย่าไล่แนนออกไปไหนเลยนะคะ แนนรู้ว่าตัวเองเป็นตัวภาระ ต่อไปแนนจะใช้เงินให้น้อยที่สุด แนนไม่เรียนต่อก็ได้ ฮึก…แนนจะทำงานหาเงินมาใช้คืนให้พ่อภูกับแม่นวล” “คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะชดใช้คืนได้ทั้งหมดเหรอ เด็กจบม.6 หางานทำยากจะตาย เงินเดือนเริ่มต้นคงไม่ถึงหมื่น หนูแนนไม่มีปัญญาหาใช้คืนหรอก” นนทกรพูดจาโหดร้ายพลางยิ้มหยันโดยไม่สนใจน้ำตาที่รินไหลอาบแก้มน้องสาว “ฮือ…แล้วจะให้แนนทำยังไงคะ ทำไมพวกพี่ถึงต้องพูดจาทำร้ายจิตใจแนนด้วย หรือว่าไม่เห็นแนนเป็นน้องสาวแล้ว ฮือๆๆ ” “เพราะว่าเห็นว่าเป็นน้องสาวไงถึงจะเสนอทางเลือกให้” เสียงของพี่นิวเรียกให้เธอเงยหน้ามองทั้งน้ำตา แต่คนที่ตอบคำถามเธอได้ชัดเจนครบถ้วนกลับเป็นพี่นุ แฝดคนแรก “มาเป็นผู้หญิงของพวกพี่ เอาร่างกายเธอตอบแทนบุญคุณครอบครัวพวกพี่ที่เลี้ยงดูเธอมา” "...!!"

นิยายรักโรแมนติกรักหวานๆดราม่าโตมาด้วยโรงแรม/มหาลัยพระเอกเก่งนักศึกษา25+4P

บทนำ

แนน นรีนุช เป็นชื่อที่พ่อกับแม่ซึ่งรับเธอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งให้ใหม่แทนชื่อเก่า พวกท่านมอบตัวตนและชีวิตใหม่ให้เธอ เป็นแสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตอันมืดมนของเธอได้พบกับสิ่งสวยงามอีกครั้ง พวกท่านทั้งสองอุปการะเลี้ยงดูเธอมาตลอดสิบห้าปีจนเรียนจบมัธยมปลาย และกำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา

บุญคุณของพวกท่านท่วมหัวเธอมากมายเหลือเกิน ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ตอบแทนให้ไม่หมด

พ่อภูริชกับแม่นวลฉวีมีลูกแฝดสามคนล้วนเป็นพี่บุญธรรมของเธอทั้งนั้น

คนแรกพี่นุ นรินทร

คนสองพี่เนส นราวุฒิ

คนสามพี่นิว นนทกร

พวกพี่ๆ หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่แยกออกได้ง่ายๆ ด้วยบุคลิกและอุปนิสัยที่ต่างกันสุดขั้วมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าใครเป็นใคร พวกพี่ชายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ หัวดี หล่อ รวย โปรไฟล์เลิศเลอเพอร์เฟกต์ กำลังจะขึ้นเรียนปีสี่ซึ่งเป็นปีสุดท้ายแล้ว ความถนัดของทั้งสามคนก็ต่างกันเหมือนนิสัยนั่นแหละ

พวกพี่ชายใจดีกับเธอมาก ถึงเพื่อนๆ จะบอกว่าพวกเขาน่ากลัว แต่เธอคิดว่าพวกพี่เขาแค่ดุและขี้หวงเธอไปหน่อยเท่านั้นเอง พี่ไม่เคยตีเธอเลยแม้ว่าจะทำผิด เวลาถูกใครกลั่นแกล้งรังแกก็จะวิ่งมาปกป้องเธอ มาปลอบมาโอ๋เธอจนหยุดร้องไห้

ชีวิตที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างไร้คนเหลียวแลในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอไม่ต้องการสัมผัสกับความรู้สึกนั้นอีกแล้ว

นรีนุชยืนส่งพ่อกับแม่ขึ้นรถตู้พร้อมกับพี่แฝดทั้งสาม หลังจากที่พวกท่านกลับมาฉลองให้เธอสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ชายสามคนก็ต้องรีบกลับไปดูงานก่อสร้าง แม่นวลกลัวว่าพ่อภูจะเหงาถึงตามไปดูแลท่านด้วย ทิ้งให้เธออยู่กับพี่ชาย

จริงๆ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนเธอชินซะแล้วล่ะ

ครอบครัวเราเปิดบริษัทออกแบบบ้านและรับเหมาก่อสร้าง แต่ละเดือนพวกท่านต้องลงไปดูงานด้วยตัวเองหนึ่งถึงสองสัปดาห์ โดยจะฝากเธอไว้กับพี่ๆ ให้ช่วยดูแลกัน บ้านหลังนี้นอกจากพ่อแม่ พวกพี่ชาย และเธอ ยังมีป้าเอี้ยงซึ่งเป็นพี่เลี้ยงดูแลพวกเราทุกคน

เธอสนิทกับป้าเอี้ยงมากเพราะป้าใจดีรักเธอเหมือนลูกเหมือนหลานไม่ต่างจากพ่อแม่

“เห็นป้าเอี้ยงมั้ยหนูแนน”

“เอ่อ...เหมือนจะกลับห้องไปแล้วนะคะ ป้าเอี้ยงบ่นว่าปวดหลังเลยต้องนอนพัก บ่ายๆ เย็นๆ น่าจะตื่นค่ะ พี่เนสจะให้ป้าเอี้ยงทำอะไรบอกแนนได้นะ เดี๋ยวแนนทำแทนให้”

“ก็ไม่ได้จะเรียกใช้ทำอะไรหรอก แล้ววันนี้มีนัดเดตรึไง แต่งตัวซะสวยเชียว” นราวุฒิหรี่ดวงตาคมเข้มจ้องเขม็งน้องสาวที่เพิ่งแตกเนื้อสาวได้ไม่นาน

นรีนุชไม่ใช่น้องสาวร่วมสายเลือดของพวกเขา เธอเป็นเด็กที่พ่อแม่พวกเขาไปรับมาจากบ้านเด็กกำพร้า เพราะบ้านเรามีแต่เด็กผู้ชาย แม่ถึงไปรับเด็กผู้หญิงมาเลี้ยงเป็นลูกด้วยอีกคน

“ตัวแค่นี้จะไปเดตกับหนุ่มๆ แล้วเหรอ แก่แดดนะเรา”

นนทกรปากร้ายสุดในบรรดาพี่ชาย ชายหนุ่มกอดอกมองชุดกระโปรงน่ารักที่น้องสาวไม่แท้ใส่ ชายกระโปรงนี่สั้นเหนือเข่าอวด

ท่อนขาขาวเนียนกลมกลึง เห็นแล้วน่าหาผ้ามาต่อชายให้ยาวๆ ลากถึงพื้นไปเลย

“ไม่ใช่เดตค่ะ แค่คุยกันเรื่องเรียนเฉยๆ คนอื่นก็ไปด้วย”

“ไปกันกี่คน” นรินทรพี่ชายคนโตขยับแว่นสายตาสั้นกรอบดำ มองเธอด้วยดวงตาคมกริบแสนดุจนเธอสะดุ้งก้มหน้างุด

“ไปกันหลายคนค่ะ”

“พี่ถามว่ากี่คน ถามอะไรก็ตอบมาแบบนั้น จะตอบกำกวมทำไม”

“...”

นรีนุชเม้มริมฝีปากฉ่ำวาวด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนหวาน เธอจะตอบพี่นุได้ยังไงว่าไปกันแค่สามคน แถมลูกปลายังจะชิ่งหนีกลับก่อนเพื่อเปิดโอกาสให้เธอกับพี่จิระไปเที่ยวกันสองต่อสอง

พี่จิระเป็นอดีตรุ่นพี่ที่แก่กว่าหนึ่งปี ตอนนี้พี่เขากำลังจะขึ้น

ปีสองแล้ว บังเอิญว่าเจอกันอีกครั้งตอนที่เธอไปสอบถึงมีโอกาสได้พูดคุยกัน และตอนนี้พี่จิระก็กำลังตามจีบเธออยู่

แต่เธอไม่ได้ชอบพี่จิระหรอกนะ!

แค่นับถือในฐานะรุ่นพี่ที่เคยดีกับรุ่นน้องอย่างเธอ เธอได้รับความช่วยเหลือจากเขาหลายครั้งตอนที่อยู่โรงเรียนเก่า พี่เขาเป็นประธานนักเรียน ส่วนเธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียน

ตอนนี้เธอสนใจเรียนหนังสือมากกว่า เรียนจบจะได้หางานทำเก็บเงินส่งให้พ่อกับแม่เพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกท่าน

“โทร.ไปเลื่อนนัดก่อน พวกพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

“แต่ว่า...”

“ไม่เชื่อฟังกันแล้วเหรอ หรือคิดว่าตัวเองโตแล้ว พวกพี่ถึงพูดถึงคุยอะไรด้วยไม่ได้”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ก็ได้ แนนโทร.หาเพื่อนก่อนนะคะ ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลย” เธอทำปากยื่นใส่พี่เนสที่จู่ๆ ก็ทำหน้าเข้มเสียงเข้มดูน่ากลัวกว่าทุกวัน

หรือเรื่องที่จะคุยกับเธอมันสำคัญมากกันนะ

[เลื่อนนัดเหรอ ทำไมล่ะ นี่ฉันกับพี่จระก็ออกมาจากบ้านกันแล้วนะ]

“แนนขอโทษจริงๆ นะลูกปลา พี่เนสมีเรื่องด่วนจะคุยด้วยน่ะ”

[สำคัญมากนักหรือไง เวลามีใครมาจีบแนนทีไร ชอบมาขัดขวางอยู่เรื่อย ขี้หวงน้องสาวจริงๆ]

“ฝากขอโทษพี่จิระด้วยนะ ครั้งหน้าแนนจะเป็นคนเลี้ยงข้าวทั้งสองคนแทนการขอโทษที่ผิดนัดครั้งนี้”

“เอางั้นก็ได้ ครั้งหน้าฉันจะไปฉุดตัวถึงบ้านเลย ดูซิว่าพี่ชายสุดหล่อสามคนของเธอจะหาข้ออ้างอะไรมารั้งตัวเธอได้อีก] ลูกปลายังบ่นต่ออีกหน่อย เธออมยิ้มขำไม่ได้ว่าอะไร ก่อนที่เจ้าตัวจะวางสาย

นรีนุชหันมามองพี่แฝดสามคนด้วยสายตาเง้างอนเล็กน้อย พี่นุ พี่เนส และพี่นิวเดินนำเข้าไปในบ้านพร้อมกับพวกสาวใช้ให้กลับไปเรือนหลัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เห็นจนชินตาสำหรับเธอแล้ว

บรรดาแม่บ้านสาวใช้จะเข้ามาทำความสะอาดห้องเป็นเวลา ในช่วงที่พี่ชายอยู่ห้ามมาปัดกวาดเช็ดถูเพราะรำคาญและมันรบกวนสมาธิพวกเขา

ตอนนี้โถงใหญ่จึงโล่งปราศจากคนอื่นนอกจากเธอและพี่ชายแฝดสามคน

“ไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเถอะ” พี่นุบอกแล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องนั่งเล่นด้านข้าง

นรีนุชเดินตามไปอย่างว่าง่ายและเชื่อฟัง ตั้งแต่เด็กเธอก็ให้ความเคารพพี่ๆ ทั้งสาม รักพวกเขามากแม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันก็ตาม

กริ๊ก

ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะแปลกใจที่เห็นพี่นิวแฝดคนที่สามล็อกประตูห้อง พี่นุกับพี่เนสเดินมานั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามเธอ ส่วนพี่นิวยืนกอดอกพิงผนังห้อง หน้าตาของแต่ละคนดูเครียดๆ จนเธอรู้สึกอึดอัด

“เรื่องที่พวกพี่ๆ จะพูดคือ…”

“หนูแนนก็อยู่ที่บ้านหลังนี้มาสิบห้าปีแล้ว ได้พ่อแม่ของพวกพี่ส่งเสียเลี้ยงดูจนจบม.6 ตอนนี้ก็กำลังจะต่อมหาวิทยาลัย”

“เอ่อ…ค่ะ พี่เนสอยากจะบอกอะไรกับแนนคะ หรือว่าที่บ้านกำลังมีปัญหา?!”

“ที่บ้านไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่หนูแนนคิดบ้างมั้ยว่าค่ากินค่าอยู่ของหนูรวมถึงค่าเรียนมันหมดไปกี่บาทแล้ว ถ้านับคร่าวๆ ก็เป็นล้านบาท ถ้านับละเอียดหน่อยก็ไม่ต่ำกว่าสองล้าน” นราวุฒิแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าตกใจของน้องสาวต่างสายเลือด

“พี่เนส…”

“เงินจำนวนมากขนาดนี้ ต่อให้เรียนจบมีงานทำดีๆ ก็ต้องใช้เวลาหลายปี แล้วนี่กำลังจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำ ค่าเทอมสูงลิ่ว ต้องเรียนอีกสี่ปี บวกเพิ่มเข้าไปก็ไม่น้อยเลย”

นรีนุชลำคอแห้งผาก ดวงตาแดงระเรื่อ น้ำตาคลอ หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความกลัว กลัวว่าพวกเขาจะไล่เธอออกจากบ้านจนเธอต้องซมซานกลับไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าที่เธอได้จากมาตอนวัยเยาว์

“พะ...พี่ๆ อย่าไล่แนนออกไปไหนเลยนะคะ แนนรู้ว่าตัวเองเป็นภาระ ต่อไปแนนจะใช้เงินให้น้อยที่สุด แนนไม่เรียนต่อก็ได้ ฮึก…แนนจะทำงานหาเงินมาใช้คืนให้พ่อภูกับแม่นวล ฮึก”

“คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะชดใช้คืนได้ทั้งหมดเหรอ เด็กจบม.6 หางานทำยากจะตาย เงินเดือนเริ่มต้นคงไม่ถึงหมื่น หนูแนนไม่มีปัญญาหาใช้คืนหรอก” นนทกรพูดจาโหดร้ายพลางยิ้มหยันโดยไม่สนใจน้ำตาที่รินไหลอาบแก้มน้องสาว

“ฮือ…แล้วจะให้แนนทำยังไงคะ ทำไมพวกพี่ถึงต้องพูดจาทำร้ายจิตใจแนนด้วย หรือว่าไม่เห็นแนนเป็นน้องสาวแล้ว ฮือๆๆ”

“เพราะว่าเห็นว่าเป็นน้องสาวไงถึงจะเสนอทางเลือกให้”

เสียงของพี่นิวเรียกให้เธอเงยหน้ามองทั้งน้ำตา แต่คนที่ตอบคำถามเธอได้ชัดเจนครบถ้วนกลับเป็นพี่นุ แฝดคนแรก

“มาเป็นผู้หญิงของพวกพี่ เอาร่างกายเธอตอบแทนบุญคุณครอบครัวพวกพี่ที่เลี้ยงดูเธอมา”

“...!”