ตอนที่ 2 ชานนท์
สองสัปดาห์ก่อนภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่วัยยี่สิบหกปีนั่งอยู่ในรถมินิแวนสีดำ
“เชิญครับคุณชาร์ล” จรูญคนขับรถและคนสนิทของชานนท์สมัยอยู่ประทศไทยโค้งคำนับให้นายน้อยที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ
หนุ่มร่างโตพยักหน้า แววตานิ่งเฉยดูไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เดินเข้าไปตามโถงกว้างในตัวคฤหาสน์ สายตากวาดมองไปโดยรอบ สามปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทยเลย เพราะมัวแต่เร่งศึกษาเล่าเรียนเพื่อให้จบหลักสูตรโดยเร็ว
ชานนท์ จิตตวิสุทธิ หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกัน เขากับพี่สาวเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของมารดาหลังจากบิดาเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชานนท์และเชอร์ลีนจึงต้องดูแลบริหารงานทุกอย่างต่อจากบิดาทั้งหมด ถึงแม้ทั้งสองจะถูกเลี้ยงดูแบบวัฒนธรรมตะวันตกแต่ก็ยังมีนิสัยหลายอย่างที่พี่น้องคู่นี้ยังคงความเป็นไทยไว้เหมือนกัน
“กลับมาแล้วหรือลูก คิดถึงจัง” ญาดา จิตตวิสุทธิ ผู้เป็นมารดาโผเข้ากอดลูกชายแล้วยิ้มด้วยความดีใจ หนุ่มหล่อยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกบาง ๆ โอบกอดผู้เป็นแม่แน่นแววตาวาววับแสดงถึงความคิดถึงที่ได้เจอหน้ามารดา
จิตตวิสุทธิเป็นตระกูลดังที่มีความมั่งคั่งร่ำรวย ญาดาพบรักกับหนุ่มชาวอเมริกันตอนไปเที่ยวต่างประเทศแต่ครอบครัวของญาดาไม่ยอมให้ลูกสาวย้ายไปอยู่ต่างประเทศ แดเนียลเองจึงต้องมาอยู่ที่เมืองไทยและได้พิสูจน์ความรักที่มีต่อญาดาด้วยการบริหารงานช่วยจิตตวิสุทธิจนเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดพ่อกับแม่ของญาดาจึงได้ยอมรับในตัวหนุ่มชาวต่างชาติ
“พี่เชอร์ลีนล่ะครับแม่” ชายหนุ่มเอ่ยถามมารดาสายตามองหาพี่สาวทั่วบ้านแล้วนั่งลงที่โซฟากลางห้องโถง
เชอร์ลีนวัยสามสิบเอ็ดปีพี่สาวสุดสวยของชานนท์ ซึ่งตอนนี้เธอดำรงตำแหน่งประธานบริษัท AKP
“วันนี้ที่จริงเชอร์ลีนกะจะรอเจอชาร์ลนั่นแหละ แต่บริษัทมีงานด่วนเข้ามาก่อนจึงต้องรีบเข้าไปดู และอีกสองสัปดาห์แม่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายสุดที่รักของแม่ด้วย พี่ต้องเข้าไปดูความเรียบร้อยของสถานที่”
ชานนท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ สายตามองไปยังหญิงวัยห้าสิบปลาย ๆ อย่างสนใจ
“น้ำค่ะคุณชาร์ล ไม่เจอคุณชาร์ลหลายปีหล่อขึ้นเยอะเลยนะคะ” ป้าจำเนียรเดินยกน้ำและของว่างมาให้พร้อมกล่าวทักทายและยิ้มกว้างให้ชายหนุ่ม ดีใจที่ได้เจอหน้านายน้อยอันเป็นที่รักของบ้านจิตตวิสุทธิ
“ก็หล่อเท่าเดิมแหละครับป้า ทำไมไม่ให้เด็กยกมาล่ะครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ ญาดามองจำเนียรแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลื้มปริ่มในตัวลูกชายของตน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ป้าไม่ลำบากอะไร” จำเนียรกล่าวเสร็จก็เคลื่อนกายเข้าไปเตรียมสำรับในครัวต่อ
“ไม่เห็นต้องจัดงานเลยนี่ครับแม่ ผมว่ามันไม่จำเป็นเลยนะครับ” ชานนท์คิ้วขมวดมองมาที่หน้ามารดา รู้สึกไม่ค่อยยินดีกับการจัดงานครั้งนี้ของผู้เป็นแม่สักเท่าไหร่
“ได้ไงล่ะชาร์ล รองประธานบริษัทกลับมารับตำแหน่งทั้งที จะไม่ให้แม่จัดงานต้อนรับได้ยังไง” ญาดาเอ่ยเสียงนุ่มนวลมองลูกชายด้วยความรัก ชานนท์ได้แต่ปล่อยไปตามน้ำถึงจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่ก็เป็นการดีที่จะได้พบปะกับพนักงานในบริษัทด้วยเวลาอันสั้นโดยไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องออกเยี่ยมหน้างานอยู่ดี
“แล้วนี่จะพักอยู่บ้านแม่กี่วันฮึ” ญาดากุมมือแล้วช้อนตามองหน้าลูกชายอย่างเอ็นดู เพราะปกติตอนที่ชานนท์อยู่ประเทศไทยก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ เขามีคอนโดส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ก่อนเชอร์ลีนก็ออกไปอยู่คอนโดส่วนตัวเหมือนกัน แต่พอพ่อจากไปเชอร์ลีนจำต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านกับแม่ตามเดิม
ทุกวันนี้ญาดาก็คอยให้ความช่วยเหลือลูกสาวอยู่เรื่อย ๆเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเบื่อและเธอก็ไม่อยากหาใครมาเป็นภาระทางหัวใจ อยู่คนเดียวสบายใจกว่า รอเลี้ยงหลานจากลูกทั้งสองก็พอ
“น่าจะหลังจากที่จบงานเลี้ยงที่บริษัทแล้วน่ะครับ อยู่กับแม่แป๊บนึงก่อนเดี๋ยวค่อยย้ายครับ”
“แหม...อยู่นานกว่านี้ก็ไม่ได้นะ แม่ยังไม่หายคิดถึงเลย” ญาดาเอ่ยขึ้น แต่รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายไม่กลับมาอยู่บ้านแน่นอน เพราะลูกสาวและลูกชายทั้งสองคนถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ ใครอยากเลือกชีวิตแบบไหนพ่อกับแม่ไม่เคยห้าม แต่เรื่องการศึกษาต้องมุมานะอย่างหนักทั้งพี่ทั้งน้อง ชานนท์เลยกลายเป็นหนุ่มที่โตเกินกว่ารุ่นเดียวกัน เพราะต้องเตรียมตัวมาทำหน้าที่รองประธานบริษัท ถึงใจเขาจะยังไม่พร้อมก็ตาม
“เดี๋ยวผมจะมาหาบ่อย ๆ นะครับ”
ชานนท์และเชอร์ลีนเรียนรู้งานบริษัทกับพ่อแม่ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนถึงปัจจุบัน ทำให้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับงานในบริษัทเป็นอย่างดี ระหว่างที่ชานนท์อยู่ต่างประเทศเชอร์ลีนก็โทรปรึกษาน้องชายตลอด เมื่อมีบางเรื่องที่ตัดสินใจเองไม่ได้เกี่ยวกับบริษัท