บทที่1 ในห้วงความทรงจำ
ใบหน้านวลค่อยๆ หันไปตามเสียงลูกบอลกระทบพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอที่ดังมาจากสนาม เสียงที่หญิงสาวไม่เคยจะลืมเลือน....
ภาพตรงหน้าลางเลือนจากม่านน้ำตาที่เอ่อท้น
ใช่เขาจริงๆใช่ไหม ใช่เขาคนเดิมที่เธอเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน
ความทรงจำในช่วงหน้าร้อนก่อนเปิดเรียนมัธยมปลาย ไหลบ่าเข้ามาในห้วงคำนึงราวกับทำนบกั้นที่เธอพยายามกักขังได้พังทลาย
วราลีในวัยสิบห้าย่างสิบหกเดินทอดน่องตามทางเดิน มุ่งตรงสู่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน ความเคยชินทำให้เผลอตื่นตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า
ยามปกติหญิงสาวมีหน้าที่เตรียมอาหารเช้าสำหรับทุกคนในบ้าน แต่เช้าวันนี้นั้นต่างออกไป เพราะพ่อกับแม่หอบผ้าผ่อนหนีไปฮันนีมูนรอบที่เท่าไหร่....เธอเองก็คร้านจะจดจำ
เมื่อก่อนสามีภรรยาคู่นี้ก็ยังพาเธอและ ‘รวีวร’ พี่สาวที่แก่กว่าสามปีไปด้วย แต่พอเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูแลตัวเองได้ ท่านทั้งสองก็ไม่ลังเลเลยที่จะทิ้ง...เอ่อ ปล่อยเด็กทั้งสองให้ดูแลตัวเองกันตามลำพัง ซึ่งหน้าที่ในการดูแลบ้านและอื่นๆอีกมากมายก็มักจะร่วงลงมาอยู่ในอ้อมแขนของคนน้อง เมื่อพี่สาวแสนดีเต็มใจที่จะผลักภาระ เอ้ย...เต็มใจที่จะฝึกให้น้องรู้จักช่วยเหลือตัวเอง
หญิงสาวลืมตาตื่นตั้งแต่เช้า เตรียมจะลุกขึ้นมาทำอาหารให้ทุกคนก็นึกได้ว่าไม่ต้องแล้ว อีกอย่างพี่สาวตัวดีก็กำชับหนักหนาว่าจะตื่นเที่ยงเนื่องจากกำลังเมามันกับซีรี่ย์เกาหลีทั้งคืน
เมื่อไม่ต้องทำอาหารเช้า และที่สำคัญ....ห้ามรบกวน ครั้นพอล้มตัวลงนอนต่อ กลับไม่สามารถข่มตาลงได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า
เสียงลูกบอลกระทบพื้นที่ดังสม่ำเสมอเรียกให้เท้าน้อยๆ ของเธอชะงักอยู่กับที่ ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางจากสวนสาธารณะเป็นสนามบาสเกตบอลที่อยู่ห่างออกไปทางซ้ายมือ
ภาพร่างสูงค่อนข้างมืดที่บดบังแสงแดดกำลังเลี้ยงลูกบาสเกตบอลวิ่งไปมาในสนามอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะกระโดดขึ้นจากพื้น สูงจนหญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง
ร่างนั้นลอยค้างบนอากาศนานจนเธอเผลอคิดไปว่าเขาอาจจะมีปีก ปีกสีดำสยายใหญ่รับกับโครงร่างของเขา แต่มันก็เป็นแค่เพียงความคิดเรื่อยเปื่อยของเธอเมื่อจริงๆแล้วเงาร่างนั้นกำลังค่อยๆเอนไปด้านหลังจนคนแอบมองต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก หวาดเสียวว่าอีกฝ่ายจะหงายหลังร่วงลงมา
หากเมื่อถึงจังหวะหนึ่ง มือสองข้างของเขากลับประคองลูกบาสเกตบอลขึ้นมาเหนือหัว แล้วค่อยๆ ปล่อยมันออกไปวาดเป็นเส้นโค้ง
แสงแดดอาบไล้ลูกบอลสีส้ม แสบตาจนคนมองเผลอยกมือขึ้นมาบัง แล้วเสียง ‘ซวบ’ ของลูกบาสเกตบอลที่ตกลงกลางห่วงก็เรียกสติของหญิงสาวให้กลับมา
เหมือนตอนนี้
ตึก ตึก ตึก เสียงลูกบอลกระดอนอยู่บนพื้นโดยที่เจ้าของไม่สนใจที่จะเก็บขึ้นมาทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ร่างสูงที่เธอยังจำได้ดีเคลื่อนเข้ามาหาอย่างเงียบๆ
แม้ว่าเขายังเป็นคนเดิมในห้วงความคำนึง แต่กลับมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป กล้ามเนื้อที่ตึงแน่นนั้นแตกต่างจากมัดกล้ามเล็กๆในอดีต ไหล่ผายไม่เก้งก้างเหมือนตอนเป็นเด็กหนุ่ม หากแต่บึกบึนผึ่งผายอย่างนักกีฬา
ทุกสิ่งอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นเขาเตือนสติให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน หากแต่เป็นเขาคนเดิมจริงๆที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกทั้งหลายคล้ายตีตื้นขึ้นมาอย่างมิอาจห้าม ความดีใจ น้อยใจ ปลาบปลื้ม ทุกอย่างเอ่อท้นขึ้นมาพร้อมกันจนสุดจะกั้น รับรู้เพียงขอบตาที่ร้อนผ่าว และน้ำใสๆกำลังเอ่อท้น
วราลีรีบหันหลังให้เขาทันทีเป็นผลทำให้ร่างสูงหยุดชะงักไปเล็กน้อย มือบางรีบยกขึ้นมาปาดน้ำตาลวกๆ แล้วจึงหันกลับไปหา
รอยยิ้มกว้างที่ไม่อาจปกปิดความยินดีส่งให้คนมองถึงชะงักค้าง
“เพิ่งกลับมาเหรอคะ” หญิงสาวพยายามหาเสียงของตัวเองอยู่นานก่อนจะรวบรวมความกล้าถามออกไป
“อืม”
คำตอบแสนสั้นหากแต่เป็นตัวเขากลับทำให้คนฟังยิ้มจนตาหยี ร่างเล็กที่อาบไปด้วยแสงอาทิตย์ในยามเช้าสวยงามจนคนตรงหน้าเกือบจะเผลอรวบตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด
“ตั้งแต่วินไม่อยู่ สนามบาสฯนี้ก็เหมือนร้างไปเลยล่ะ” มันอ้างว้าง เงียบเหงา โดดเดี่ยว ไม่ต่างจากจากความรู้สึกของเธอยามไม่มีเขา
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันคล้ายพยายามกดข่มความน้อยใจ แล้วจึงหันหลังกลับก้าวนำเขาออกไปเพื่อซุกซ่อนสีหน้าและแววตา ความตื่นเต้น ดีใจ น้อยใจ สับสน ทุกอย่างเอ่อท้นจนตัวเองแทบจะบังคับเสียงไม่ให้สั่น กั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
“อืม” คำตอบของเขายังคงเป็นเช่นเดิม หากแต่ร่างสูงกลับเข้ามาประชิดจนไหล่บางสัมผัสได้ถึงแผงอกที่ตึงแน่นของเขา
“แล้ว...เอ่อ วินแค่กลับมาเยี่ยมที่บ้าน หรือ...” เธอไม่กล้าหวังมากกว่านี้ ใจจริงอยากให้เขาอยู่ที่นี่ตลอดไป แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นไปไม่ได้
ชายหนุ่มเพียงตอบสั้นๆ
“คงสักพัก...เดี๋ยวเดินไปส่ง” แล้วจึงเดินตามร่างบาง จวบจนถึงหน้าประตูบ้าน เขาจึงหมุนตัวกลับไป โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
ใช่... อนิรุทธ์ ไม่เคยเปลี่ยน
ยังเป็นคนเดิมที่เธอเคยคิดว่ารู้จัก แต่ความจริงแล้ว กลับแทบจะไม่รู้จักเขาเลย เงียบขรึม จริงจัง มุ่งมั่น เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง โดยเฉพาะในเรื่องบาสเกตบอลที่เขารัก ไล่ตามความฝันจนคนที่คอยดูอยู่ห่างๆ รู้สึกแสบตาจากรัศมีที่เปล่งประกาย
เขาทิ้งทุกอย่างเพื่อบาสเกตบอล.... แม้แต่ตัวเธอ หลายปีที่ถูกเขาทิ้งร้าง เจ็บปวดเหลือแสน แม้ไม่ใช่คนรัก หากแต่เขาก็ปฏิบัติกับเธอต่างจากผู้หญิงคนอื่น
สุดท้ายก็เป็นแค่เพียงความฝัน เมื่อเขาบินจากไปยังดินแดนอาทิตย์อุทัยโดยไม่มีแม้คำล่ำลา ไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย
สองเท้าวิ่งกลับเข้าบ้านราวกับกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้อีกนิดจะเผลอตัววิ่งออกไปตามเขาเพื่อถามไถ่ว่าทำได้อย่างไร เขาลืมเรื่องราวที่ผ่านมาของเราได้อย่างไร เคยคิดถึงกันบ้างไหมแม้นสักเสี้ยวนาที หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม ยามย้อนคิดถึงเรื่องราวในวันวาน
ในวันนั้นเมื่อหลายปีก่อน
วราลีไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอมองเขาอยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมง การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว ว่องไว ท่วงท่าในการชู้ตที่ลื่นไหลแม่นยำนั้นตรึงสายตาจนไม่อาจถอน สมาธิของเขาจดจ่ออยู่แต่เพียงลูกบาสเกตบอลและแป้นชู้ต ราวกับหลุดออกมาจากสิ่งรอบข้าง
จวบจนชายหนุ่มหันกลับมาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พาดอยู่บนกระเป๋าที่วางอยู่ตรงที่นั่งนั่นแหละ เขาจึงเพิ่งจะสังเกตเห็นร่างบาง คิ้วเข้มได้รูปสวยของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยคล้ายแปลกใจ หญิงสาวจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกเขาจับได้ที่แอบมอง วราลีรีบก้มหัวให้เขาแล้วหันหลังกลับ เดินเร็วๆออกมาด้วยหัวใจที่เต้นระทึกอยู่ในอก
แต่วันต่อมาเธอกลับทำเช่นเดิม
เท้าเล็กๆพาตัวเองไปถึงสนามแห่งนั้นอีกในเช้าวันถัดไปได้อย่างไร เจ้าตัวก็สุดจะรู้ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นร่างสูงที่ชโลมไปด้วยเหงื่อเลี้ยงลูกบาสเกตบอลหลบหลีกอยู่กลางสนาม
หญิงสาวตัดสินใจนั่งแหมะอยู่ตรงมุมหนึ่งพร้อมกับสมุดวาดภาพในมือ ผู้ชายคนนี้รูปร่างสวย ถ้ากะจากสายตาแล้วคิดว่าเขาคงสูงเกือบๆร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร ยามที่เขาขยับเขยื้อน พริ้วไหวราวกับลูกบอลในมือของเขากลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในตัว จะบังคับไปในทิศทางใดก็ได้ดังใจ
มือน้อยๆของเธอจับดินสอขึ้นมาขีดเขียน ปล่อยใจไปตามอารมณ์ จวบจนเสียงลูกบอลเงียบลงและชายหนุ่มหันมา คนแอบมองจึงเพิ่งได้สติ รีบทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นหันหลังกลับ แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้ จึงหันกลับมาโค้งตัวน้อยๆให้เขา แล้วเผ่นกลับมาอีกเช่นเคย
วราลีทำอย่างนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน
แม้ว่าพ่อกับแม่จะกลับมาแล้ว แต่เด็กสาวก็มักจะรีบเตรียมอาหารเช้าแล้วเผ่นออกบ้าน จนเมื่อคนเป็นพ่อเอ่ยถาม หญิงสาวจึงแค่ตอบว่า ไปวาดรูปเล่นค่ะ แล้วรีบเผ่นแน่บออกมา
หากเมื่อบิดาหันไปหาลูกสาวคนโต เจ้าหล่อนก็เพียงแต่ยักไหล่พร้อมส่ายหน้า ก่อนจะคาบขนมปังไว้ในปากแล้วถือจานไข่ดาวและไส้กรอกของตัวเองกลับขึ้นไปบนห้อง
พอหันกลับมาหาคนเป็นแม่ ภรรยาสาวกลับบอกว่า คงไม่มีอะไรมั้งคะ ยัยลีเป็นเด็กดีจะตาย จากนั้นก็เขย่งเท้า ยื่นหน้าขึ้นไปหอมแก้มสากๆ ของสามี แค่นี้ก็ทำให้คนเป็นพ่อลืมเรื่องที่จะซักถามไปเสียสนิท
“มองหาอะไรกันลูก” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกสาวเอาหน้าแนบกระจกรถ ขณะขับผ่านบริเวณสวนสาธารณะในเช้าวันเปิดเรียน
“เปล่าค่ะ” วราลีรีบหันมาตอบ ทั้งๆที่หางตายังคงจับจ้องไปที่สนาม เมื่อเห็นร่างสูงอยู่กลางสนามเป็นเพียงเงาลางๆ คิ้วสวยขมวดยุ่งพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เขาไม่ไปโรงเรียนรึไงนะ นี่ก็วันเปิดเทอมแล้ว”
“ว่าอะไรนะลูก”
“เปล่าค่ะพ่อ” เด็กสาวรับคำเสียงดังพร้อมกับร่างบางที่โผเข้ามาเกาะเบาะรถฝั่งคนขับพลางยิ้มประจบ
คนเป็นพ่อว่าล้อๆ “สงสัยจะตื่นเต้นรับวันเปิดเทอม ใช่ไหมจ้ะที่รัก” บุตรสาวย้ายจากโรงเรียนมัธยมต้นเนื่องจากสอบติดมัธยมปลายที่นี่ นอกจากสนใจจะเรียนด้านภาษาแล้ว ที่นี่ยังมีชมรมคหกรรมที่หญิงสาวชอบ โรงเรียนที่พวกเขาเลือกขึ้นชื่อเรื่องการส่งเสริมกิจกรรม ทั้งกีฬาและสันทนาการ
วราลีกอดอกมองคู่รักอย่างอ่อนใจ “แหม หยุดสวีทกันซักหนึ่งนาทีจะได้ไหมคะ” ก่อนจะเอ่ยต่อ “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปลีขอนั่งรถเมล์ไปเองนะคะ ไม่อยากอยู่เป็น ก ข ค...ง จ ฉ”
“แต่...พ่ออยากไปส่งหนูนะ” คนเป็นพ่อว่าอย่างน่าสงสาร
คนเป็นภรรยาจึงดักคออย่างรู้ใจ “กลัวมีหนุ่มๆมาเกาะแกะลูกสาวมากกว่า” สามีจึงได้แต่ทำคอย่นเมื่อมีแต่คนมองแผนของเขาออก
หญิงสาวก้มลงมองนาฬิกาก็พบว่าเพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า ใบหน้าเนียนก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง เพราะเพิ่งเปลี่ยนจากเสื้อคอซองผูกโบมาเป็นชุดนักเรียมัธยมปลายสวมทับกระโปรง
หญิงสาวยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย
เมื่อเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาเข้าหอประชุม จึงเริ่มเดินสำรวจบริเวณต่างๆ ในโรงเรียน ก่อนจะไปจบที่หอประชุม ซึ่งใช้จัดพิธีปฐมนิเทศในเช้าวันแรก หญิงสาวไล่ตาตามรายชื่อที่ติดอยู่บนบอร์ดเพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่าตัวเองได้อยู่ห้องไหน และนั่งตรงส่วนไหนของหอประชุมที่ตอนนี้เริ่มมีนักเรียนจำนวนหนึ่งนั่งประจำเก้าอี้พร้อมเสียงพูดคุยเซ็งแซ่
ร่างบางค่อยๆเดินตามหมายเลขที่ติดอยู่หลังเก้าอี้จนพบเลขที่ประจำตัวของตัวเองอยู่แถวกลางๆของหอประชุม เมื่อมองไปแล้วยังเห็นมีนักเรียนนั่งอยู่แค่ไม่กี่คน จึงตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วจึงกลับเข้ามาอีกครั้ง
สาวน้อยที่นั่งทางซ้ายมือของหล่อนเอ่ยทักทันทีที่หญิงสาวหย่อนตัวลงนั่ง “สวัสดีจ้ะ เธอนั่งตรงนี้เหรอ” ใบหน้ากลมส่งยิ้มสดใสให้เธออย่างเป็นมิตร
“จ้ะ”
“เราชื่อผึ้งนะ แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไร”
“ลีจ้ะ”
“ห๊ะ อะไรนะ”
“เอ่อ..ลี...จ้ะ”
คนตรงหน้าถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “ลี หรือ รี”
“ลอ อี ลี จ้ะ”
ใบหน้ากลมมีรอยย่นระหว่างคิ้ว “ผู้ใหญ่ลีกับนางมาอ่ะนะ” พลางเอียงศีรษะราวกับใช้ความคิดหนักหนา
“หืม...” อะไรคือผู้ใหญ่ลีกับนางมา หญิงสาวไม่รู้จักจริงๆ
“โอ้ย นี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยดูเรื่องนี้ ที่พลอยเคยเล่นอ่ะ แล้วนิยายเค้าก็สนุกมากเลยนะ” อืมถ้าเป็นละครกับนิยาย ดูท่าว่าพี่สาวของเธอจะสันทัดมากกว่า แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้แต่เงียบ เครื่องจักรช่างพูดตรงหน้าก็เริ่มทำงานต่อทันที
“แล้วเธออยู่ห้องไหนเหรอ ห้องเดียวกันรึเปล่า เห็นเลขที่เราอยู่ติดกัน ฉันอยู่ห้องสิบนะ แล้วเธอล่ะ”
“เหมือนกันจ้ะ”
“เย้ดีใจจังที่หาเพื่อนได้แล้ว” คนตัวเล็กกว่ายกมือขึ้นชกอากาศพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“นี่ๆแล้วเธอตัดสินใจรึยังว่าจะเลือกเรียนภาษาอะไรนอกจากอังกฤษ แล้วเข้าชมรมอะไร ที่นี่มีชมรมเยอะมากเลยนะ เห็นรุ่นพี่เค้าโฆษณาใหญ่เลยตอนวันรับสมัครกับวันประกาศผลสอบ เราดูไว้หลายชมรมเลยล่ะ แต่สนใจชมรมหนังสือพิมพ์กับผู้ประกาศ แต่ก็อยากเป็นผู้จัดการชมรมบาสเกตบอลกับชมรมฟุตบอล หนุ่มๆสองชมรมนี้นะเธอ หล้อหล่อแหละ”
คนตรงหน้าพูดเสียไฟแล่บจนคนฟังรู้สึกเหนื่อยแทน
หันไปดูนาฬิกาที่บนผนังอีกทีก็พบว่าเกือบจะแปดโมงแล้ว บัดนี้หอประชุมเริ่มคราคร่ำไปด้วยนักเรีนใหม่ นอกจากนี้อาจารย์หลายท่านก็ทยอยกันเดินเข้ามาประจำที่
หญิงสาวเหลือบไปเห็นร่างสูงผมตัดสั้นในชุดนักเรียนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ก่อนจะพยักหน้าขอโทษคนต้นแถวพยายามแทรกตัวเข้ามาจนผ่านหน้าหล่อน แล้วจึงหย่อนตัวลงนั่ง
“เฮ้อ...นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว รถติดชะมัดเลย” ร่างสูงว่าพลางยกมือขึ้นพัดตัวเองไปมา วราลีสังเกตเห็นเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรผมของคนตรงหน้า ก่อนที่เจ้าหล่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ด คนข้างๆเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ จึงล้วงหาของในกระเป๋าก่อนจะยื่นกระดาษทิชชู่ให้
“นี่จ้ะ เราเห็นเธอ...เอ่อ”
“เหงื่อแตกใช่ไหม ก็เราโกยแน่บมาเลยแหละ ลงรถเมล์กลางทางแล้วต่อมอ'ไซค์มา รถติดโคตรๆ พี่วินโยนเราไว้หน้าประตูโรงเรียนแล้วเราก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเลย เอ้อ...ว่าแต่ ขอบใจนะ เราชื่อส้ม เธอล่ะชื่ออะไร”
วราลีได้แต่อ้าปากค้างก่อนจะหุบลง เมื่อคนซ้ายมือชิงตอบคำถามไปก่อน “คนนี้ชื่อลีจ้ะ ลอ อี ลี ส่วนเราชื่อผึ้ง เราสองคนอยู่ห้องสิบ แล้วเธอล่ะ”
“เหรอ...” หญิงสาวร่างสูงผมสั้นเลิกคิ้วคล้ายแปลกใจก่อนจะพูดต่อ “ห้องสิบเหมือนกัน”
“เย้ๆ ดีเลยๆ วันนี้ได้เพื่อนใหม่สองคนแล้ว” ใบหน้ากลมยิ้มกว้างอย่างสว่างไสว
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะได้เริ่มพูดคุยกันมากกว่านี้ เสียงทักทายของอาจารย์ใหญ่ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
ท่านกล่าวต้อนรับนักเรียนเพียงสั้นๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อธิบายถึงเรื่องที่นักเรียนจำเป็นต้องรับรู้เล็กน้อย และปิดท้ายด้วยการเชิญชวนให้นักเรียนทุกคนเข้าร่วมทำกิจกรรมกับชมรม
จากนั้นจึงส่งต่อให้อาจารย์ฝ่ายปกครองขึ้นชี้แจงระเบียบข้อบังคับต่างๆในโรงเรียน จนมาถึงเรื่องมาสาย
อาจารย์มองลอดแว่นตากรอบรีพร้อมสอดส่ายสายตามองรอบๆหอประชุม เล่นเอานักเรียนหลายคนกลั้นหายใจไปตามๆกัน
แต่ก่อนที่ท่านจะเอ่ยต่อ เสียงพูดคุยและหัวเราะก็ดังขึ้นจากประตูด้านหลัง ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง ร่างสูงที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเงียบเสียงลงทันทีเมื่อหันมาเจอสายตานับร้อยคู่
จากนั้นชายหนุ่มทั้งกลุ่มก็ค่อยๆโค้งตัวลงต่ำจนหน้าเกือบจะทิ่มพื้นเรียงแถวกันเข้ามา
วราลียังมิวายได้ยินเสียงหัวเราะและกระซิบกระซาบจากหญิงสาวหลายๆคน เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว เธอจึงละสายตาหันกลับมาสนใจตรงหน้าเวทีต่อ
แต่หางตาเจ้ากรรมดันไปสะดุดเอาร่างสูงในชุดเสื้อนักเรียนตัวใหญ่ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้มที่ใส่ไว้ต่ำๆ เพียงเกาะสะโพกไว้อย่างหมิ่นเหม่
แม้จะเห็นว่าเขาก้มตัว แต่ด้วยความสูงที่มากกว่าคนอื่นและผิวขาวลออ กลับทำให้ชายหนุ่มเด่นสะดุดตากว่าคนอื่น ซึ่งสามารถยืนยันได้จากเสียงกระซิบกระซาบของสาวๆหลายๆคน
"คนนู้นอ่ะ เท้เท่ เนอะ"
"ใช่ๆ ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันก็ดีสิ" เสียงหัวเราะคิกคักดังไปทั่วทั้งหอประชุมจนอาจารย์ฝ่ายปกครองต้องกระแอมถึงสองสามครั้งกว่าเสียงจะเงียบลง
จากนั้นท่านจึงกล่าวถึงบทลงโทษของคนที่มาสายด้วยเสียงเข้มจัด ทั้งๆที่พยายามจะตั้งใจฟัง แต่หางตาเจ้ากรรมกลับมักจะเหลือบไปทางร่างสูงอยู่ร่ำไป
จวบจนกิจกรรมเสร็จสิ้น ทุกคนเลยพากันแยกย้ายไปห้องเรียน กลุ่มของเธอซึ่งรวมส้มกับผึ้งหยิบกระเป๋าเดินตามฝูงชน บริเวณทางเดินค่อนข้างแน่นขนัด โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนหญิงที่พยายามเฉียดใกล้ชายหนุ่มร่างสูงพลางชม้ายชายตามองจนคนตัวสูงข้างๆวราลีทนไม่ไหว ลากเพื่อนใหม่ทั้งสองเบียดตัวแทรกออกมา
"เอ้อ ไม่ไหวเลยแม่พวกนี้ เป็นสาวเป็นแส้ แทนที่จะสงวนท่าที นี่อะไรกัน แค่เจอกันวันแรกก็แทบจะวิ่งเข้าใส่"
"แหม ส้มก็...ก็คนนั้นเค้าหล่อจริงๆนะ ผึ้งต้องไปสืบแล้วแหละว่าชื่ออะไร อยู่ห้องไหน" คนตัวเล็กข้างหญิงสาวประสานมือพร้อมทำท่าเคลิ้มจนเพื่อนตัวโย่งได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้า แล้วพยายามดันร่างทั้งสองให้ออกจากบริเวณนั้น หญิงสาวจึงทันเห็นร่างสูงอีกร่างหนึ่งที่น่าจะเป็นคนที่หัวเราะเสียงดังแล้วมาสายเดินเข้าไปหาเขาคนนั้น