บทที่ 3
หลังจากที่เมื่อคืนเขาเปิดเผยความในใจออกไป แถมยังรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่สั่งสมมาทั้งชีวิตรุกคืบจู่โจมพี่สาวข้างบ้านไป โดยที่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาตั้งตัว
และผลที่ได้ก็คือ...
วีรยาเกือบถีบเขาตกระเบียงคอหักตาย โชคดีที่ปีนป่ายไปมาระหว่างสองบ้านจนเคยชิน ไม่อย่างนั้นละก็ เช้านี้คงได้มีรถกู้ภัยมาจอดออกันอยู่หน้าบ้านแหงๆ
ร่างสูงโปร่งของสถาปนิกหนุ่มก้าวขายาวเกินมาตรฐานชายไทยไปหยุดยืนอยู่หน้าบ้านของวีรยาด้วยความสงสัย เพราะนี่พึ่งจะหกโมงเช้า ไหงรถยนต์คันจิ๋วของอีกฝ่ายถึงไม่จอดอยู่ที่เดิมเสียแล้วล่ะ
"อ้าวว... มาหาวีหรอลูก"
เสียงของเจ้าของบ้าน ซึ่งก็คือมารดาของวีรยาดังขึ้น ในขณะที่ท่านกำลังถือชามใส่อาหารแมวเดินออกมาจากตัวบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะไม่รู้ว่าเมื่อคืนมีคนบุกรุก!
"ครับ พี่วีออกไปแล้วหรอครับป้าเดือน"
"ใช้จ้ะ ออกไปตั้งตีห้าครึ่ง ป้าถามอะไรก็ไม่ตอบ รีบออกไปจนไม่ยอมหยิบอะไรติดไม้ติดมือไปกินด้วย สงสัยที่โรงเรียนจะมีงานล่ะมั้ง"
คนมีลูกสาวเป็นคุณครูสอนศิลปะอยู่ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติที่มักจะเกินขึ้นเป็นประจำ แต่สำหรับคนที่มีชนักติดหลังเช่นเขา ย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้มันโคตรผิดปกติเลย
"แล้วพี่วีได้บอกไหมครับ ว่าวันนี้จะกลับกี่โมง"
"ไม่ได้บอกนะ แต่คงจะเป็นเวลาเดิมของเขานั่นแหล่ะมั้ง พัดมีธุระอะไรกับพี่วีหรือเปล่าลูก ถ้ารีบป้าว่าโทรไปถามเจ้าตัวเขาเลยดีกว่านะ รายนั้นเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้หรอก" วงเดือนแนะนำ
"อ่า... ก็ไม่ได้รีบอะไรหรอกครับ"
"ถ้าอย่างนั้นรอถามตอนเย็นก็ได้ เย็นนี้มากินข้าวบ้านป้าสิ"
คนถูกชวนกินข้าวดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง ก่อนที่เขาจะรีบพยักหน้าตอบรับคำชวนแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
"ผมจะเตรียมกระเพาะมากินฝีมือของป้าเดือนเย็นนี้เลยครับ"
วงเดือนหัวเราะรวนรับคำตอบ ก่อนจะวางชามข้าวให้เจ้าแมวหน้ายุ่งที่เดินนวยนาดออกมาจากข้างบ้านด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งไม่รับแขกเหมือนทุกครั้ง
เชอะ! ไอ้แมวไม่มีมารยาท
ชายหนุ่มได้แต่คาดโทษมันในใจ เนื่องจากแมวตัวนี้ณัฐดนัยเป็นคนซื้อให้วีรยา แถมมันยังเป็นตัวโปรดของสาวเจ้าอีก นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นห่วงความรู้สึกของเธอละก็ จะจับไอ้แมวหน้าหยิ่งนี่ใส่กระสอบไปโยนคืนพ่อมันเสียให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
"ให้จริงเถอะ ไม่ใช่ตกเย็นมีนัดกับสาวๆ ปล่อยให้กับข้าวบ้านป้าต้องรอเก้อนะ"
"ไม่เก้อแน่นอนครับ" อติพัชรรับคำด้วยรอยยิ้ม
วงเดือนที่เห็นลูกชายของเพื่อนบ้านมาแต่อ่อนแต่ออกจึงส่งยิ้มกลับไปด้วยความเอ็นดู แล้วก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ช่วงนี้พัดเจอนัดบ้างหรือเปล่าลูก"
ร่างสูงเมื่อได้ยินคู่สนทนาถามถึงณัฐดนัยเขาก็หูผึ่งทันควัน
"ทำไมหรอครับ"
"ก็ช่วงนี้ป้ารู้สึกเหมือนยัยวีกับตานัดเขาจะมีปัญหากันน่ะ ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนได้แล้วล่ะมั้ง ปกติเห็นคุยโทรศัพท์กันตลอด แต่ช่วงนี้ไม่ยักจะคุย ไม่รู้ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า"
วงเดือนตั้งข้อสันนิษฐานตามประสาคนช่างสังเกต แต่คนถูกถามกลับไม่กล้าปริปากบอก เพราะเกรงว่าจะทำให้ท่านไม่สบายใจนี่สิ
"ก็... ปกตินี่ครับป้าเดือน ถ้าทะเลาะกันจริง ป่านนี้พี่วีคงร้องไห้น้ำตาท่วมโลกไปแล้ว" ชายหนุ่มกล่าวติดตลก แล้วลอบยกนิ้วขึ้นมาไขว้กันอยู่ข้างตัว
"ก็จริง ป้าล่ะเบื่อยัยวีนัก ถ้าไม่มีความสุขก็ไม่รู้จะทนคบกันต่อไปทำไม เฮ้อ... ยังไงพัดก็ช่วยดูพี่เขาให้ป้าหน่อยนะลูก ถ้ายัยวีไปทำอะไรไม่งามที่บริษัท ป้าอนุญาตให้พัดลากกลับบ้านได้เลย"
เมื่อมารดาของสาวเจ้าฝากฝังเอาไว้เช่นนั้น อติพัชรก็ได้แต่หัวเราะรวนรับคำไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น