บท
ตั้งค่า

7 คำสัญญา

เช้าวันใหม่บัวบงกชรีบตื่นมาแต่เช้าเธออาบน้ำแต่งตัวและลงมารอเธียรธวัชที่บริเวณห้องรับประทานอาหาร

“ทำไมนั่งอยู่คนเดียวล่ะแล้วธัญญ่าไปไหน”

“พี่ธัญญ่ายังไม่ตื่นค่ะ บัวไม่อยากปลุกเมื่อคืนเราคุยกันค่อนข้างดึก”

“แต่เธอก็ยังตื่นไหวนี่”

“ก็บัวกลัวไม่ทันไปทำบุญให้ยายค่ะ”

“ถ้างั้นรีบกินข้าวกันเถอะจะได้รีบออกแต่เช้าฉันเองก็กลัวจะไปไม่ทันเลี้ยงเพลพระเหมือนกัน”

ทั้งสองคนรีบรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วจากนั้นก็พากันไปที่รถ

“เราไปกันแค่สองคนเหรอคะ” หญิงสาวรู้สึกเกร็งที่จะต้องนั่งรถทางไกลกับเธียรธวัชแค่สองคนเพราะครั้งแรกที่เดินทางจากนครสวรรค์มากรุงเทพก็มีลุงอ่ำคนขับรถและคุณชุติมาเลขาของชายหนุ่มนั่งมาด้วย

“ก็มีแค่เราสองคนนั่นแหละ แต่ถ้าไปถึงที่วัดแล้วก็คงจะมีคนรออยู่ ฉันบอกผู้ใหญ่ไปแล้วว่าให้ช่วยจัดเตรียมอาหารเพื่อเลี้ยงเพลและอาหารเลี้ยงชาวบ้านไว้ด้วย”

“ค่าใช้จ่ายในการจัดงานทำบุญร้อยวันของคุณยายเท่าไหร่คะ”

“ถามทำไม”

“บัวอยากเป็นคนจ่ายเองทั้งหมดค่ะ”

“ได้ยังไงล่ะเธอยังเป็นเด็กอยู่นะ”

“แต่บัวก็มีพอมีเงินเก็บนะคะให้บัวจ่ายเถอะค่ะ” บัวบงกชเกรงใจชายหนุ่มมาก

“ถ้าอยากทำบุญก็เอาเงินใส่ซองให้พระที่วัดก็แล้วกันจะ ใส่เท่าไหร่ก็ลองถามผู้ใหญ่บ้านดูนะเพราะฉันเองก็ไม่รู้ธรรมเนียมที่นั่นเหมือนกันได้”

“ได้ค่ะ” เด็กสาวรับปากจากนั้นเสียงคุยก็เงียบไปเธียรธวัชหันมามองแล้วยิ้มเมื่อเห็นว่าตอนนี้บัวบงกชนอนคอพับไปแล้ว

เมื่อรถเข้าเขตจังหวัดนครสวรรค์เขาก็แวะจอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อให้เด็กสาวลงมาล้างหน้าล้างตาเพราะอีกไม่นานก็จะถึงตัวอำเภอที่เป็นบ้านเกิดของเธอแล้ว

“ขอโทษนะคะคุณเธียรบัวง่วงมากก็เลยเผลอหลับ”

“ไม่เป็นไรหรอกฉันว่าลงไปล้างหน้าล้างตาก่อนเดี๋ยวจะเข้าเขตอำเภอบ้านเกิดของเธอแล้ว”

“ค่ะ” เด็กสาวลงจากรถและรีบจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมขบเคี้ยวสำหรับตัวเองจากนั้นก็ซื้อกาแฟให้เธียรธวัชอีกแก้ว

“ขอบใจมากนะ แล้วเธอล่ะไม่กินกาแฟเหรอ”

“บัวไม่ชอบกินกาแฟค่ะ ไม่เห็นว่ามันจะอร่อยตรงไหนเลยขมก็ขมไม่อร่อยเลยสักนิด”

“ตอนนี้เธออายุยังน้อยก็พูดแบบนี้แหละ อีกหน่อยฉันเชื่อว่าเธอจะชอบเราก็จะกินทุกวัน”

“ไม่มีทางหรอกค่ะบัวว่ากินขนมหรือกินชาเขียวอร่อยกว่าตั้งเยอะ”

“แล้วทำไมไม่ซื้อชาเขียวของตัวเองมาล่ะ”

“บัวกลัวคุณเธียรจะรอนานค่ะ"

"ฉันรอได้เราไม่ได้รีบอะไรจากตรงนี้ไปบ้านเถอะก็อีกไม่ถึงยี่สิบนาทียังไงก็ทันเลี้ยงเพลพระอยู่แล้วจะลงไปซื้ออีกไหม”

“ไม่ดีกว่าค่ะบัวกินขนมตรงนี้ดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอนะ”

เขาออกรถอีกครั้งและสังเกตว่าเด็กสาวจะมีความสุขกับการกินขนมมากๆ

“เธอชอบกินขนมพวกนี้เหรอ”

“ค่ะ”

“แต่กินเยอะไม่ดีนะโซเดียมมันค่อนข้างสูงมากๆ”

“กินน้ำตามเยอะๆ ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ แต่บริษัทคุณเธียรผลิตขนมไม่ใช่เหรอแล้วทำไมห้ามบัวกินล่ะ”

“ไม่ได้ห้ามแค่เตือนว่าอย่ากินเยอะ ถ้าเธอได้รับโซเดียมจากขนมไปแล้ววันนี้เวลากินอาหารก็ลดเค็มลงหน่อยก็น่าจะดี”

“ขนมที่กินอยู่เป็นของบริษัทคุณเธียรไหมคะ”

“ก็ลองอ่านชื่อบริษัทผลิตหลังซองดูสิ” เด็กสาวหยิบขนมที่ตนเองซื้อมาหลายถุงจากนั้นก็ดูรายชื่อบริษัทด้านหลังแล้วก็ยิ้มเพราะขนมทุกถุงที่เธอซื้อมาเป็นชื่อบริษัทฟของชายหนุ่มทั้งนั้น

“โอ้โห มีแต่บริษัทคุณเธียรทั้งนั้นเลยค่ะคุณเธียรยังจำได้ไหมว่าบริษัทของตัวเองผลิตขนมอะไรบ้าง”

“ฉันจำได้ไม่ทั้งหมดหรอกนะ ที่จำได้ก็คือขนมที่ขายดีและขนมออกใหม่เท่านั้น ขนมที่บริษัทก็ออกใหม่อยู่บ่อยๆ”

“คุณเธียรคะถ้ามีวันหยุดแล้วคุณเธียรต้องเข้าไปที่โรงงานผลิตขนมบัวขอตามไปด้วยได้ไหมคะ”

“อือ แต่ฉันขอถามหน่อยว่าถ้าอยากจะเข้าไปทำไม”

“ก็อยากเข้าไปดูว่าเขาผลิตขนมยังไง”

“ฉันก็นึกว่าเธออยากจะเข้าไปเอาขนมออกมากิน”

“บัวเอาขนมออกมากินได้ด้วยเหรอคะ"

“ได้สิอยากเอาไปกินที่หอไหมฉันจะให้เลขาจัดการให้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะบัวซื้อกินเองดีกว่า”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเพราะบางครั้งฉันก็ส่งขนมไปให้เด็กๆ ตามสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือไม่ก็ตามโรงเรียนต่างๆ ที่จัดกิจกรรม เดี๋ยวฉันจะให้เลขาประสานงานกับคุณครูที่หอพักให้”

“อย่าเลยค่ะบัวเกรงใจคุณเธียร”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เพราะขนมที่ออกจากโรงงานราคามันไม่ได้เท่าขนมที่เธอซื้อตามร้านค้าหรอกนะ”

ทั้งสองนั่งคุยกันมาด้วยจนกระทั่งมาจอดรถที่หน้าวัดซึ่งตอนนี้มีชาวบ้านบางส่วนกำลังช่วยกันจัดข้าวปลาอาหารสำหรับถวายเพลพระอยู่ในศาลา

“สวัสดีค่ะผู้ใหญ่ สวัสดีค่ะป้าจวน” เด็กสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่บ้านและคุณป้าที่อยู่ข้างบ้านซึ่งเดินออกมาต้อนรับเมื่อเห็นรถจอดบริเวณข้างศาลา

“เป็นยังไงบ้างจ๊ะบัวไปอยู่กรุงเทพสนุกไหม”

“สนุกค่ะ บัวขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่มาช่วยทำบุญให้คุณยาย”

“เดี๋ยวค่อยคุยกันดีกว่านะตอนนี้ก็น่าจะใกล้ถึงเวลาถวายเพลพระแล้วเข้าไปข้างในกันดีกว่า”

บัวบงกชและเธียรธวัชเดินตามผู้ใหญ่เข้าไปในศาลาหลังจากที่พระฉันท์เพลและให้ศีลให้พรเสร็จชาวบ้านก็ร่วมวงกันรับประทานอาหารกลางวัน

เธียรธวัชและบัวบงกชก็รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับชาวบ้านจากนั้นเด็กสาวก็ช่วยชาวบ้านเก็บล้างทำความสะอาดก่อนจะกลับเข้ามาในศาลาอีกครั้ง

ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านป้าจวนและชาวบ้านอีกบางส่วนกำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ เมื่อบัวบงกชนั่งลงข้างป้าจวนกก็มีเสียงถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ของเด็กสาวที่ต้องไปอยู่กรุงเทพกับผู้ปกครองคนใหม่ บัวลงกชเล่าให้ทุกคนฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เธอบอกทุกคนว่าความเป็นอยู่ที่กรุงเทพสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง

“หนูบัวสบายดีใช่ไหม” ผู้สูงวัยคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของยายพิกุลถามด้วยความห่วงใยเพราะเคยเห็นเด็กสาวมาตั้งแต่เด็ก

“หนูสบายดีค่ะคุณยาย คุณเธียรเขาดูแลหนูดีมากๆ ตอนนี้หนูก็เริ่มเข้าไปเรียนที่โรงเรียนใหม่แล้ว”

“โรงเรียนใหม่เป็นยังไงบ้างดีไหม” เพื่อนโรงเรียนเดียวกันที่ทำคุณยายมาทำบุญที่วัดถามขึ้น

“ดีมากๆ เลยแหละ”

“เล่าให้เราฟังหน่อยสิเราอยากรู้ว่าโรงเรียนที่กรุงเทพกับโรงเรียนแถวบ้านเราแตกต่างกันยังไง”

บัวบงกชปลีกตัวไปคุยกับเพื่อนวัยเดียวกันขณะที่เธียรธวัชก็นั่งคุยกับผู้ใหญ่บ้าน

“บัวไม่ได้สร้างความลำบากใจอะไรให้คุณใช่ไหมครับคุณเธียร”

“ไม่ครับ บัวเขาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนมากๆ”

“แล้วคุณจะส่งให้บัวเรียนจนจบใช่ไหมครับ” ผู้ใหญ่บ้านถามด้วยความห่วงใยเพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตั้งใจจะส่งเสียบัวบงกชถึงชั้นไหนแต่ถ้าเป็นไปได้ผู้ใหญ่ก็อยากจะให้เขาส่งเสียเรียนจนจบระดับชั้นปริญญาตรี

“เท่าที่ผมคุยกับยายพิกุลไว้ผมจะส่งบัวเรียนไปเรื่อยๆ ครับเขาอยากเรียนอะไรผมก็จะให้เขาเรียนถ้าเรียนจบปริญญาตรีแล้วอยากจะเรียนต่ออีกผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร”

“หนูบัวโชคดีมากที่มาเจอคนดีๆ อย่างคุณ ผมและชาวบ้านก็หวังว่าคุณจะดูแลบัวได้อย่างที่พูดจริงๆ นะครับ”

“ผมจะดูแลตบัวอย่างดี ผมให้สัญญากับยายพิกุลมาแล้วผมไม่ผิดสัญญาแน่นอน”

หลังจากคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านเธียรธวัชพาบัวบงกชกลับที่บ้านของเธอซึ่งตอนนี้บริเวณบ้านของนั้นหญ้าขึ้นเขียวครึ้มไปหมด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel