5
Chapter 5
“โอ๊ย! คุณกัดผมทำไมนี่” กุมภ์ร้องเสียงหลงเมื่อโดนเธอกัดจนจมเขี้ยว
“ฉันหิว ไม่มีอะไรกินเพราะคนใจร้ายแบบคุณกินไปหมดแล้ว งั้นฉันขอกัดคุณให้สาแก่ใจหน่อยแล้วกัน” เธอพูดไปร้องไห้ไปเหมือนเด็ก ๆ เป็นครั้งแรกที่กุมภ์รู้สึกเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้าจับใจ
“ก็ยังมีข้าวเหลือ” เขาพูดเสียงอ่อย เมื่อเธอผละออกห่าง กุลยาเดินถอยกลับไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร ก่อนจะหยิบน้ำปลามาคลุกกับข้าวและกินเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น
กุมภ์มองหญิงสาวตาปริบ ๆ เขาถึงกับลูบท้ายทอยไปมากับท่าทีของเธอ วูบหนึ่งเขาบังเกิดความสงสารเธอขึ้นมาเหลือเกิน
“คุณไม่คิดจะหาชุดชั้นในให้ฉันหรือไง” หลังจากกินข้าวกับน้ำปลาเสร็จ กุลยาก็เดินออกมาจากกระท่อม มองคนที่ยืนอยู่ข้างลำธารนิ่ง
ก่อนหน้านี้เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองใจกล้าทุบตีเขาไปได้ยังไงกัน ถ้าเขาโมโหหักคอเธอขึ้นมา เธอก็คงตายเปล่าอยู่ในป่าอันห่างไกลผู้คนแห่งนี้
“อยากได้เหรอ” เขาหันมาเอ่ยถาม มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นทำให้กุลยาต้องห่อไหล่เข้าหากัน ถลึงตาใส่คนลามกที่มองเธอไม่วางตา
“ใช่น่ะสิ”
“ผมกะไซซ์คุณไม่ถูก แม้จะลูบ ๆ คลำ ๆ แล้วก็ตาม” เขาทำท่าทำทาง กุลยาหน้าแดงรีบแหวใส่ทันที
“บ้า!”
“ไปสิจะพาไป อยากได้แบบไหนก็เลือกเอาแล้วกัน หรือจะให้ผมเลือกให้” เขาขยับใบหน้าเข้าไปถามใกล้ ๆ เธอถลึงตาเข้าใส่ ทำให้กุมภ์หัวเราะออกมาในทันที
“คุณพูดจริงหรือพูดเล่น” กุลยาเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
“จริงสิ”
“คุณไม่กลัวฉันหนีหรือไง” เป็นประโยคที่มันหลุดออกมาเองโดยอัตโนมัติ เธอคิดว่ามันง่ายไปไหมที่เขาจะพาเธอไปเลือกเสื้อผ้าข้าวของที่อยากได้ โดยที่ไม่กลัวว่าเธอจะหนี เพราะยังไงเธอก็ต้องโวยวายหาทางหนีแน่ ๆ ถ้าได้ออกไปจากกระท่อมริมลำธารแห่งนี้
“ตามมาสิ โนบราขนาดนี้ถ้าหนีก็คงจะวิ่งนมโทง ๆ ให้ผู้ชายดูไปทั้งเกาะ”
คำว่าเกาะทำให้เธอหูผึ่งในทันที เบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะโดนจับมาขังเอาไว้ที่เกาะ
“ที่นี่เกาะอะไร”
“ไม่บอก”
“คนเฮงซวย”
“อย่าวิ่งเร็วนะ เดี๋ยว...” เขาแกล้งพูดแหย่เธอเล่น
“บ้า!” เธอแหวใส่ เขาหัวเราะหึ ๆ ก่อนจะพาเธอเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็ก ๆ อย่างไม่รีบร้อน กุลยาเดินตามไปเงียบ ๆ เส้นทางนี้คือเส้นทางที่เธอเคยวิ่งหนีออกมาตอนที่โดนเขาจับตัวมาวันแรก เธอพยายามจดจำเส้นทางเอาไว้ให้ดีที่สุด หากหนีไม่ได้รอบนี้ ก็คิดว่าจะหนีให้ได้อีกในรอบหน้า
“ไม่ต้องคิดจะหาทางหนีทีไล่หรอก คุณหนีออกไปจากเกาะนี้ไม่ได้แน่นอน นอกจากว่าคุณจะเหาะออกไปเท่านั้น” เขาพูดดักคออย่างรู้ทัน
“ทำไมคุณต้องจับฉันมาขังเอาไว้ที่เกาะด้วย” กุลยาเอ่ยถามด้วยความเหนื่อย เดินจนเมื่อยก็ออกมาเจอเข้ากับชาวบ้านมากมายที่กำลังทำงานกันอยู่ มีการผลิตเสื้อผ้ามัดย้อม ข้าวของเครื่องใช้ ของฝากของที่ระลึก อาหารแห้งพวกปลาเค็ม ปลาแห้ง กุ้งแห้ง กระเป๋า รองเท้าจักสานและของกินอีกหลายชนิด กุมภ์ไม่ตอบคำถามของเธอ แต่เดินนำเธอไปก่อน
“สวัสดีค่ะนายหัว/สวัสดีครับนายหัว” ทุกคนบนเกาะยกมือไหว้คนหน้าดุด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ประโยคที่กุลยาจะตะโกนให้คนช่วยถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ สำนึกว่าคนที่นี่เป็นคนของเขาแทบทั้งสิ้น ถึงโวยวายออกไปก็คงไม่มีใครช่วยเธอได้ และดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่แปลกใจที่เห็นเธอ
สมรู้ร่วมคิดชัด ๆ !!!
กุลยาคิดอย่างกลัดกลุ้มใจ ทอดสายตามองท้องทะเลเบื้องหน้าที่ไกลจนสุดลูกหูลูกตาด้วยความรู้สึกระทดท้อใจ หรือเธอจะหนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เธอครุ่นคิดเงียบ ๆ มองข้าวของทุกอย่างที่ชาวบ้านกำลังจัดเตรียมเอาไว้ขายอย่างสงสัย
“ที่นี่ไม่มีนักท่องเที่ยวเหรอ แล้วทำขายใคร” ประโยคของเธอทำให้กุมภ์หันมามอง
“เกาะที่นี่ปิดเป็นพัก ๆ ไม่ใช่จะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้หรอกนะ จะมาก็ต้องมาเป็นทัวร์ ต้องมีการจองล่วงหน้าก่อนและทุกคนต้องทำตามกฎ” เขายังมีแก่ใจหันมาอธิบาย ทำให้เธอถึงบางอ้อ ดังนั้นที่นี่จึงมีแต่คนของเขาน่ะสินะ แบบนี้นี่เองที่เขาไม่กลัวเธอจะหนี
“แบบนี้เองใช่ไหมคุณถึงไม่กลัวฉันหนี ที่นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อน จับคนมากักขังหน่วงเหนี่ยวได้ตามอำเภอใจ แล้วก็มีแต่คนของคุณ”
“ผมไม่ได้ขังคุณเสียหน่อย คุณจะหนีก็หนีไปสิ!!!” นายหัวหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้ มองสบตาเธอในระยะกระชั้นชิด เธอเบี่ยงหลบรู้สึกแก้มร้อนผ่าวโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ฉันหนีแน่ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ นายคนนี้จับฉันมา ทุกคนช่วยฉันด้วย” กุลยาร้องตะโกนให้ทุกคนช่วย บางทีชาวบ้านพวกนี้อาจจะไม่รู้ว่าเธอโดนจับมาก็เป็นได้
ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว เธอรีบเอ่ยขอความช่วยเหลือโดยเฉพาะผู้หญิงด้วยกัน แต่ผิดคาด พอทุกคนหันมามองเธอ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อ บางคนก็หันไปคุยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนเธอเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีใครมองเห็น
กุลยารู้สึกอยากจะร้องไห้กับสิ่งที่ได้พบเจอ ทุกคนไม่มีใครสนใจเธอเลย มันเป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่เธอหลงมาอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อนแห่งนี้
“ไซซ์นี้คุณใส่ได้ไหม”
“ว้าย!” กุลยาอุทานเมื่อชุดชั้นในถูกยื่นมาตรงหน้า เธอรีบคว้ามาดูไซซ์ก่อนจะหน้าแดง
“เงียบแสดงว่า?” คนเอ่ยถามก็เหมือนจะลุ้นว่าเขากะไซซ์ถูกไหม พวกเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ นั้น เขาให้คนงานเปิดขายให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมอะไรมามาก หวังจะมาหาซื้อเอาดาบหน้า
เกาะของเขาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ จะเปิดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ซื้อทัวร์มาเที่ยวเท่านั้นและบรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัว ใครมาที่นี่ต้องทำตามกฎคือห้ามทำลายทรัพยากรธรรมชาติเด็ดขาด ดำน้ำได้ ถ่ายรูปได้ ดื่มด่ำกับธรรมชาติได้เต็มที่ แต่ห้ามทำลายทุกอย่างบนเกาะรวมถึงการทิ้งขยะไม่เป็นที่ ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับและขึ้นบัญชีดำเอาไว้ไม่ให้เหยียบมาที่นี่อีก
“ฉันใส่ไซซ์นี้” คนตอบหน้าแดงกัดปากตัวเองเบา ๆ
“แสดงว่าผมก็เก่งนะ พอจะกะไซซ์ของคุณได้”
“บ้า!!!” เธอแหวใส่เขา
“สักสี่ห้าชุดพอไหม คุณต้องอยู่ที่นี่อีกนาน”
“ฉันต้องอยู่จนถึงเมื่อไหร่”
“สักพัก” กุมภ์คิดว่าทุกอย่างผิดพลาดไปหมด แต่ทำไปแล้วเหมือนขึ้นหลังเสือจะลงก็ไม่ได้
เพื่อนรักมาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน นี่คือความรู้สึกหดหู่ระคนเศร้าโศกเสียใจอย่างที่สุด
“มานี่เถอะ” เขารั้งแขนของหล่อนให้เดินตาม กุลยาเซถลาตามร่างสูงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“นี่ปล่อยนะคนป่าเถื่อน”
“อ่อยผู้ชายพอหรือยัง”
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ”
“ผมถามว่าคุณอ่อยผู้ชายพอหรือยัง”
“นี่ปล่อยนะ!” เมื่อกี้เขายังดี ๆ อยู่เลย
“คนงานบนเกาะมีหลายประเภท ประเภทแรกซื่อ ๆ คงตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคุณหรอก”
“คะ?” เธอหลุดอุทานออกมา ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
“ประเภทที่สองเป็นชายฉกรรจ์กลัดมันพร้อมทำอะไรคุณได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณยังขืนชม้ายชายตามองผู้ชายไม่เลิกแบบนี้ ผมคิดว่าคุณน่าจะมีผัวเป็นโขยงเลยนะ”
“โอ๊ย!” กุลยาร้องเสียงหลงเมื่อโดนดึงให้เดินตามเร็วๆ
“ฉันเจ็บนะ ทำไมต้องฉุดกระชากลากถูกันด้วย ยังไงฉันก็ไม่มีทางสู้รบตบมือกับคนอย่างคุณได้อยู่แล้ว ฉันมันเป็นแค่ลูกไก่อยู่ในกำมือคุณอยู่แล้วนี่ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”
“คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว”
“ฉันเจ็บ”
“รีบตามมาเร็ว ๆ” เขาเร่ง
“คุณเป็นนายหัว หมายถึงเป็นคนคุมงานที่นี่เหรอ” เธอเอ่ยถามเพราะอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับเขา