ตอนที่ 1
ข-ย่-ม-ลำ สามลุง
ผู้เขียน กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
ข-ย่-ม-ลำ
สามลุง
กรุงเทพมหานคร มกราคม 2565
ภายในออฟฟิศของบริษัทส่งออกแห่งหนึ่งย่านสมุทรปารการ
“โม… มีจดหมายของเธอจ้ะ”
‘แต๋ว’ สาวใหญ่ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ฉันสนิทที่สุดในออฟฟิศแห่งนี้ เดินมาที่โต๊ะของฉัน หล่อนเรียกชื่อฉันว่า ‘โม’ ด้วยความเคยชิน ชื่อจริงของฉันคือ ‘โมรา’
“นี่ไง… ”
แต๋ววางซองจดหมายสีขาวลงตรงหน้า
“จดหมายอะไร… ”
หัวคิ้วของฉันชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย สายตาจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือที่มุมซ้ายของซองสีขาว จึงรู้ว่าจดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจากบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่ง
“ดูเหมือนจดหมายทวงหนี้… แต่ฉันก็ไม่เคยเบี้ยวหนี้ใครนะ… ”
แม้ทุกวันนี้เงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนนั้นน้อยนิดจนแทบชักหน้าไม่ถึงหลัง
แต่ฉันก็พยายามจัดสรรรายได้เอามาใช้หนี้ไม่ขาด ฉันจึงมั่นใจว่าไม่ใช่จดหมายทวงนี้ หรืออาจจะเป็นการเข้าใจผิด
ฉันค่อยๆ แกะซองจดหมายออกมาอ่าน ข้อความข้างในมีเพียงสั้นๆ ระบุชื่อและนามสกุลของฉันเอาไว้ชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน
ข้อความข้างในอ่านได้ใจความว่าฉันคือผู้ได้รับมรดกตามพินัยกรรมพร้อมกับหมายเลขโทรศัพท์สำหรับสอบถามรายละเอียดที่มาของจดหมาย
“บ้าเอ๊ย… คงมีใครสักคนเล่นตลก… ”
ฉันสบถเบาๆ กับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง
ความสงสัยเร่งเร้าให้ฉันคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด โทรไปยังหมายเลขที่ให้ไว้สำหรับติดต่อ
“สวัสดีค่ะ… ฉันเพิ่งได้รับจดหมายบอกให้ติดต่อกลับมาที่เบอร์นี้… ”
ฉันกรอกเสียงไปยังปลายสาย
“สวัสดีครับคุณโมรา ผมทนาย ‘ไพศาล’ ครับ ผมเป็นผู้รับมอบหมายให้ดูแลพินัยกรรมของนายท่าน ‘เดโช’ ซึ่งพินัยกรรมนี้เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรง”
ชื่อของนายท่าน ‘เดโช’ ที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู สะกิดใจของฉันเข้าอย่างจัง
แม้หลายปีผ่านมาแล้ว แต่ฉันไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้ ไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันตัดสินใจหนีออกมาจากบ้านที่ใหญ่โตราวกับคฤหาสน์หลังนั้น
“อย่าบอกนะคะว่าฉันคือผู้ได้รับมรดก… ”
ฉันกล่าวทั้งเสียงหัวเราะที่เจือไว้ด้วยอาการเย้ยหยันชะตาชีวิต เพราะคิดว่ายังไงเรื่องนี้ก็ไม่มีวันจะเป็นความจริง แต่สิ่งที่ตอบกลับมาจากปากของทนายกลับทำให้ฉันอึ้ง
“ใช่ครับ… คุณคือคนที่มีสิทธิ์ในมรดกของนายท่านเดโช”
“อะไรนะ… ”
ฉันตกใจ ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าอีตาแก่โรคจิตนั่นคงกำลังคิดเล่นเกมพิเรนทร์อะไรสักอย่างกับชีวิตของฉัน
“ผมจะเปิดพินัยกรรมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ซึ่งเป็นวันเกิดของนายท่านเดโช และคุณโมราจะต้องมาร่วมรับฟังการอ่านพินัยกรรมของผมในฐานะที่คุณคือผู้ถูกรับเลือกให้ได้รับมรดกของนายท่าน… ”
สิ่งที่ได้รู้จากปากของทนาย…
ทำเอาฉันอึ้ง ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง ซึ่งฉันรู้ดีว่าคำว่า ‘ผู้ถูกรับเลือกให้ได้รับมรดก’
แล้วจู่ๆ คำพูดของนายท่านเดโชเมื่อสามปีก่อนก็แผดเข้ามาในหูของฉันเหมือนกับฝันร้ายที่ยังตามหลอกหลอนเรื่อยมา
‘สักวันฉันจะทำให้เธอต้องกลับมาที่บ้านหลังนี้อีก… วันนี้เธออาจจะหนีเงื้อมมือฉันไปได้ แต่เธอไม่อาจหนีชะตากรรมได้พ้น ชะตากรรมที่ฉันจะเป็นผู้กำหนดให้เธอเอง…’
ฉันนิ่งงันไปชั่วขณะ…