ตอน 2
สิ้นคำงั้นหรือหมัดหนักๆจากผู้หญิงที่จัดได้ว่ารูปร่างดียิ่งกว่านางงามหรือนางแบบทั่วทุกเวทีมาร่วมกันยังหาสู้หรือเทียบชั้นกับโรสสราผู้งามพร้อมสรรพไม่ได้สักเวที โรสสราผิวพรรณผุดผ่อง เส้นผมดกดำเงางามดุจนิลล้ำค่า เนินอกอวบอิ่มสร่างดังดอกบัวงามสง่า รูปร่างสูงเพรียวกลมกลึงไปทุกสัดส่วนราวกับช่างประติมากรรมได้รังสรรค์ปั้นแต่งตามจินตนาการ ท่วงท่าเยื้องกายอ่อนช้อยงดงามหากแต่เข็มแข็งในคราเดียว ทุกครั้งที่เธอขยับกายย่อมเรียกสายตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ดั่งถูกดึงดูดให้เข้าไปสู่ห้วงแห่งความฝัน ไม่ต่างจากภูริที่หลงรูปเธอจนไม่อาจเห็นเธอทนทำงานตรากตรำกลางแจ้ง
เขาเฝ้าส่งสายตาแห่งความเสน่หาให้กับโรสสราในทุกเมื่อทว่าเธอไม่เคยหันมามองเขาในฐานะสาวมองหนุ่มนอกจากเห็นภูริเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานและลูกทีมในโครงการบ้านจัดสรรโครงการยักษ์ใหญ่นี้เท่านั้น ฉะนั้นเมื่อสบโอกาสได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดภูริจึงฉกฉวยโอกาสงามเพื่อจีบโรสสราอย่างเป็นทางการ แต่เพราะภูริมีพื้นฐานทางครอบครัวค่อนข้างถูกตามใจจนเสียคน ชอบดูถูกคนเขาจึงแสดงออกแบบที่เขาเป็น
ร่างภูริลงไปหงายเท้งเต้งก้นจ้ำเบ้าร้องโอดโอยกับพื้น ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในหัวเขายังมึนกับหมัดเล็กๆทว่ารุนแรงยิ่งกว่าพายุทอนาโดกระแทกร่าง เลือดจากจมูกรสเค็มปร่าไหลเข้าปากให้ภูริได้ลิ้มลองรสชาติ เขาปาดหลังมือเช็ดคราบเลือดลวกๆ สะบัดศีรษะไล่ความมึนงง
“โรสเธอมัน...” ภูริรีบถลันกายลุกขึ้นเผชิญหน้ากับโรสสราอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ประมาทไม่ได้โดยสิ้นเชิง นอกจากความสวยความเย้ายวน เธอยังแฝงความเข้มแข็งไว้ในเสน่ห์อันกระชากใจด้วย
“นี่คือการสั่งสอนสำหรับการดูถูกฉัน ถ้าอยากจีบฉันควรใช้ภาษาดอกไม้ไม่ใช่หยาบคาย” หมัดยังถูกกำแน่นไม่คลายดวงตาเจือไปด้วยโทสะ พร้อมทุกนาทีเพื่อกระชากหัวภูริให้กระจุยจากบ่าได้ง่ายดาย
“ภาษาดอกไม้เหรอฝันไปเถอะเธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้เข้ามาคุมผู้ชายอย่างพวกฉัน...จริงไหม” ภูริหันไปทางเพื่อนร่วมอาชีพที่ต่างเป็นลูกน้องโรสสราไม่ต่างกัน แต่พวกมันกลับยอมก้มหัวให้ผู้หญิง ไม่เพียงไม่เห็นพ้องกับคำพูดของภูริแต่ทุกคนยังถอยหลังไปหลายก้าว เพราะต่างประจักษ์ต่อสายตา ผลงานของโรสสราได้รับความไว้วางใจต่อลูกค้าและเจ้านายยังเชื่อใจในฝีมือโรสสราเสมอมา กระทั่งหมายมั่นให้คุมงานใหญ่คราวนี้
ภูริก้าวอาดๆมายืนตรงหน้าโรสสราด้วยท่าทีคุกคามเขาไม่อยากคุกคามระบายอารมณ์กับโรสสราสักนิด ผู้หญิงคนนี้เหมาะจะเป็นภรรยามากกว่าศัตรูแต่เมื่อกี้ที่เขาโดนไปทั้งมึนทั้งงงอย่างไม่ต้องสงสัยความสวยกับความร้ายดีกรีไม่ได้ต่างกันสักนิด ผู้ชายทั้งแท่งอย่างภูริไม่อาจยอมได้เขาต้องสั่งสอนโรสสราให้รู้ว่าผู้หญิงคนทำหน้าที่อะไร
“เธอกล้าทำกับฉันอย่างนี้หรือโรส”
“นายดูถูกฉัน” หญิงสาวไม่เกรงท่าทีคุกคามของอีกฝ่ายคงประจันหน้ากับภูริอย่างไม่กลัวเกรง
“ฉันพูดเรื่องจริงเธอไม่ควรทำงานของผู้ชาย” เขาย้ำและยังคงมีจิตพิศวาสแม่เสือดุไม่เสื่อมคลายผู้หญิงสวยมีคุณค่าย่อมแฝงไว้ด้วยพิษสงเสมอ
“ผู้หญิงมีค่าความเป็นคนไม่ต่างกับผู้ชายอย่ายกตัวเองเหนือกว่าเพศแม่ดีกว่าน่าภูริ” กล่าวพลางระงับโทสะข่มใจไม่ให้จัดการกับภูริขั้นเด็ดขาด
“ฉันเป็นรุ่นพี่เธอ เธอควรให้เกียรติความเป็นรุ่นพี่และยอมเป็นแฟนฉันเสียแต่วันนี้ดีกว่าโรส” เสียงขู่จากภูริยังกับเสือขู่กวางตัวน้อยสำหรับโรสสราไม่ใช่กวางที่เสือผู้หญิงอย่างภูริจะจับกินได้ง่ายๆ
“อยากให้ฉันย่อเข่าลงกราบไหว้ขอให้คุณเป็นแฟน ทางที่ดีควรจะเอาชนะฉันให้ได้ ว่าไงผู้หญิงรูปร่างบอบบางที่คุณกำลังดูถูกปาวๆ ท้าอยู่ตรงนี้คุณจะรับคำท้าหรือไม่” ไม่เพียงไม่ยอมรับข้อเสนไร้สติของภูริ โรสสรายังท้าผู้ชายอกสามศอกให้เอาชนะตนให้ได้
“อย่าทำเก่งที่เธอสอยฉันร่วงได้เมื่อกี้ก็แค่ฉันเผลอ” เขายังกร่างทั้งที่ยอมรับกับตัวเองหมัดเล็กๆนั้นหนักหน่วงยิ่งกว่าโดนนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกชกซะอีก ภูริใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มซึ่งรู้สึกเจ็บแปลบจากการโดนกำปั้นเล็กๆ จากโรสสราศิษย์บัวขาว ป ประมุข
“งั้นก็เข้ามาใหม่คราวนี้ฉันเปิดโอกาสให้คุณตั้งตัวให้เต็มที่”
“ไม่ดีกว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอควรได้ความรักความถนอมมากกว่าการใช้กำลัง” ภูริถนัดหว่านเสน่ห์และบริหารเสน่ห์เพื่อโยกคลอนหัวใจผู้หญิงให้หลงใหลมากกว่าเชือดเฉือนกันด้วยพละกำลัง แม้เขาจะดูโรสสราผิดไปตั้งแต่แรก แต่เพราะเสน่ห์ รูปร่าง หน้าตาจัดได้ว่าดีมากไร้ที่ติเขาจึงไม่อาจปล่อยเธอไปได้เสียดายความสวย เขารู้ผู้ชายทั่วทั้งบริษัท ไม่เว้นแม้แต่ แม็กส์ ท่านกรรมการผู้จัดการเจ้าของบริษัทยังหมายตาโรสสรา หากไม่ติดภาวะผู้ใต้บังคับบัญชาและแม็กส์ได้ขึ้นชื่อว่ามีภรรยาดุยิ่งกว่าสุนัขพันธุ์ลอสไวเลอร์ละก็ โรสสราอาจตกเป็นภรรยาคนที่สองของแม็กส์อย่างไม่ต้องสงสัย มิน่าตำแหน่งการงานถึงได้เรืองรุ่งไวผิดกับพวกผู้ชายอกสามศอกเช่นพวกเขา
“อย่างเธอบอกตรงๆมาเป็นเมียฉันดีกว่า ว่ามาจะให้ฉันไปสู่ขอเธอเมื่อไหร่นี่นี่ฉันใจป้ำสุดๆแล้วยอมแต่งเธอเป็นเมีย ผู้หญิงคนอื่นฉันก็แค่นอนด้วยแล้วสลัดทิ้งยามเบื่อ” คนปากดียังเดินรอบร่างอรชรสำรวจเธออย่างโจ่งแจ้งระคนดูถูกผู้หญิงจะมีหน้าที่อะไรนอกจากสิ่งที่เขากล่าวมา
ภูริยังเชิดหน้าไม่เกรงชะตากรรม โรสสราจำได้ว่าเมื่อสมัยที่เธอฝึกงานในตำแหน่งสถาปนิกน้องใหม่เธอโดนเจ้านายลวนลามทั้งสายตาและการกระทำสุดท้ายเธอจัดการเจ้าหมูพุงพุ้ยเจ้าของบริษัทรับออกแบบสร้างบ้านจนหมอบ ไอ้หมูพุงพุ้ยไม่กล้าแจ้งความเพราะเกรงความผิดด้วยบิดาเธอเองจัดได้ว่าอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตในวงราชการ จึงยอมความกันไปโรสสรารอดตัวในคราวนั้น จากนั้นหางานใหม่โดยไม่หวังพึ่งบารมีของบิดาการเดินเข้ามาสมัครงานในบริษัท โซไซตี้ แห่งนี้กลับต้องพบเพื่อนร่วมอาชีพที่ดูถูกผู้หญิงเพศแม่อย่างภูริอีกจนได้ ความสวยเป็นเหตุ ใครเสกสรรให้เธอสวยไร้ที่ติอย่างนี้ล่ะ
จากนั้นโรสสราไม่ฟังเสียงดูถูกจากภูริอีกต่อไปกำปั้นน้อยๆรัวใส่ภูริยิ่งกว่าลงนวมซ้อมมวยในค่าย ป ประมุขอย่างที่เคยเชียร์บัวขาว ทว่านั่นก็แค่ความฝันเมื่อถูกห้ามเล่นกีฬารุนแรงพวกนี้ แต่ดันมีทักษะชกต่อยเพราะเล่นสนุกในชมรมกีฬาตอนยังเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้นก็ใครใช้ให้โรสสรามีแต่เพื่อนผู้ชายล่ะ
กว่าจะมีใครเข้ามาห้ามภูริก็เหมือนกระท้อนเละที่ถูกทุบจนสภาพยับเยินเขาไม่สู้เพราะไม่เคยสู้ใครด้วยพละกำลัง หากแต่ชอบสู้ด้วยเสน่ห์ ทว่าตอนนี้เสน่ห์ของเขาใช้กับโรสสราไม่ได้เลยสักนิด สภาพที่เห็นจึงเละยิ่งกว่าโดนนักมวยไทยสามคนรุมถลุง ร่างภูริถูกห้ามส่งโรงพยาบาล เรื่องความบาดหมางรวมทั้งเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างโรสสรากับภูริถูกรายงานตรงถึงแม็กส์นายใหญ่ในชั่วโมงต่อมา หลังจากภูริถูกนำส่งโรงพยาบาลในสภาพเหมือนไปมีเรื่องกับนักเลงร่วมสิบคน
สิบวันต่อมาที่ภูริอาการดีขึ้นจึงถูกเรียกตัวเข้าพบพร้อมกันทั้งหมดไม้เว้นแม้แต่คนที่เห็นเหตุการณ์
“มีใครพอจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผมฟังได้ไหมมันเกิดอะไรขึ้น” แม็กส์ส่งประโยคคำถามออกไปโดยไม่เจาะจงเป็นใคร เขารอให้ภูริหายโดยไม่คิดปักปรำใครทั้งนั้นเขาได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจากสถาปนิกคนอื่นหากแต่อยากฟังจากทั้งสองคนพร้อมหน้ากัน
“เอ่อ...” โรสสราไม่อยากเล่าเองทั้งหมดทั้งที่เธอใจเย็นลงมากแต่เมื่อเจอภูริในห้องประชุมเดียวกันโทสะในกายก่อตัวขึ้นอีกอย่างไม่อาจยับยั้ง ยังน้อยที่โดนแค่นั้น คนอย่างนี้สมควรไปเฝ้ายมบาล
“ว่าไงโรสจะเล่าไหม” ผู้บริหารหนุ่มหันไปทางฝ่ายผู้กระทำ
“ภูริเขาดูถูกการทำงานของโรสค่ะ”
“คุณเลยใช้กำลังกับเขา”
“เขายั่วโรสค่ะ”
“คุณล่ะดูถูกโรสตามที่เธอพูดหรือเปล่า” เท่าที่ได้ฟังจากปากคนอื่นก็ใช่ทั้งหมด ปกติโรสสราไม่เคยใส่ร้ายใครเท่าที่เขารู้จักผู้หญิงคนนี้ในระยะเวลาห้าปีที่เธอทำงานร่วมกันและรู้จักภูริพอสมควร เขาไม่ปฏิเสธแอบชอบโรสสรา ผู้ชายย่อมมองผู้ชายด้วยกันออกภูริรู้สึกกับโรสสราไม่ต่างจากแม็กส์เลยสักนิด เพียงแต่เขาไม่แสดงทีท่าโจ่งแจ้งจนเกินไป ด้วยเป็นเจ้านายและอีกอย่างเขามีภรรยาดุอย่างกับเสืออยู่ทั้งคน การอดกลั้นไม่ถือโอกาสครอบครองโรสสราจึงหนาแน่นกว่าภูริ
“ผมก็แค่จีบเธอ” ภูริไม่ยอมรับความจริง “เธออาจจะไม่ชอบใจที่ผมจีบเธอ” เขาไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำผู้หญิงหลายคนตบตีแย่งเขา แต่เขากลับไม่สนใจห้ามปรามหนำซ้ำยังควงผู้หญิงคนใหม่ต่อหน้าผู้หญิงสองคนที่ตีกันราวกับภูริดั่งทองคำหายากไม่ปาน
“นี่คุณ” โรสสรากลั้นความโกรธไว้ฟังภูริเห่าพล่ามใส่ร้ายเธอต่อไป สภาพอย่างนี้ยังจะซ่ากล้าไม่พูดความจริงอีก น่าศรัทธาจังเลยผู้ชายสมัยนี้
“จีบ...แค่จีบโรสถึงกับต้องลงมือกับคุณขนาดนี้เชียวหรือเท่าที่ผมฟังมาไม่ใช่นะภูริยอมรับอย่างลูกผู้ชายสิคุณกล่าววาจาอะไรต่อโรสกันแน่”
ฝรั่งตาน้ำข้าวพูดไทยได้ไพเราะเพราะอาศัยอยู่เมืองไทยร่วมยี่สิบกว่าปีเพื่อดูแลกิจการต่อจากต้นตระกูลของเขาที่มาฝังรกรากในไทย เขาไม่ได้เกิดในไทยก็จริงแต่เดินทางมาทำงานในไทยร่วมยี่สิบปีหลังจากเรียนจบระดับด็อกเตอร์ที่บ้านเกินคือสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นแม็กส์ถูกบิดาเรียกให้มารับช่วงกิจการยังเมืองไทยแต่งงานกับสาวไทยที่น่ารักเขามีลูกสองชายหญิง ถึงเขาจะอายุสี่สิบปีปลายๆหากว่าความหล่อเหลาและความสมส่วนยังคงไม่ร่วงโรยตามกาลเวลา แม็กส์ยังคงหล่อเลิศในสายตาสาวไทยเสมอทว่าโรสสรายังมองเจ้านายน่านับถือมากกว่ามองอย่างผู้หญิงมองผู้ชายมากเสน่ห์เช่นผู้หญิงคนอื่นมองแม็กส์