อยากกินส้มมากกว่า
..พาร์ทของส้ม..
รถจักรยานยนต์สีดำแล่นช้า ๆ เข้ามาในซอย มีเด็กหนุ่มเป็นผู้ขับ เด็กสาวเป็นผู้ซ้อน ทั้งคู่สวมชุดมัธยมปลาย ก่อนที่รถจะค่อย ๆ จอดที่หน้าบ้านแบบทาวเฮ้าส์สองชั้น
ผู้ซ้อนลงจากรถแล้วถอดหมวกกันน็อคยื่นให้ผู้ขับ เผยให้เห็นใบหน้าใสไร้เครื่องประทินผิวใด ตากลมโตขนตางอนเป็นแพ จมูกไม่ได้โด่งเชิดมากแต่ก็เล็กยาวรับกับปากอวบอิ่มที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ เธอไม่ได้สะสวยโดดเด่น แต่ก็มองดูสบายตาน่ารักสมวัย ยิ่งอยู่ภายใต้ทรงผมสั้นถูกระเบียบ เธอยิ่งดูไร้เดียงสา
ผู้ขับรับหมวกกันน็อคไปแขวนไว้ที่กระจก ก่อนจะปลดของตนออกไปแขวนที่ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นเครื่องหน้าเหมาะเจาะอย่างที่บุรุษเพศพึงมี ภายใต้กรอบใบหน้ายาว คิ้วเข้มพาดขวางอยู่บนดวงตาคมกริบ มีแววหวานออดอ้อนระคนซุกซนอยู่ในนั้น จมูกโด่งเป็นสันยาว ริมฝีปากหยักโค้งได้รูปยกขึ้นยิ้ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมสันนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เขาใช้สายตาหวานจ้องมองมาที่เธอก่อนเอ่ยออดอ้อน
“ ขอเค้าเข้าไปส่งตัวเองข้างในได้ไหม ตัวเองป่วย เค้าเป็นห่วง นะคะ คนดี ” เล่นเอาคนถูกอ้อนหน้าแดงหูแดงไปหมด
ฉันชื่อ ส้ม เป็นเด็กสาวคนนั้น ส่วนคนขับชื่อ สิงห์ เราทั้งคู่คบหากันเป็นแฟนได้ร่วมปีแล้ว
“ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพ่อกลับมาเห็นโดนด่าเปิงแน่ ตัวเองกลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่โรงเรียน ” ฉันปฏิเสธก่อนหันมาไขกุญแจประตูบ้าน แต่เขาไม่ฟัง เขาลงจากรถแล้วเดินมายืนด้านหลัง ยกมือทั้งสองขึ้นคร่อมตัวฉันไว้ สิงห์สูง ร้อยแปดสิบสี่แถมยังเล่นกีฬาอยู่เสมอ เลยทำให้เขาทั้งสูงใหญ่กำยำ ส่วนฉันแค่ร้อยห้าสิบห้า เมื่อโดนเขาคร่อมแบบนั้นเลยทำให้ดูเหมือนว่าฉันตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่กลาย ๆ สิงห์ก้มหน้าลงมาใกล้พร้อมออดอ้อนข้างหู
“ พ่อตัวเองกว่าจะกลับก็ค่ำ นี่มันพึ่งสี่โมงเย็นเอง ขอเค้าเข้าไปแป๊บเดียวนะ สิบนาที นะ นะ ”
ด้วยความที่ใกล้ขนาดนั้นเลยทำให้ลมหายใจของเขากระทบกับผิวเนื้อ มันทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้น มือที่ไขกุญแจอยู่สั่นเทา กว่าจะไขได้ต้องรวบรวมสมาธิมากโข ในที่สุดมันก็เปิดออก ฉันรีบพุ่งเข้าบ้าน สิงห์ก็เช่นกัน
“ สิงห์ ” ฉันเรียกอย่างเหนื่อยอ่อนกับความดื้อรั้นของเขา
“ จ๋า ” ตอบรับมาพร้อมยิ้มตาหยีอย่างยียวน
“ แค่สิบนาทีนะ ”
“ เย้ ” ส่งเสียงดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น ฉันอมยิ้มก่อนจะไขเปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไป เขาเดินตามต้อย ๆ
“ นั่งก่อนสิ ” ฉันผายมือไปยังโซฟาในห้องรับแขก
“ นั่งเยอะแล้ว นอนได้ป่ะ ” คนทะเล้นส่งเสียงมายียวน
“ ก็เอาดิ ”
“ เอาได้เหรอ ”
“ ไอ้บ้า ทะลึ่ง ”
“ ทะลึ่งอะไร เอา ก็หมายถึง นอน นี่ไง ตัวเองนั่นแหละ คิดอะไรอยู่ ใครทะลึ่งกันแน่ ”
“ ไม่อยากเถียงด้วยหรอก เพราะไม่เคยชนะ ไม่มีอะไรในตู้เย็นเลย มีแต่แอปเปิ้ล ตัวเองกินไหม เดี๋ยวเค้าปอกให้ ”
“ ไม่อะ เค้าไม่อยากกินแอปเปิ้ล ” สิงห์ตอบพลางลุกเดินมาหาฉันที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เลยถามกลับไปอย่างพาซื่อ
“ ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ ”
“ เค้าอยากกินส้มมากกว่า ” สิงห์ตอบพร้อมส่งยื่นจมูกเข้ามาเฉียดแก้ม ฉันรีบเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินหนีมานั่งที่โซฟา คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มก่อนเดินตามเข้ามานั่งเสียจนติดกัน
“ ตัวเอง เขยิบออกไปอีกได้ไหม ” ฉันรีบบอก เมื่อรู้สึกว่ามันแนบชิดมากกว่าที่ควรเป็นและหัวใจของฉันมันก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกหน้าอก
แต่เขากลับไม่ได้ทำตามที่ขอทั้งยังเขยิบเข้ามาใกล้อีก ฉันขยับหนีแต่ก็จนมุมเพราะตอนนี้ตัวติดกับพนักโซฟาแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาคมสันที่มีสายตาแพรวพราวระยับก้มลงมาใกล้ จมูกโด่งกดลงบนแก้มนวล ฉันยกมือขึ้นผลักไสไหล่หนาให้ออกห่าง
“ ตัวเอง ไม่เอา ”
“ ทำไมล่ะ เราเป็นแฟนกันนะ ตัวเองไม่รักเค้าเหรอ ”
“ รักสิ แต่เค้าว่ามันไม่เหมาะสม ”
“ ไม่เหมาะยังไง เค้ารักตัวเองจะตาย ขอให้เค้าชื่นใจหน่อยนะคนดี นิดเดียวเอง นะ นะคะ ”