บทที่ 6
นาราภัทรนั่งสัปหงกเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ หญิงสาวนั่งรอเกือบห้าชั่วโมง นอกจากจะต้องรอคอยอย่างยาวนานแล้ว หญิงสาวทั้งหิวและเหนื่อยจากการเดินทาง ถึงตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิด ที่ลงจากเครื่องบินแล้วตรงดิ่งมายังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์เลย เธอควรจะหาโรงแรมที่พัก นอนหลับสักหนึ่งตื่น กินอาหารให้อิ่มท้องแล้วค่อยเดินทางมาทำหน้าที่ส่งพัสดุให้กับพี่สาว
แต่มาบ่นตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้เธอกำลังนั่งสัปหงกอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ รอคอยให้ดอนริคคาร์โด้มาพบเธอสักที
อีกไม่กี่นาทีต่อมา การรอคอยของนาราภัทรก็สิ้นสุดลง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดออกกว้าง ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาภายในห้องทำงานแห่งนี้
นาราภัทรหันขวับไปมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง ทั้งๆ ที่ยังงัวเงียตื่นไม่เต็มตา ทว่าเมื่อดวงตากลมโตมองปะทะกับร่างใหญ่ล่ำสันในชุดสีดำสนิทส่งให้ผู้สวมใส่ดูน่าเกรงขาม หญิงสาวถึงกับผงะตกใจ รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังถูกเสือดำเดินเข้าใส่เตรียมจะตะครุบเธอไว้ในกรงเล็บก็ไม่ปาน
“คุณ...คือ...ดอนริคคาร์โด้”
นาราภัทรเอ่ยถามมาได้ หลังจากถูกความน่ากลัวจากสายตาคมกริบจ้องมองเธอเขม็งตลอดเวลาที่อีกฝ่ายก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
ทางด้านของเจ้าพ่อหนุ่มแม้จะก้าวเดินช้าๆ ทว่าเต็มด้วยความมั่นใจในตัวเองตรงมายังนาราภัทร ใบหน้าคมเข้มแม้จะดูเรียบเฉย แต่ข้างในใจของริคโค้กำลังปั่นป่วนไปกับกระแสบางอย่างที่แล่นพล่านทั่วทั้งตัว ขณะจ้องมองไปยังดวงตากลมโตที่มองตอบเขาด้วยแววตาตื่นๆ ไม่ต่างจากกระต่ายน้อยกำลังหวาดกลัวราชสีห์
“คุณมาที่อัลซาโค้ร์เพื่อมาพบกับใครล่ะนกพิราบน้อย”
ดอนริคคาร์โด้ถามเสียงทุ้มลึก เมื่อเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของนัยน์ตากลมโตก็ยิ่งเกิดอาการหายใจติดขัด จู่ๆ อารมณ์กำหนัดก็ร้อนระอุขึ้นมา แค่เพียงได้เห็นใบหน้างามที่จ้องมองเขาอย่างหวาดๆ รวมทั้งได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาจากเรือนร่างอรชร จนร่ำๆ อยากทำตามใจตัวเอง จับร่างบางมาพิสูจน์ความหอมหวานด้วยริมฝีปากร้อนผะผ่าวของเขาเอง
นาราภัทรตีหน้าบึ้ง แม้จะหวาดกลัวกับสายตาของชายผู้นี้มากเพียงใด แต่ก็ยังคงจ้องมองตอบกลับด้วยแววตาเขม็งไม่แพ้กัน เพราะไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายเรียกเธอว่านกพิราบน้อย
“กรุณาถอนคำพูดด้วยนะคะ ฉันไม่ได้เป็นนกพิราบสื่อสารอย่างที่คุณพูด”
“ทำไมต้องถอนคำพูด คุณเป็นคนเอาสิ่งของสำคัญจากพี่สาวของคุณมาให้ผมไม่ใช่หรือ”
“ถ้าคุณคือดอนริคคาร์โด้ฉันก็จะตอบว่าใช่! พี่เพิร์ลให้เอาจดหมายและแหวนหมั้นมาคืนให้กับคุณ”
นาราภัทรตอบเสียงแข็งเน้นหนักในบางคำ จากนั้นก็คว้าซองจดหมายและแหวนหมั้นยื่นไปข้างหน้าแทบจะชนกับใบหน้าคมเข้มของมาเฟียร้าย ก่อนจะกระแทกเสียงสั่งต่อ
“จดหมายของคุณ รับไปอ่านแล้วก็ กรุณาทำความเข้าใจ ทำตามที่พี่เพิร์ลต้องการด้วย ส่วนนี่แหวนหมั้นของคุณ กรุณารับไปด้วย”
นาราภัทรไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำผิดมหันต์ ที่บังอาจออกคำสั่งกับดอนริคคาร์โด้ มาเฟียร้ายที่ทำตามคำสั่งของใครไม่เป็น
น้ำเสียงห้วนๆ ดวงตากลมโตวาววับที่จ้องมองขณะเจ้าตัวสั่งให้เจ้าพ่อหนุ่มทำตามนั้น ส่งให้ดอนริคโค้เริ่มเดือดขึ้นทีละองศา อยากจูบสั่งสอนคนปากจัดที่ด่าเขาฉอดๆ
และมือใหญ่ก็ไวเท่ากับความคิด คว้าหมับที่ข้อมือเล็ก ดึงร่างบางระหงให้ลอยเข้ามาปะทะกับอกกว้างแข็งแกร่ง ริมฝีปากร้อนรุ่มตอบสนองความต้องการของตนเองอย่างรวดเร็ว มันลดลงต่ำชิดกับเรียวปากอิ่มสีกุหลาบที่เจ้าพ่อหนุ่มอยากรู้ว่าจะหวานฉ่ำมากสักเพียงใด
“ดอนริคคาร์โด้ไม่เคยฟังคำสั่งของใคร และทำตามคำสั่งของใครไม่เป็น และนี่! คือการลงโทษที่คุณบังอาจมาสั่งเจ้าพ่ออย่างผม”
นาราภัทรไม่ทันได้ตั้งตัว พอถูกกระชากตัวปลิวไปปะทะกับอกกว้างแข็งแกร่ง ก็อ้าปากค้างเพราะความตกใจ และยิ่งกว่านั้น เมื่อริมฝีปากร้อนผะผ่าวฉกวูบกระแทกจุมพิตดุดันเร่าร้อนลงมาบนเรียวปากอิ่มของเธอ
“ปล่อยฉัน”
นาราภัทรตะโกนร้องทั้งๆ ที่ยังคงถูกริมฝีปากร้อนผะผ่าวบดขยี้จุมพิตอยู่ น้ำเสียงที่หลุดออกมาจึงกลายเป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์
“จำไว้ ฉันไม่ชอบให้ใครมาสั่ง”
ริมฝีปากร้อนรุ่มผละออกเพียงเล็กน้อย เพียงเพื่อกระซิบขู่ฟ่อให้นาราภัทรรู้ว่าใครเป็นใคร และเพื่อเป็นการหลอกล่อให้เธอเผยอปากออกกว้างเพื่อตอบโต้เขา
นาราภัทรยังอ่อนหัดในชั้นเชิงรัก พอถูกริคโค้เค้นเสียงบอกอย่างทรงอำนาจ ความดื้อรั้นที่มีอยู่ในตัว และด้วยไม่เคยยอมใคร จึงเผยอปากหมายจะโต้กลับ และนั่นก็ทำให้ริคคาร์โด้สามารถส่งปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปสำรวจควานหาความหวานฉ่ำจากเรียวปากของเธอ
“อืม...รสชาติใช้ได้”
ริคคาร์โด้ครางอยู่ในลำคอ รสชาติความหวานจากเรียวปากอิ่มสีกุหลาบที่เถียงคำไม่ตกฟาก ช่างหวานฉ่ำเร่าร้อนเกินกว่าที่เขาคิดไว้
“ปล่อย!”
นาราภัทรตะโกนร้องทั้งๆ ที่เรียวปากอิ่มยังถูกจุมพิตอย่างดุดันเร่าร้อนอยู่ จุมพิตอันหนักหน่วง ริมฝีปากร้อนรุ่มที่บดขยี้ดูดดื่มเนิ่นนานราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่าง ทำเอาหญิงสาวสั่นสะเทิ้ม รู้สึกราวกับกำลังถูกจับโยนให้ลอยเคล้งอยู่กลางอากาศ หัวสมองมึนงงไม่สั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้มือใหญ่ร้อนรุ่มของเขากำลังสอดเข้าไปภายในเสื้อของเธอ เพื่อสัมผัสกับปทุมถันงามสล้าง อ่อนนุ่มไม่ต่างจากแพรไหม
แค่เพียงปล้นจุมพิตหวานฉ่ำเร่าร้อนจากเรียวปากอิ่มของนาราภัทร ยังไม่เพียงพอสำหรับคนอย่างดอนริคคาร์โด้เมื่อได้บดขยี้จุมพิต สอดปลายลิ้นชอนไชทั่วโพรงปาก กระหวัดดูดกลืนลิ้นนุ่มๆ จนรับรู้แล้วว่าหวานล้ำกำซ่านมากเพียงใด มาเฟียหนุ่มก็อยากสัมผัสด้วยมือและปากของเขาให้รู้ว่าเรือนร่างอรชรที่อยู่ตรงหน้า จะหวานฉ่ำละมุนละไมตามที่เขากำลังนึกคิดอยู่ในขณะนี้หรือเปล่า
มือใหญ่ร้อนรุ่ม ทำหน้าที่ของตัวเองในทันทีทันใด พอสอดเข้าไปในเสื้อได้แล้วก็กอบกุมปทุมถันอวบอิ่มไว้เต็มสองมือ ปลายนิ้วแข็งแกร่งบีบฟอนเฟ้นสัมผัสกับความนุ่มเต็งเต่งของปทุมถันด้วยความปรารถนา
ก่อนหน้านี้ นาราภัทรตกอยู่ในภวังค์ของจุมพิตเร่าร้อนที่ทำให้เธอลืมทุกอย่างเสียสิ้น ปลายลิ้นนุ่มๆ ที่สอดเข้ามาชอนไชหยอกเอินกับลิ้นของเธอ ทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับรสเสน่หาที่ถูกปลุกให้เดือดพล่านในทุกนาที
แต่เมื่อปทุมถันทั้งสองถูกฟอนเฟ้นด้วยมือใหญ่ ยอดถันสีชมพูหวานถูกบดขยี้รัวไล้ด้วยปลายนิ้วแข็งแกร่ง นาราภัทรถึงกับตกใจสะดุ้งเฮือก หลุดจากภวังค์ของความวาบหวามกำซ่านก่อนหน้านี้ ร่างบางระหงผงะถอยหนี มือเล็กทั้งสองผลักร่างใหญ่ล่ำสันให้ถอยห่างจากตัวเธอ
ดอนริคคาร์โด้กำลังเพลิดเพลินกับปทุมถันเต็งตึงทั้งสอง อารมณ์รักกำลังเดือดพล่านไปทั่วทุกเส้นเลือด และคิดว่านาราภัทรคงกำลังเคลิ้มอยู่กับการโรมรันด้วยปลายนิ้วของเขา จึงไม่ทันระวังตัว พอมือเล็กทั้งสองผลักเต็มแรง ร่างใหญ่ก็ขยับถอยไปข้างหลัง ทำให้ร่างบางระหงเป็นอิสระจากพันธนาการของมือใหญ่ทั้งสอง
และนาทีต่อมา สิ่งที่มาเฟียร้ายอย่างดอนริคคาร์โด้ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตนเองมาก่อนในชีวิต ก็เกิดขึ้นจากฝีมือของนาราภัทร
เผียะ!!!
มือเล็กสะบัดตบลงไปบนใบหน้าคมเข้มเต็มแรง ไม่สนใจว่าจะได้ผลลัพธ์อะไรกลับคืนมาจากการตบหน้าดอนริคคาร์โด้ ทั้งนี้เป็นเพราะหญิงสาวยังไม่รู้ว่าเวลาเจ้าพ่อหนุ่มคนนี้พิโรธขึ้นมาแล้วจะน่ากลัวมากสักเพียงใด