บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 สูงเท่าไหร่

“ถึงแล้ว”

เมื่อขับรถมาถึงจุดหมายรณพัชร์ก็จอดรถพร้อมหันมาบอกบุรนีย์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าหล่อนลงรถได้อย่างปลอดภัยรณพัชร์จึงลงรถและมือเสยผมด้านหน้าให้เข้าที่แล้วก็เดินไปหาลูกน้องที่กำลังตัดผักโดยที่มีพ่อค้าแม่ค้ามารอรับโดยที่มีหญิงสาวเดินตามมาติดๆ

“พ่อเลี้ยงสวัสดีครับ”

“อืม ไอ้ไปร่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ถึงส่งของช้า ปกติเวลาก็จะเหลือแค่ไม่กี่เจ้าไม่ใช่หรือ”

รณเวชร์ขมวดคิ้วมองไปรอบๆ ก่อนจะถามไอ้ไปร่ ลูกน้องคนสนิทที่เป็นดั่งมือขวาของเขาออกไปในทันทีหลังจากเห็นพ่อค้าแม่ค้ายืนอยู่ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าใดหนัก

“พ่อค้ากับแม่ค้าเขาไม่พอใจเรื่องราคาน่ะครับพ่อเลี้ยง”

“ทำไมถึงไม่พอใจ”

“พวกเขาบอกว่าราคาแพงกว่าเมื่อวานนี้ครับ เขาจะซื้อในราคาเดียวกันกับที่ซื้อเมื่อวาน”

ไปร่ตอบพ่อเลี้ยงรณพัชร์ออกไปด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่หนักใจมากพอสมควร เพราะเขาเองก็พยายามพูดคุยแล้วแต่ฝ่ายนั้นก็ไม่มีท่าทีจะยอมเลย หากเขาตัดสินใจขายให้ในราคาที่ทางนั้นเรียกร้องโดยที่ยังไม่ได้ปรึกษาพ่อเลี้ยงเกรงว่าจะไม่สมควรก่อนสายตาของไปร่จะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวหน้าตาสวยราวเทพธิดาที่ยืนอยู่ข้างพ่อเลี้ยงด้วยแววตางงงวย แต่อายุคงจะน้อยกว่าพ่อเลี้ยง หรือเป็นญาติผู้น้องของพ่อเลี้ยง แต่ความงามนั้นช่างงามเสียจริง เขาเองก็เคยเห็นผู้หญิงในตำบลนี้หลายต่อหลายคนก็ยังไม่มีใครงดงามเท่าผู้หญิงที่ยืนข้างๆ พ่อเลี้ยงเลยสักคน จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงกระแอมออกมาจากลำคอของรณพัชร์ก็ทำให้เขารีบดึงสายตากลับมา

“แฮ่ม กูก็มัวแต่ร้อนใจ นี่บุรนีย์ เป็นว่าที่ภรรยาของกูเอง นี่ไอ้ไปร่ ลูกน้องคนสนิท”

“สวัสดีค่ะ เรียกบุเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

บุรนีย์แก้มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อได้ยินรณพัชร์แนะนำเธอกับลูกน้องคนสนิทของเขา แต่เมื่อมองไปแล้วผู้ชายคนนั้นดูมีอายุมากกว่าเลยทำให้บุรนีย์ยกมือไหว้ทักทายพร้อมยิ้มให้ตามมารยาท

“อุ้ย แม่เลี้ยงไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ”

ไปร่รีบยกมือขึ้นรับไหว้และรีบกล่าวบอกภรรยาของพ่อเลี้ยงออกไปในทันที จากตอนแรกที่กำลังชมแม่เลี้ยงเมื่อหันมาเห็นสานตาและได้ยินน้ำเสียงของพ่อเลี้ยงดูเหมือนว่าคอของไอ้ไปร่อยู่ไม่ดีเสียแล้ว

“เดี๋ยวกูไปคุยกับพวกเขาเอง จะไปด้วยหรือไม่ หากไม่ไปก็ยืนรออยู่ตรงนี้”

“บุไปด้วยได้หรือคะ”

รณพัชร์หันมาถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าบุรนีย์เงยหน้ามองมาที่เขาด้วยแววตาที่เป็นประกายพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ตาเขาพร่ามัวจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน รณพัชร์เลยหันหน้ากลับมาทิศทางเดิมและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“แล้วไม่ได้ยินคำถามหรืออย่างไร”

“บุไปด้วยค่ะ”

“ตามมา”

บุรนีย์ยิ้มแล้วก็เดินตามรณพัชร์มาติดๆ เพราะตอนแรกเธอเองก็ไม่คิดว่าเขาจะชวนให้มาด้วยคิดว่าเขาจะให้ยืนรออยู่ตรงนั้นเสียอีก เพราะเธอเองก็ไม่อยากทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่เมื่อได้ยินเขาถามเลยทำให้บุรนีย์ตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ

“สวัสดีครับ”

“อ้าว พ่อเลี้ยงมาเสียที พวกป้าคุยกันแล้วว่าจะซื้อของในราคาของเมื่อวาน เมื่อวานยังไม่แพงเลยทำไมวันนี้ถึงแพงจังล่ะ รับไปแพงเอาไปก็ต้องขายแพงแล้วใครจะมาซื้อ”

แม่ค้าร่างท้วมวัยกลางคนคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงรณพัชร์เดินเข้ามา ตอนนี้ราคาผักกับผลไม้ตามฤดูกาลก็ขายได้ราคาดี หากพ่อเลี้ยงลดให้และพวกเธอเอาไปขายในราคาตามท้องตลาดก็ได้กำไรเยอะขึ้น พวกเธอคิดกันเอาเองว่าถ้าหากพร้อมใจกันไม่ยอมพ่อเลี้ยงก็ต้องเป็นฝ่ายยอม เมื่อได้ยินพ่อค้าและแม่ค้าต่างก็พากันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยโดยที่บางคนก็ให้ความและละสายตามองไปที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างพ่อเลี้ยง หน้าตาสวยแบบไร้ที่ติ ผิวขาวเนียนละเอียดราวน้ำนม บางคนมารับผักและผลไม้ของไร่พ่อเลี้ยงมานานก็ยังไม่เคยเห็นมีหญิงสาวคนไหนที่ได้ยินใกล้พ่อเลี้ยงขนาดนี้ หรือนี่จะเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยง ต่างคนต่างมีคำถามในใจแต่เมื่อได้ยินเสียงของพ่อเลี้ยงรณพัชร์พูดขึ้นมาก็ทำให้ทุกคนหันไปสนใจในทันที

“ผมเองก็ขายส่งตามราคาของท้องตลาดเช่นกันครับ มันแน่นอนอยู่แล้วว่าผักและผลไม้ก็จะมีช่วงที่ถูกและแพง ตอนถูกผมก็ส่งให้ถูก แต่เมื่อมันแพงจะให้ผมส่งให้ถูกแล้วทุกคนเอาไปขายในราคาที่แพงแบบนี้ไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหรือครับ ผักทุกต้น ผลไม้ทุกลูกผ่านการปลูกและดูแลอย่างดี ทุกคนอยากได้กำไรแล้วผมไม่อยากได้หรือครับ ใจเขาใจเรา อย่าคิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียวสิครับ ทำการค้าด้วยกันนอกจากเม็ดเงินก็ควรให้ใจกันด้วย วันนี้ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมจะส่งให้ในราคาตามตลาด ผักและผลไม้ในไร่ของผมใช่ว่าจะแพงไปหมดทุกอย่างเสียเมื่อไหร่ ถูกบ้างแพงบ้างก็คละกันไป หากไม่พอใจในราคานี้ก็ไม่เป็นไร ทุกคนไม่ซื้อผมเองก็ไม่ขาย แล้วหลังจากนี้หากใครไม่สบายใจที่จะมาซื้อผักหรือผลไม้ในไร่ของผมก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมทำมาหากินอยู่กับตรงนี้ผมเองเข้าใจดี”

รณพัชร์ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบพ่อค้าและแม่ค้าพวกนี้กลับไปด้วยนำเสียงที่หนักแน่น เพราะเขาก็มั่นใจในผลผลิตในไร่ของเขาเช่นเดียวกัน ถ้าไม่ดีถึงแม้จะราคาสูงแค่ไหนรณพัชร์ก็ไม่ยัดเยียดให้ลูกค้าแม้แต่สักครั้งเดียว ตั้งแต่การลงเมล็ดหรือต้นกล้าจนถึงขั้นตอนเก็บเกี่ยวเขาใส่ใจอย่างมาก แล้วการค้าก็เป็นอย่างนี้ หากใครจะไปรับซื้อที่ไหนนั่นก็เป็นสิทธิ์ของคนพวกนี้ด้วยเช่นกันรณพัชร์จึงไม่นับเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นปัญหา ใครที่กำเงินมาซื้อของในไร่ของเขารณพัชร์ก็เต็มใจขายเช่นเดียวกัน แต่ใครคิดจะมาเอาเปรียบก็ฝันไปเถอะ หากเขาโง่ก็คงอยู่ตรงนี้ไม่ได้

“แหม่ พ่อเลี้ยงก็ใจร้อนเสียจริง พวกป้าก็แค่ลองถามดูเพียงเท่านั้น ป้าก็เข้าใจพ่อเลี้ยง เอาของป้าขึ้นรถแล้วคิดเงินเลยนะ”

“ของฉันด้วย เอาขึ้นรถได้เลย ฉันซื้อเหมือนเดิม เท่าไหร่ฉันก็ซื้อ”

เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงรณพัชร์ยื่นคำขาดเลยทำให้พ่อค้าแม่ค้ารีบกลับคำในทันที ถึงแม้จะแอบเสียดายที่พ่อเลี้ยงไม่คล้อยตามแต่พวกเขาก็ยังซื้อของจากไร่พ่อเลี้ยงอยู่ดี เพราะผลผลิตจากไร่รณพัชร์ดีจริงๆ เวลาเอาไปขายก็ขายได้ดี คนซื้อชอบ แล้วเวลาผักถูกและพ่อเลี้ยงปลูกเยอะก็แถมให้พวกเขาประจำ หากไม่ซื้อขายกับพ่อเลี้ยงรณพัชร์พวกเขาก็คงจะโง่เต็มที ที่สำคัญทุกคนต่างรู้จักนิสัยพ่อเลี้ยงรณพัชร์ดีว่าเขาไม่ใช่คนพูดเยอะ เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของพ่อเลี้ยงใครจะกล้าท้าประลองความอดทนของพ่อเลี้ยงกันล่ะ

“ง่ายดายขนาดนี้เชียว”

บุรณีย์พึมพำออกมาเบาๆ หลังจากเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าที่จบลงอย่างรวดเร็วทันใจ เพราะเพียงแค่รณพัชร์ยืนยันว่าจะไม่ยอมเพียงเท่านี้ทุกคนก็ต่างยอมรับและไม่มีใครพูดหัวข้อนี้อีกเลยแม้แต่คนเดียว พอได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งถามรณพัชร์จึงทำให้บุรนีย์หันไปมองด้วยแววตาที่เป็นมิตร

“พ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยง แล้วนี่ใครรึ ญาติของพ่อเลี้ยงหรือญาติผู้น้อง”

“เปล่าครับ นี่บุรนีย์ เป็นว่าที่ภรรยาของผมเอง งานแต่งจะมีใกล้ๆ นี้ ผมขอเชิญทุกคนด้วยนะครับ”

“จริงรึ พ่อเลี้ยงจะแต่งงานแล้วรึ แล้วหนูคนนี้คนบ้านไหนล่ะ ไม่ใช่คนบ้านเราใช่ไหมพ่อ”

รณพัชร์มองป้าแย้มที่เป็นลูกค้าของเขามานานแสนนาน ซึ่งป้าแย้มเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ รณพัชร์เลยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ

“ไม่ใช่หรอกครับ บ้านของภรรยาผมอยู่ที่พระนคร นี่ก็เพิ่งเดินทางมาถึง”

“ถึงว่า สวยกว่าเราๆ ที่แท้ก็คนพระนครนี่เอง”

“สาวพระนครจะมาอยู่ที่บ้านเราได้หรือ บ้านเรามันไกปืนเที่ยง พ่อเลี้ยงคิดดีแล้วหรือจ๊ะ ลูกสาวป้าก็คนยังไม่มีคนดูใจ พ่อเลี้ยง”

บุรนีย์หุบยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นแทบจะทันทีหลังได้ยินคุณป้าคนหนึ่งพูดขึ้นมา แล้วเธอเองก็ไม่ชอบเอาเสียเลย บ้านเธออยู่พระนครแล้วอย่างไรล่ะ คนในพระนครบินได้หรือยังไรกัน เธอก็เหมือนคนอื่น มีหูสองหูและตาสองตาเหมือนกับทุกคน ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักกันแต่ทำไมถึงต้องคอยมองว่าเธอทำอะไรไม่ได้เพียงแค่เป็นคนในพระนคร เดี๋ยวบุรนีย์จะทำให้ทุกคนเห็นโดยทั่วกันว่าแท้จริงแล้วสาวที่เมืองพระนครก็เก่งกาจไม่แพ้สาวเมืองไหนเหมือนกัน แต่เมื่อได้ยินรณพัชร์ตอบกลับไปก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้นมา เพราะอย่างน้อยเขาก็ให้เกียรติและปกป้องความรู้ของเธอที่มันกำลังปะทุอยู่ภายในใจ

“ผมกำลังจะแต่งงานกับบุรนีย์ครับ ตอนนี้กำลังจะเตรียมงานคงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ไอ้ไปร่มึงดูความเรียบร้อยด้วย เดี๋ยวกูกับเมียจะไปดูพวกไอ้เป็ดมันเก็บไข่ไก่”

รณพัชร์มองป้าคนที่ถามด้วยแววตาเรียบนิ่งปนไม่พอใจเล็กน้อย ถึงแม้ตนกับว่าที่ภรรยายังไม่ได้รักกันในวันนี้แต่ภายภาคหน้าใช่ว่าจะไม่รัก และพูดออกมาแบบนี้มันก็เป็นการไม่ให้เกียรติ เขาเองไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้นสักหน่อย ถ้าคิดจะเอาเมียก็คงไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาบอกหรอก เขาก็ไม่ชอบยุ่งกับใครและไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับตนเช่นเดียวกัน

“ครับพ่อเลี้ยง”

“ปะ เดี๋ยวจะพาไปดูพวกสัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้”

“ค่ะ”

บุรณีย์เดินตามรณพัชร์มาที่รถจักรยานยนต์เมื่อเขาขึ้นคร่อมรถเธอก็นั่งซ้อนท้ายจากนั้นเขาก็ขับมาตามทางซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานมากก็มาถึงโรงเลี้ยงสัตว์ที่เขาได้ทำเอาไว้ มีคนงานกำลังทำงานโดยที่มีเด็กตัวเล็กๆ ประมาณ 6-10 คน วิ่งเล่นอยู่บริเวณนั้น เมื่อเห็นเด็กตัวเล็กๆ มองมาที่เธอบุรนีย์จึงส่งยิ้มแล้วก็โบกมือไปมาพร้อมส่งเสียงทักทาย

“สวัสดีจ่ะ”

“ว้าว สวยจัง”

รณพัชร์มองเห็นคนงานกำลังรีดนมวัวจึงทำให้นึกขึ้นมาได้เลยหันมาถามบุรนีย์ที่กำลังยืนยิ้มอยู่กับลูกๆ ของคนงานในไร่ รณพัชร์จึงเอ่ยถามออกไปเบาๆ พอได้ยินเพียงแค่สองคน

“อายุเท่าไหร่”

“คะ พ่อเลี้ยงถามบุหรือคะ”

“ฉันก็คงไม่ได้ถามตัวเองหรอก”

บุรนีย์ย่นจมูกใส่รณพัชร์ก่อนจะตอบเขากลับไปด้วยความดังระดับเดียวกัน ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะถามเฉยๆ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่รณพัชร์พูดขึ้นมาก็ทำให้บุรนีย์งุนงงมากขึ้นจากเดิม

“บุอายุ 18 ปี ค่ะ”

“อืม ต่อไปดื่มนมก่อนเข้านอนทุกวัน จะได้สูงขึ้นบ้าง”

“พ่อเลี้ยง”

รณพัชร์มองใบหน้าสวยที่ตอนนี้งอง้ำและส่งค้อนมาให้จึงทำให้รณพัชร์แอบหัวเราะในลำคอและหันไปทางไอ้ต้นที่กำลังควบคุมคนงานยกลังนมขึ้นรถของทางไร่และห้างร้านที่รับซื้อ เพราะจากที่เขาดูแล้วว่าที่ภรรยาของตนตัวเล็กเกิน แบบนี้หากมีลูกจะเอาแรงที่ไหนเบ่งลูกออกมา เพราะตอนนี้หากเทียบกันร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ สูงแค่ใต้ราวนมเขาเอง และถึงแม้มันจะไม่ได้เพิ่มความสูงแบบชัดเจนแต่มันก็มีประโยชน์อยู่ดี

“ฮึ ไอ้เชิ่ด ไอ้เชิ่ด!”

“ครับพ่อเลี้ยง”

“เดี๋ยวมึงเอานมไปส่งให้กูที่บ้านสองลัง”

“อ่อ ได้ครับ”

เชิ่ดรับคำสั่งแล้วก็กลับมาทำงานเช่นเดิมพร้อมคำถามที่เกิดขึ้นภายในใจ อย่างพ่อเลี้ยงหรือจะดื่มนม คงไม่น่าจะใช่ หรือจะเอาไปให้แม่เลี้ยงดื่ม อืม อันนี้ดูท่าจะใช่ ไหนว่าพ่อเลี้ยงรักใครไม่เป็น เมื่อเห็นแบบนี้คงไม่เป็นดังคำที่เขาร่ำลือกันเสียแล้วล่ะ

“ปะ เดี๋ยวจะพาไปทำงาน”

“ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel