บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... 2/4
คนเดียวที่ไม่เชื่อคือภารตี “คุณรบ!! คุณบอกอีนี่ใช่ไหมคะว่าเราจะมาจัดงานที่นี่ มันเลยมาดักรอ...”
นักรบทำหน้าแหย เขาเอื้อมมือจับแขนของภารตีไว้หลวมๆ “คิดมากน่ะตี ผมกับบุษไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี จะเอาเวลาไหนไปบอกเขาล่ะครับ” เจ้าบ่าวสุดหล่อรีบกระซิบตอบเสียงแผ่วๆ
“เหอะ!! ยังไงตีก็ไม่เชื่อ ผู้หญิงต่ำๆ พวกนี้ทำได้ทุกอย่างแหละค่ะ” หล่อนเอ่ยเสียงขุ่น เบ้ปากใส่บุษบันที่ยืนหน้าตาย บุษบันจึงพยายามไม่เอาความโกรธของภารตีมาใส่ใจ “จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ตีก็ไม่มีวันเชื่อค่ะ ในเมื่อแม่นี่น่ะ... อยากได้คุณรบเป็น ‘ผัว’ จนตัวสั่น ตั้งแต่ยังอยู่ในรั้วบ้านไชยยะนันนั่นแล้วนี่คะ”
เสียงฮือฮาดังอืออึง...พร้อมกับความคลางแคลงที่ผุดขึ้นในสายตาคนรอบตัว
บุษบันถอนใจ...เธอหลุบเปลือกตาลง รวบรวมสติไม่ให้กระจัดกระจาย ก่อนจะกล่าวแก้ช้าๆ แต่หนักแน่น “จริงอยู่ค่ะว่าบุษเคยอาศัยอยู่ที่ไชยยะนัน แต่นั่นมันนานมากแล้วนะคะ และบุษก็ไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณรบด้วย คุณภารตีเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ ผู้ชายของคุณ... คงไม่ตาต่ำ ถึงขนาดมามองเด็กในบ้านหรอกค่ะ ในเมื่อเขามีดีกรีเป็นถึงว่าที่ดอกเตอร์”
มุมปากสีสดยิ้มเยือน เธอตีแสกหน้านักรบด้วยคำพูดของเขาเอง...
‘บุษคงไม่คิดว่าผมจะยกย่องบุษหรอกใช่ไหม ผมเป็นใคร! บุษเป็นใคร! บุษก็แค่หลานคนครัวในบ้าน ผมน่ะว่าที่ดอกเตอร์นะครับ แค่ที่ผมเมตตาบุษ มันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ?’
นักรบสะอึก!! บุษบันงัดเอาคำพูดของเขามาตอกย้ำให้เขารู้สึกละอาย
“อะแห้ม!!”
นรสิงห์เดินเข้ามาขัดตาทัพ เขาถลึงตาใส่หลานสาว “เมื่อเป็นความเข้าใจผิดกัน ก็แยกย้ายเถอะนะ ยัยตี!! แกพาคนของแกไปทำหน้าที่ให้ดี ตรงนี้น้าจัดการเอง”
ภารตีแสยะยิ้มให้บุษบัน หากงานนี้นรสิงห์ออกโรงเอง อีผู้หญิงหน้าหนาคงได้เข็ดขยาดจนไม่กล้ามาวอแวกับนักรบอีกแน่ เมื่อน้าชายของเธอ... น่ากลัวจนไม่มีใครกล้ายุ่ง นรสิงห์เด็ดขาด และเหี้ยมกว่าที่ใครๆ รู้
“ตีไปก็ได้ค่ะ...แต่จำไว้นะคะคุณรบ หากตีรู้ว่าคุณยังยุ่งกับมันอยู่ ตีเอาคุณตายแน่!!”
หล่อนหันมาขู่คนข้างตัว ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป ทิ้งไว้แค่บุษบันและนรสิงห์ที่ยืนประจันหน้ากัน มีทรงศักดิ์ยืนอยู่ไม่ไกล...
“เธอต้องการอะไรหรือบุษบัน?”
เป็นคำถามที่บุษบันไม่อยากตอบสักนิดและเขาถามเธอเป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งวัน!! เธอมาเพื่อทำงาน แล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอกับคนเหล่านี้อีกด้วยซ้ำ เธอหนีมาไกลจากกรุงเทพฯ มากขนาดนี้ แถมซ้ำคนร่ำรวยอย่างพวกเขาก็ยังตามมารังควาน หากวัดจากรสนิยมของนักรบ เธอคิดว่าเขาไม่น่าชอบงานวิวาห์ที่เรียบง่าย มันน่าจะเป็นงานใหญ่ๆ ตามโรงแรมหรูๆ หาใช่รีสอร์ตขนาดกลางที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าใดนักแบบที่นี่ แต่เขากับเธอก็ยังวนกลับมาเจอกันจนได้ ไม่รู้ว่าพระพรหมกำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของเธออยู่
“เห้อ!! ดิฉันไม่เข้าใจคำถามค่ะคุณลูกค้า” เธอกันตัวออกห่าง และพยายามไม่ใส่ใจสีหน้าตึงๆ ของอีกฝ่าย
“เธอรู้สิ่งที่ฉันพูด...เพราะเธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น” นรสิงห์เอ่ยเยาะ มุมปากเขากระตุกเหมือนจะยิ้มหยัน
หญิงสาวเชิดใบหน้าขึ้น เธอยิ้มเย็น “พวกคุณพยายามเหลือเกินที่จะลากดิฉันเข้าไปมีเอี่ยวด้วย เพราะอะไรเหรอ? หรือเพราะฉันอยู่เฉยๆ ไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยเหมือนที่พวกคุณต้องการ” เธอตอบกลับเสียงเย็นไม่ต่างกับสีหน้าเลย
บางทีการอยู่นิ่งๆ กลับกลายเป็นเป้าให้คนเหล่านั้นโจมตีขึ้นมาเสียแบบนั้นเอง
“เธอจะแลกกับฉัน กับกษิดิศชญาธรทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มกล่าวเยาะ เขาลดสายตาลงกวาดมองหล่อนแบบไม่เกรงใจ
บุษบันหน้าชา แววตาดูแคลนนั่น สาดใส่เธอเต็มๆ
“เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วค่ะ บุษแค่คนธรรมดา คนธรรมดาอย่างบุษไม่กล้าหือกับตระกูลดังแบบพวกคุณหรอกค่ะ พ้นจากวันนี้ไป...พวกเราทั้งหมดคงไม่ได้เจอกันหรอก สำหรับบุษ... พวกคุณเป็นแค่คนแปลกหน้า ขอให้จบตรงนี้นะคะ บุษสัญญา บุษไม่คิดจะยุ่งกับพวกคุณ หรือแม้แต่คุณรบ”