บทที่ 7 ตอน 2
“เขาเลยโกรธแกเหรอเพิร์ล”
ถึงจะโรแมนติกยังไงแต่ถ้ามาโกรธกับเรื่องแค่นี้ ก็ไม่โอเคนะ
“ก็ไม่นะ เขาก็บอกว่าไม่เป็นอะไรไม่ต้องคิดมาก เขาก็ลูบผมฉันปลอบใจบอกให้ฉันไม่ต้องคิดมาก แล้วเขาก็มาส่งฉันที่รถ แล้วก็แยกกันตรงนั้น”
สุธาสินีเกาหัว แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนวะ เขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะโกรธอะไรแล้วแม่เพื่อนรักเสียงเครือเหมือนคนจะร้องไห้ทำไม เธอไม่เข้าใจ
“แล้วยังไงวะ แกดราม่าอะไร”
จะได้ปลอบถูก เธอรู้ดีว่าพัลลภาบางทีก็เป็นคนคิดมากและคิดเยอะไปหน่อย ขี้กังวลใจเป็นที่สุด เป็นคนไม่มั่นใจนิดๆ ตามประสาคนที่ครอบครัวทำอะไรให้ทุกอย่าง
“ก็ฉันส่งข้อความไปแล้วพี่เขาไม่อ่านน่ะแก ฉันกลัวพี่เขาจะโกรธ”
พัลลภาบอกในสิ่งที่เธอกังวล
“แกส่งไปตอนไหน”
สุธาสินีถามเพื่อนเพื่อช่วยวิเคราะห์
“ครึ่งชั่วโมงแล้วแก เขาไม่เปิดอ่านเลย”
สุธาสินีแทบจะถอนหายใจเฮือกออกมา ดีที่กลั้นไว้ทัน
“แก แค่ครึ่งชั่วโมงเอง ที่เขาไม่อ่านข้อความแกเขาอาจจะขับรถอยู่ก็ได้ แล้วตอนที่แยกกันคุยกันว่าอะไร”
หรือเธอจะคิดมากเกินไปจริงๆ
“ก็พี่เขาบอกว่าจะไปดูร้านต่อ แล้วค่อยคุยกัน”
“นั่นไง เขาอาจจะยุ่งอยู่ที่ร้านสาขาใดสาขาหนึ่งของเขาก็ได้ แกอย่าเพิ่งคิดมาก”
“แกคิดอย่างนั้นเหรอส้ม”
“ก็เออสิมันไม่ได้มีอะไรสักหน่อยฉันว่าแกคิดมากไป”
ก็อาจจะจริง พัลลภารู้สึกสบายใจขึ้นมานิดนึง แต่พอนึกถึงสายตาที่ว่างเปล่าของเขาแล้ว เธอก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ใช่ไหม ฉันถามเขาว่าเขาโกรธฉันหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่โกรธอย่าคิดมากเขาคงไม่โกรธหรอกเนอะ”
ไม่รู้บอกเพื่อนหรือปลอบใจตัวเอง แต่พัลลภาพบว่าพอได้ระบายออกเธอรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว
“แก ฉันสนใจเรื่องนี้มากกว่า จูบแรกของแกน่ะมันเป็นยังไงมันโซฮอทมากจนพี่นัทเขาไม่ไหวเลยเหรอแก”
สุธาสินีถามอย่างอยากรู้ โอ๊ยผู้ชายแบบพี่นัทเนี่ยท่าจะแซ่บน่าดู
“แก ถามอะไรก็ไม่รู้”
เมื่อเพื่อนถามก็อดเขินไม่ได้ มันไม่ใช่แค่จูบแรก ธรรมดาน่ะสิ ทั้งลูบทั้งไล้ ทั้งล้วงโอ๊ย ใจจะขาดตาย ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟังแบบละเอียดหรอก
“โอ๊ยเพิร์ลทีเรื่องแบบนี้ไม่เล่านะยะ เล่ามาเลยฉันอยากรู้ พี่นัทเขาจูบเก่งไหมแก แบบลิ้นพันงี้”
พัลลภายิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำถามของเพื่อน
“อืมก็ดี”
น้ำเสียงมีแววเขิน พอคิดถึงจูบของเขาก็ทำเอาใจสั่นขึ้นมาอีก รู้สึกวูบวาบในช่องท้อง ห้ามแก้มที่กำลังยิ้มของตนเองไม่ได้เลย
“เพิร์ล โอ๊ยฉันเกลียดความ ‘อืมก็ดี'ของแก น้ำเสียงมันแบบมีความระริกระรี้แอบซ่อนอยู่ อร๊ายนัวมากไหมแก”
พัลลภาอดขำกับคำถามเพื่อนไม่ได้ จูบไม่ใช่กินส้มตำสักหน่อยจะได้นัว แต่มันก็
“...ดีอยู่นะแก”
พัลลภาบอกเพื่อนยิ้มๆ มันดีมากเลยแหละ
“โอ๊ย ฉันดีใจกับแกด้วยนะที่มีจูบแรกแล้ว ส่วนเรื่องที่จะเย่เย้กัน ถ้าเวลาจังหวะโอกาสได้ ก็ลองไปเถอะแก สำคัญแค่ต้องป้องกันดีดีเท่านั้นแหละ สมัยนี้อย่าไปคิดมาก”
ไม่รู้ถูกหรือผิด แต่นาทีนี้ถ้าจะต้องเสียให้กับคนที่รักที่ชอบก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจไหม
“แก ฉันไม่กล้า พอนึกถึงหน้าพ่อแม่หน้าพี่เพชรแล้วฉันรู้สึกผิด ฉันกลัวพวกเขาเสียใจ”
พัลลภาบอกเพื่อนเสียงแผ่ว
“แก เอาเป็นว่าฉันไม่ก้าวก่ายแกเรื่องนั้นแล้วกันนะ แล้วแต่แกเลย แต่ถ้าแกมั่นใจว่าแกกับเขารักกัน ก็อย่าไปคิดอะไรมากเลย ฉันเข้าใจนะว่าบางทีมันอาจจะห้ามใจยากนิดนึง นาทีที่อยู่ใกล้ชิดกันแล้วมันเกิดสปาร์คขึ้นมาอีก ถ้ามันห้ามไม่ไหวจริงๆ บอกตัวเองแค่ว่าป้องกันดีดีก็พอ”
สุธาสินีไม่ใช่คนที่จะไปตัดสินอะไรแทนใครได้ ไม่ได้อยากยุเพื่อน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเสียหายถ้าจะทำมัน ขอแค่อยู่ในข่ายที่รับผิดชอบได้ก็พอแล้ว
หลังจากคุยกับเพื่อนพัลลภาก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอเฝ้ามองโทรศัพท์อยู่แบบนั้น แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะเปิดอ่าน สุดท้ายเลยตัดสินใจกดโทรออก
“กริ๊ง ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”
เสียงเหมือนจะมีการเชื่อมต่อสัญญาณแต่สักพักก็ถูกตัดไป
เป็นอะไร!
หรือเครือข่ายอาจจะขัดข้อง พัลลภากดโทรออกอีกครั้ง
“กริ๊ง ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”
ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม
***