บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“ไม่ใช่” มาคอสปฏิเสธทันทีที่นาราภัทรพูดจบ

คำพูดของมาคอส ทำให้นาราภัทรช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบในที่สุด “ก็ได้ค่ะ ฉันจะยอมบอกคุณ ฉันชื่อนาราภัทร เป็นน้องสาวของพี่เพิร์ล นิลนารา พี่เพิร์ลให้ฉันเอาของสำคัญมาให้กับเอ่อ...อดีตคู่หมั้นที่ชื่อริคคาร์โด้”

ขณะเอ่ยพูดถึงชื่อของพี่สาว นาราภัทรไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า ที่เห็นแววตาของชายผู้นี้คล้ายกับมีความรักที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด ซึ่งเจ้าตัวเผยให้เห็นแค่เพียงชั่วขณะวูบเดียวเท่านั้น

เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของนาราภัทร มาคอสก็รู้สึกตัว ปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติเรียบเฉยดั่งเดิม แล้วเอ่ยบอกว่า

“ผมจะพาคุณไปพบกับริคคาร์โด้เอง”

“คุณรู้จักเขาหรือคะ”

“รู้จักสิครับ เพราะผมเป็นน้องชายของเขา”

“น้องชาย!” นาราภัทรถามเสียงหลง เบิกตาโตด้วยความแปลกใจอยู่มาก

“ใช่ ผมเป็นน้องชายของริคคาร์โด้ ชื่อ...มาคอส อัลซาโค้ร์ คุณจะเรียกผมว่ามาคอสก็ได้”

“คนสวนกิตติมศักดิ์” นาราภัทรเหน็บแนมเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะร่วนได้จากมาคอส

“คราวนี้คุณจะไปที่คฤหาสน์อัลซาโค้ร์กับผมได้หรือยัง”

ชายหนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับก้าวเดินนำหน้านาราภัทรตรงไปยังรถสปอร์ตราคาแพงลิบของเขา ซึ่งอยู่ในลานจอดรถไม่ไกลนัก

พอมาคอสเดินจ้ำอ้าวออกจากสนามบิน นาราภัทรก็จำต้องลากกระเป๋า ซอยเท้ายิกๆ ตามอีกฝ่าย โดยไม่ลืมตะโกนถามมาคอสด้วย

“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณรู้จักกับริคคาร์โด้จริง และจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณเป็นน้อง

ชายของเขา”

“อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเสี่ยงเลือกของคุณ ว่าจะเชื่อหรือไม่ แต่ผมบอกได้คำเดียวว่า คนในตระกูลอัลซาโค้ร์ ไม่เคยพูดโกหก เหมือนใครบางคน”

นาราภัทรไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า ในประโยคท้ายนั้น มาคอสกำลังเหน็บแนมเธอ ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเน้นคำนั้นด้วย

“ก็ได้ค่ะ ฉันจะไปกับคุณ ฉันจะเอาของสำคัญจากพี่สาวฉัน ส่งคืนให้กลับพี่ชายของคุณให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็จะได้กลับประเทศไทยสักที”

นาราภัทรตัดสินใจในที่สุด ลองเสี่ยงดูก็แล้วกัน เพราะไหนๆ ก็ไม่มีแท็กซี่สักคันที่จะยอมส่งเธอไปยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ อยู่แล้ว

มาคอสหันมายิ้มเย็นให้กับนาราภัทร ก่อนจะเอ่ยตอบเป็นนัยๆ “ทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ดอนริคคาร์โด้”

นาราภัทรขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งกับคำเน้นหนักในประโยคท้ายของมาคอส ทำไมชายคนนี้ถึงเรียกพี่ชายตัวเองว่า ดอน และคำว่า ดอน ในอิตาลี หมายถึงเจ้าพ่อมาเฟียไม่ใช่หรือ...

หรือว่าริคคาร์โด้ อดีตคู่หมั้นของพี่สาวเธอคือพวกมาเฟีย ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็แสดงว่าเธอกำลังเดินเข้าสู่ดงเสือที่เต็มไปด้วยพวกมาเฟียตัวฉกาจ

หลายคำถามเกิดขึ้นอยู่ในใจของครูสาว ทว่านาราภัทรไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เพราะตอนนี้มาคอสเดินลิ่วๆ ไปยังรถสปอร์ตหรู แถมยังเข้าไปนั่งหน้าตาเฉย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเธอไปไว้ท้ายรถเลย

“ผู้ชายเมืองนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษหรือยังไงกัน” นาราภัทรพูดกระแทก ขณะยกกระเป๋าเดินทางของตัวเองไปไว้ท้ายรถ

มาคอสยักไหล่ ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างยียวนกวนโทสะ “ผมไม่ใช่เด็กยกกระเป๋าของคุณ เพราะฉะนั้นคุณต้องยกไปไว้ด้วยตัวเอง”

“ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ” นาราภัทรเหน็บแนมอีกครั้ง

มาคอสกระตุกยิ้มตรงมุมปากกับคำประชดประชัน พอนาราภัทรขึ้นมานั่งบนรถแล้ว เขาก็ขับออกจากบริเวณสนามบินอย่างรวดเร็ว

“เพิร์ล...พี่สาวของคุณสบายดีไหม”

นาราภัทรกำลังเพลินกับการมองวิวทิวทัศน์สองข้างทางถนน พอถูกมาคอสเอ่ยถามออกมาก็ไม่ทันได้ฟัง จนต้องถามซ้ำ

“คะ? คุณถามว่าอะไรนะคะ”

มาคอสนิ่งเงียบไปนานหลายนาที ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “ผมถามว่าพี่สาวของคุณสบายดีไหม”

นาราภัทรหันไปมองหน้ามาคอสทันที เพราะจับกระแสในน้ำเสียงของเขาได้ว่าเต็มไปด้วยความห่วงใยในตัวพี่สาวของเธอ จนเธอต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งเป็นเชิงสงสัย แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากตอบคำถามของอีกฝ่ายในช่วงก่อนหน้านี้

“พี่เพิร์ล ไม่สบายนิดหน่อยคะ”

สิ้นคำตอบของหญิงสาว จู่ๆ รถสปอร์ตก็ถูกขับปัดไปทางซ้าย เกือบชนกับรถที่วิ่งตามหลัง ทำเอานาราภัทรตกใจเป็นอย่างมาก

ทางด้านของมาคอส พอได้ยินว่านิลนาราไม่ค่อยสบาย ก็ถึงกับเสียสมาธิในการขับรถ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความกังวล

“เพิร์ลไม่สบายมากเลยหรือ”

“คุณสนิทกับพี่สาวของฉันถึงกับเรียกชื่อเล่นของพี่สาวฉันเลยหรือคะ” นาราภัทรไม่ตอบมาคอส แต่เป็นฝ่ายถามชายหนุ่มแทน

“แค่คนเคยรู้จักกัน ไม่ถึงกับสนิทมากมายสักเท่าไร”

หากมองเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในใจของมาคอสได้ นาราภัทรจะรู้ว่ามาเฟียรุ่นเล็กอย่าง ‘มาคอส อัลซาโค้ร์’ กำลังพูดโกหกทั้งสิ้น

“พี่เพิร์ลไม่สบายนิดหน่อย อากาศเปลี่ยนเลยทำให้เป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะเหตุนี้ฉันเลยต้องเดินทางมาที่เกาะซิซิลีแทนพี่เพิร์ล”

ขณะโกหกออกไป นาราภัทรก็เบือนหน้าหนีจากดวงตาคมกริบของมาคอส เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะจับโกหกได้ และหากถูกซักเรื่องพี่สาวมากๆ เธอจะเผลอหลุดความจริงออกมา จึงรีบเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน

“อีกไกลไหมคะกว่าจะถึงคฤหาสน์ผีสิง”

“เข้าใจเรียกคฤหาสน์ของตระกูลผมเหลือเกินนะนาราภัทร”

มาคอสเหน็บแนมไม่จริงจังนัก จากการได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้นี้ ทำให้เขาชอบเธออยู่ไม่น้อย ทว่าเป็นความชอบฉันท์มิตรเพื่อนเท่านั้น

นาราภัทรยักไหล่เลียนกริยาของมาคอส ก่อนจะเอ่ยตอบตามที่เธอเจอมา “ก็มันจริงนี่ค่ะ ฉันเรียกแท็กซี่เป็นสิบๆ คัน แต่ไม่มีใครยอมมาส่งฉัน และหลังๆ ฉันสังเกตว่าพอพูดถึงชื่อคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ พวกเขาทำท่าทางกลัวยังกับถูกผีหลอกตอนกลางวันแสกๆ”

“มันน่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีกนาราภัทร” มาคอสเอ่ยบอกลอยๆ เพื่อเขย่าประสาทให้หญิงสาวหลอนและหวาดกลัวนิดๆ

และก่อนนาราภัทรจะทันได้เอ่ยถามต่อ มาคอสก็เอ่ยบอกให้มองดูคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งอีกไม่กี่นาทีรถสปอร์ตก็แล่นไปถึง

“คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ หรือคฤหาสน์ผีสิง อยู่ตรงหน้าคุณแล้วนาราภัทร”

หญิงสาวมองตามที่มาคอสชี้นิ้วบอก และทันทีที่เห็นกำแพงใหญ่ มีต้นสนนับร้อยๆ ปลูกล้อมรอบกำแพงอีกชั้น ก็เกิดอาการขนหัวลุกชัน อึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง

พอมาคอสขับรถผ่านประตูรั้วมหึมา นาราภัทรก็มีความรู้สึกราวกับเดินเข้าสู่กรงทองที่กำลังจะกักขังตัวเธอเอาไว้ก็ไม่ปาน

“เดี๋ยวคุณเข้าไปนั่งรอในห้องทำงานก่อน” มาคอสเอ่ยบอก จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินนำหน้าตรงไปยังห้องดังกล่าว

นาราภัทรลากกระเป๋า เดินตามมาคอสไป ขณะเดินอยู่ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ก็อดตะลึงไปกับความงดงามของคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้ คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ได้รับการตกแต่งวิจิตรตระการตาราวกับพระราชวังที่เธอเคยเห็นตามหน้าหนังสือนิตยสาร

“เชิญเข้าไปนอนรอ เอ้ย! นั่งรอในห้องนี้ได้เลยนารา”

มาคอสเปิดประตูห้องออกกว้าง แสร้งผายมือเชิญให้นาราภัทรเดินเข้าไปภายในห้องทำงานหรูหรา

นาราภัทรยังไม่ยอมเดินเข้าไป หญิงสาวกวาดสายตามองเข้าไปในห้องทำงาน ก่อนจะหันมาเอ่ยถามมาคอสต่อ

“อีกนานไหมคะ กว่าพี่ชายของคุณจะกลับเข้ามาในคฤหาสน์ผีสิง”

มาคอสแทบสำลักน้ำลายกับคำถามของนาราภัทร รู้สึกว่าหญิงสาวปักใจเรียกคฤหาสน์ของตระกูลเขาด้วยคำเหล่านี้

“ผมบอกคุณยังไม่ได้ว่าดอนริคคาร์โด้จะกลับมาเมื่อไร เอาเป็นว่าถ้าพี่ชายผมมาถึงคฤหาสน์ผีสิงแล้ว ผมจะบอกให้เขามาพบคุณในทันที”

มาคอสเหน็บแนมหญิงสาวกลับคืนบ้าง พอนาราภัทรอ้าปากจะเล่นเกมยี่สิบคำถามกับเขา ก็ยกมือห้ามทัพ แล้วออกคำสั่งเสียงห้วน

“เข้าไปรอพี่ชายผมในห้องนารา! ถ้าไม่เข้าไป ก็เดินออกไปจากบ้านของผมได้เลย”

นาราภัทรถึงกับหน้าตึงกับคำสั่งของอีกฝ่าย “ก็ได้ ฉันเข้าไปรอพี่ชายคุณในห้องนี้ก็ได้ ถ้าเขามาถึงแล้ว ช่วยกรุณาบอกด้วยว่าให้มาพบฉันเร็วที่สุด”

“ฮึ! หวังว่าดอนริคคาร์โด้คงยอมทำตามคำสั่งของคุณนะนารา”

มาคอสเอ่ยพูดลอยๆ จากนั้นก็ปิดประตูกระแทกเสียงดัง เมื่อนาราภัทรเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ก็ยิ้มเยาะอยู่ตรงมุมปาก เมื่อคิดถึงคำสั่งของหญิงสาวที่เอ่ยออกมาเมื่อสักครู่

“คิดผิดแล้วนารา ที่ออกคำสั่งกับดอนริคคาร์โด้ ต่อให้โลกแตก พี่ชายของผมก็ไม่มีทางทำตามคำสั่งของคุณอย่างแน่นอน”

เมื่อถูกมาคอสเอามาปล่อยเกาะในห้องทำงานใหญ่ของพี่ชายเขา นาราภัทรก็กวาดสายตามองรอบๆ ห้องทำงานซึ่งห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนราคาแพง หนังแท้ และส่วนมากเป็นสีดำสนิท ทำให้หญิงสาวดูเล็กลงถนัดตา

“สมกับที่เราเรียกว่าคฤหาสน์ผีสิงจริงๆ เงียบวังเวงยังกับป่าช้า”

เสียงใสเจื้อยแจ้วกับตัวเอง ขณะนั่งตัวลีบอยู่บนโซฟาสีดำหนังแท้ หญิงสาวไม่กล้าเดินดูรอบๆ ห้องทำงานแห่งนี้ ด้วยเกรงว่าจะซุ่มซ่ามเดินไปชนสิ่งของตกแตก จนไม่มีปัญญาหาเงินมาชดใช้ให้เขาได้

“หวังว่าการเจรจาจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย นายริคคาร์โด้คงเข้าใจ และยอมรับฟังเหตุผลที่พี่เพิร์ลขอถอนหมั้นกับเขา”

ดวงตากลมโตจ้องมองซองจดหมายที่ปิดผนึกอย่างดี พร้อมกับแหวนหมั้นราคาแพงที่เธอวางอยู่คู่กัน หากเจ้าของแหวนวงนี้คุยได้ไม่ยากและเข้าใจอะไรง่ายๆ เธอก็จะตีตั๋วกลับประเทศไทยทันที แต่สิ่งที่เธอต้องทำในขณะนี้คือรอและรอให้ผู้ชายที่มาคอสเรียกว่า ‘ดอนริคคาร์โด้’ ยอมมาพบเธอสักที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel