ตอนที่ 5 หนีเสือปะจระเข้
อีกด้าน
อึก อึก อึก
เสียงลูกกระเดือกกลิ้งลงไปมาในยามที่มีบางสิ่งบางอย่างไหลลื่นลงคอ หลังจากเมื่อวานที่คนตัวโตออกมาจากห้องใต้ดินในคอนโดเขาก็จัดการขับรถมายังผับของเพื่อนเขาทันที ก่อนที่จะมานั่งกระดกดื่มน้ำสีอำพันจากที่ตอนแรกนั่งดื่มที่ห้องมาสักระยะหนึ่งพอมานั่งดื่มที่นี่ยิ่งทำให้เขาเริ่มรู้สึกเมาแล้ว
“ พอเถอะไอ้พี มึงแดกตั้งแต่เมื่อวานจนนี่เช้าของอีกวันนึงแล้ว มึงไม่ตายแต่กูนี่แหละจะตายก่อน แดกจนร้านกูจะเจ้งแล้วมั้งไอ้ห่า”
และอันนี้ก็เป็นเสียงของซันเดย์เอ่ยบอกกับหมอรพีหรือเพื่อนสนิท ก็ตั้งแต่ที่เพื่อนชายของเขามาถึงก็เอาแต่นั่งกระดกดื่มน้ำสีอำพันไม่หยุด มันจึงทำให้เขาไม่เข้าใจว่าเพื่อนของเขาไปหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียที่ไหนมา ตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้เช้าวันใหม่ของอีกวันหนึ่งแล้วเพื่อนก็ยังไม่หยุดดื่ม
ส่งผลให้ตัวเขาและลูกน้องบางส่วนไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทั้งคืน เพราะเอาเวลามานั่งดูแลคนตรงหน้าแค่คนเดียว เขาก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าเมื่อวานมันเป็นงานแต่งของน้องสาวกับเพื่อนสนิทของคนตรงหน้าแท้ๆ แต่ทำไมเพื่อนสมัยเด็กของเขาถึงได้มานั่งเมาเหมือนหมาแบบนี้ ทำตัวเหมือนคนอกหักยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เพื่อนชายคนนี้ของเขาก็ยังโสดสนิทไม่มีคนคุย
อือ
“ มึง อย่า มา ยุ่ง … อาว มา นี่ “
คำคัดค้านของเพื่อนเมื่อกี้มีเหรอที่คนอย่างรพีจะฟังก่อนที่จะหยิบขวดเหล้าที่เปิดใหม่ขึ้นมากระดกดื่มอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันไรเพื่อนของเขาก็ล้มฟุ๊บคว้ำหน้าไปกับโต๊ะซะก่อน มันจึงทำให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของผับอย่างซันเดย์หัวเราะออกมาพร้อมกับส่ายหัวเอือมระอากับคนดื้อตรงหน้าเหลือเกิน
พรึ่บ
ตุ๊บ
“ หึ ไอ้ควายเอ้ย สภาพ แดกจนไม่ไหวแล้วยังจะฝืน พวกมึงเปิดห้องดิและหามมันเข้าไปนอนดีๆ เสร็จแล้วก็เก็บทำตรงนี้ให้เรียบร้อย เดี๋ยวเฮียขอตัวไปนอนก่อนไม่ไหววะง่วงชิปผาย ทำเสร็จก็ไม่ต้องรอกลับบ้านไปพักผ่อนกันได้เลย เดี๋ยวสิ้นเดือนเฮียเพิ่มเงินค่าล่วงเวลาให้ “
“ ครับ/ครับเฮีย “
เอ่ยสั่งกับลูกน้องเสร็จซันเดย์ก็ทำการสาวเท้าตกดิ่งไปยังห้องพักของเขาทันที เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็ง่วงนอนจะไม่ไหวเหมือนกัน เพื่อนของเขาเล่นดื่มข้ามวันข้ามคืนจนทำให้ไม่ได้หลับได้นอน เห็นทีว่าพอตื่นขึ้นมาเขาจะต้องถามยกใหญ่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้มีสภาพเป็นแบบนี้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้เขาขอตัวไปนอนก่อนส่วนเรื่องค่าล่วงเวลาของเด็กๆและค่าใช้จ่ายอื่นๆเขาค่อยไปเก็บรีดไถกับเพื่อนของเขาอีกที
—---------------------
ร่างอรชรเดินโซซัดโซเซเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปทางเรือนหลังเล็ก หลังจากเมื่อวานที่คนตัวโตเดินออกไปจากห้องเขาก็ไม่คิดที่จะกลับมาอีกเลย ปล่อยให้ตัวเธอยืนโหนเชือกท่ามกลางบรรยากาศอันมืดมิดที่มีเพียงแสงไฟสลัวสาดส่องและเทียนอยู่เป็นจำนวนมาก
ก่อนที่เมื่อช่วงเช้าเขาจะให้ลูกน้องเข้ามาปล่อยเธอ ซึ่งไม่มีวี่แววแม้แต่เขาจะย่างก้าวเข้ามา มันจึงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะถ้าเมื่อเช้าเขาเห็นหน้าเธอก็คงจะพลอยทำให้ตัวเขาหงุดหงิดและอารมณ์เสียขึ้นอีก แค่ทุกวันนี้หน้าของเธอเขาก็ไม่ได้อยากจะมองอยู่แล้ว
สองขาเรียวทำการลัดเลาะเข้าไปตรงบริเวณบ้านเนื่องจากว่าตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำมืดมากพอสมควรแล้ว ก็นะหลังจากเมื่อช่วงเช้าที่เขาคนนั้นปล่อยตัวออกมา เธอก็ไปหาที่เงียบๆสงบสติอารมณ์ทันที ก่อนที่ถึงเวลาฟ้ามืดเธอก็ค่อยๆย่องเข้ามาในบริเวณบ้านอีกครั้ง
เนื่องจากเธอกลับมาช้าและหายไปตลอดทั้งคืน ถ้ากลับเข้าบ้านไปในตอนที่ฟ้ายังสว่างแบบนั้น เธอคิดว่าต้องโดนผู้เป็นแม่ยิงคำถามใส่แบบไม่ยั้งอย่างแน่นอน มันจึงเป็นที่มาว่าทำไมเธอถึงจะต้องรอให้ฟ้ามันมืดค่ำอีกครั้ง เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามต่างๆนาๆที่ท่านต้องการจะอยากรู้ ถึงแม้จะหนีไม่รอดก็ตาม อย่างน้อยๆมันก็ช่วยยืดระยะเวลาออกไปในตอนที่เธอยังไม่พร้อม และเธอคิดว่าตอนนี้แหละที่เป็นเวลาเหมาะสมที่สุด เพราะป่านนี้แม่ของเธอคงจะหลับไปแล้ว
“ ไง ทำไมวันนี้กลับบ้านมาซะดึกเลยละครับน้องพลอย “
ในขณะที่ร่างอรชรกำลังจะย่างก้าวเข้าไปที่บ้านหลังเล็กเนื่องด้วยแม่ของเธอมีศักดิ์เป็นเมียน้อย จึงทำให้อาศัยอยู่บ้านหลังถัดไปต่อจากหลังนี้ แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกใครอีกคนดักทางเอาไว้ซะก่อน เขาคนนั้นก็คือลูกชายคนรองเจ้าของบ้านที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอนั่นเอง
เธอไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่และก็ไม่เห็นว่าเขามาทางไหนแต่ที่แน่ๆตอนนี้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเหลือเกิน เนื่องด้วยสถานที่ตรงนี้ไม่ได้มีแสงไฟสาดส่องแถมยังมีความมืดมิดไปหมดทั่วทั้งโซน ถ้าเขาจะทำอะไรเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรือหนีได้เลย ก็ไม่รู้ว่าเทวดาเล่นตลกอะไรนักหนามันทำให้เธอรู้สึกว่าหนีเสือปะจระเข้
“ คะ คุณ วัน อะ เอ่อ มะ มาได้ยังไงคะ “
ปากก็ทำการพูดไปส่วนขาก็ทำการก้าวถอยหลัง สายตาเอาแต่สาดส่องบริเวณโดยรอบหวังเพียงที่จะให้มีใครสักคนเดินเข้ามาเห็น ในใจภาวนาว่าอยากให้ผ่านช่วงเวลาตรงนี้ไปให้เร็วที่สุดจังเลย เธอคิดว่าไม่น่ากลับบ้านมาช้าจนต้องมาเจอกับเขาคนนี้ สู้ยอมโดนให้ผู้เป็นแม่บ่นและด่ายังดีซะกว่า
“ จะไปไหนคะผู้หลักผู้ใหญ่พูดด้วยทำไมไม่ตอบ “
หมับ
