ตอนที่ 7 ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว
“แต่ว่าผมอยากเต้นรำกับแบมนี่นา” พาทิศพูดเพื่อให้รู้ว่าตัวเองยังรู้สึกแคร์ปารียาอยู่ และวันนี้ปารียาก็ดูสวยมากจนเขาคิดเสียดายถ้าจะปล่อยเธอไป แต่ขวัญนรีเกาะแขนพาทิศไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนหน้านี้ทุกคนที่ต่างรู้ว่าพาทิศกับผู้ช่วยสาวของเขาสนิทกันแต่ไหนแต่ไรมา ออกไปทำงานนอกสถานที่ด้วยกันบ่อยครั้งจึงไม่มีใครคิดเอะใจกับท่าทีสนิทสนมของเธอกับพาทิศ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าขวัญนรีจะล้ำเส้นคำว่าเจ้านายกับลูกน้องมากเกินไป
“พอดีแบมไม่ชอบเต้นรำน่ะค่ะ เชิญคุณเต้นรำกับน้องเขาไปก่อนนะคะ” ปารียาบอกปัดไปเพราะไม่อยากแตะเนื้อต้องตัวกับพาทิศอีกต่อไป ขืนไปเต้นรำด้วยกันมีหวังเธอได้พูดความจริงออกมาคืนนี้เป็นแน่ แล้วงานวันนี้ก็คงจะกร่อยไปเลยหากมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ธเนศกับแวววิไลได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก งงในความใจกล้าของขวัญนรี ทั้งสองมองปารียาด้วยสายตาที่เป็นห่วง
“น่ารักก็จริง แต่ก็แอบแต่งตัวโป๊ไปนะ ใส่มาอ่อยใครเปล่าอะ” แวววิไลเอ่ยขึ้นหลังจากสองหนุ่มสาวเดินห่างออกไป
“ท่านรองประธานไง ใคร ๆ ก็อยากอ่อย ไม่ลองอ่อยบ้างเหรอแบม” ธเนศเอ่ยเย้าเมื่อเห็นปารียาไม่ค่อยสนุกกับงานในคืนนี้นัก
“ไม่ดีกว่าค่ะ แบมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้เท่าไหร่” ปารียาพูดจบก็กระดกไวน์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้ารวดเดียวจนหมดแก้ว
คืนนี้เธอดื่มเข้าไปหลายแก้วจนแวววิไลกับธเนศรู้สึกว่าปารียาเริ่มจะไม่ไหวแล้ว
สองหนุ่มสาวนั้นก็เต้นรำกันเพลินโดยกลับมาที่โต๊ะแป๊บ ๆ ก็กลับไปเต้นรำกันต่อ พาทิศเองก็อยากมาอยู่ข้าง ๆ ปารียาหรอกนะแต่โดนสาวสวยหุ่นเซ็กซี่อย่างขวัญนรีลากออกไปตลอด และตัวเขาเองก็อยากจะสนุกกับงานนี้อย่างเต็มที่ ทั้งสองเต้นรำคลอเคลียกันด้วยความที่เริ่มเมาด้วยกันทั้งคู่
“พี่เนศว่าสองคนนี้เขาแปลก ๆ ไหมคะ ดูเด็กคนนั้นสิซบไหล่กับอกอีตาพาทิศใหญ่เลย ไม่สนใจเจ้าถิ่นเลยสักนิด ไม่รู้แบมปล่อยไปได้ยังไง แล้วดูแบมดิ เมาจนจะหลับอยู่ละ เราจะทำยังไงกันดี”
“พี่ก็ว่างั้นแหละ ดูจะสนิทกันมากเกินไปละและปกติแบมก็ไม่ดื่มเมาขนาดนี้นะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่เห็นแบมเป็นแบบนี้” ทั้งสองมองดูปารียาด้วยสายตาที่แสดงความเป็นห่วง
ทั้งสองพยายามคุยกับปารียาอยู่นาน แต่ก็คุยไม่รู้เรื่องจึงช่วยกันคิดว่าปารียาคงกลับบ้านไม่ได้แน่นอน ทั้งสองจึงไปติดต่อขอจองห้องกับทางโรงแรมในนามบริษัท AKP หนึ่งห้องเพื่อนำใบกำกับภาษีไปทำเบิกจ่ายกับทางบริษัท แต่ทางพนักงานบอกว่าท่านรองประธานได้จองห้องไว้ให้แล้ว ทั้งสองจึงช่วยกันพยุงร่างบอบบางที่อ่อนระทวยเข้าห้องไปโดยไม่รอพาทิศเลย เพราะพาทิศเองก็เมาแอ๋ เดินโซซัดโซเซให้ขวัญนรีพยุงขึ้นรถขับกลับไปส่งที่คอนโด
“หวังว่าแบมคงไม่ว่าพี่นะ นอนที่นี่น่าจะสะดวกที่สุด ท่านรองนี่รอบคอบจริง ๆ จองห้องไว้ให้พนักงานด้วย” ธเนศเอ่ยออกมาหลังจากทิ้งร่างบอบบางลงบนเตียงกว้าง
เวลาล่วงเลยไปเกือบห้าทุ่ม โต๊ะระดับ VIP ยังมีหนุ่มสาวสามคนนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน โยษิตานั่งคลอเคลียอยู่ใกล้กับชานนท์ แต่ฝ่ายชายได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เหมือนไม่ได้สนใจไยดีอะไรในตัวหล่อนเลยสักนิด สายตาเขากวาดมองหาหญิงสาวเพียงคนเดียวที่สวมเดรสสีขาวที่ดูเหมือนจะเด่นที่สุดในงานคืนนี้ เธอทำให้จิตใจเขาไม่ค่อยสงบเอาเสียเลยและตอนนี้เธอก็ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว
“น้ากลับก่อนแล้วนะชาร์ล แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ เรากลับกันเถอะโย ดึกมากแล้วลูก”
“ไม่เอาค่ะคุณแม่โยจะอยู่กับพี่ชาร์ลต่อค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะเมา
“โยเมาแล้วนะลูก” ชลินทร์ทิพย์ ไม่ยอมให้ลูกสาวอยู่ต่อเพราะเกรงว่าจะทำขายหน้าจึงให้รามิลและชานนท์ช่วยเดินไปส่งที่รถ
“ดูเหมือนคุณโยจะไม่อยากลับนะ” รามิลบอกกับเพื่อนหลังจากกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม
“มึงจะไปส่งรึไง”
“ส่งเพื่อ? ที่นี่โรงแรมนะครับท่าน” รามิลพูดจบทั้งสองก็ขำออกมาอย่างสนุกสนาน
“แล้วมึงจองห้องไว้ให้กูหรือยังเนี่ย”
“เรียบร้อย กูให้เด็กมันจัดการให้แล้ว มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถึงไม่จองก็นอนได้อยู่ดีให้นอนฟรีด้วย”
แม่และพี่สาวของชานนท์พร้อมคู่หมั้นของเธอเดินออกมาพอดี จึงขอตัวกลับก่อน
“พวกเรากลับแล้วนะชาร์ล นอนนี่ใช่ไหมคืนนี้”
“ครับ สวัสดีครับพี่ภูมิ ไม่ดื่มด้วยกันก่อนหรือครับ” ชานนท์ชวนว่าที่พี่เขยอยู่ต่อ ภูมิพัฒน์รับไหว้พร้อมยิ้มอ่อนให้ทั้งสอง
“ไม่ต้องเลย พี่ภูมิเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเหนื่อย ๆ ต้องการพักผ่อน” เชอร์ลีนให้ภูมิพัฒน์ไปดีลงานแทนที่ต่างประเทศจึงรีบออกรับแทนคู่หมั้น
“ออกตัวแบบนี้มีแววจะกลัวเมียแล้วนะพี่เขยเรา” ชานนท์แซวพี่สาว เชอร์ลีนทำท่าย่นจมูกใส่น้องชายอย่างน่ารัก
“อย่าพากันไปก่อเรื่องที่ไหนล่ะ” ญาดาแซวลูกชายกับเพื่อนรักของเขาแล้วทุกคนก็เดินจากไปขึ้นรถ
ทั้งสองนั่งดื่มกันต่อจนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืนกว่า ๆ รามิลเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้วส่งคีย์การ์ดให้กับเพื่อน
“กูไม่ขึ้นไปส่งนะ มึงไปเองได้ใช่ไหม” รามิลอยู่ในอาการมึนเมาเขาสั่งให้ลูกน้องที่โรงแรมขับรถไปส่งเขาที่บ้าน
“สบายมากเพื่อน ไว้เจอกัน กลับบ้านดี ๆ น่ะ” ทั้งสองร่ำลากันแทบจะไม่เป็นภาษา
ชานนท์เดินเข้าห้องพักหรูพร้อมกับถอดชุดสูทและเชิ้ตด้านในออกพาดไว้บนพนักพิงเก้าอี้ เหลือเพียงกล้ามอกเปลือยเปล่ากับกางกางขายาวผ้าเนื้อดีสีดำ ภายในห้องเย็นฉ่ำมีเพียงแสงไฟจากภายนอกสาดส่องเข้ามาผ่านบานกระจกหนาที่มีม่านบังอยู่ไม่มิด เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างนั้นอย่างผ่อนคลาย คืนนี้เขาคงหลับเป็นตาย