ตอนที่ 1
“ พบตัวแล้วครับนาย ..แต่....”
เสียงคำพูดที่เงียบไป ทำให้ดวงตาที่คมกล้าค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ทว่า เปลือกตานั้นกลับบีบลูกนัยน์ตาอย่างหนักหน่วง อีกทั้งฟันกรามยังขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนออกมาให้เห็น
ฝ่ามือใหญ่สะอาดกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น ด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นมาตลอดคืนที่สุดแสนจะยาวนานเป็นที่สุด มันเจ็บปวดและทรมานอย่างที่คนอย่างเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ แต่ว่า ..ผมฆ่าชายคนนั้น ในขณะที่...มันกำลัง..”
คนสนิทมือดีของเขาเตรียมจะรายงานให้จบ
“ พอ หยุด ..ไม่ต้องพูดอีกแล้ว..”
อัลวาร์ร้องห้ามเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“ นายครับ นายผู้หญิงปลอดภัย..ตอนนี้ผมให้คนของผมพาเธอไปหานายที่บ้านครับ..”
“ พาไปที่ไร่ ..”
จบคำพูดของเขา โทรศัพท์ในมือก็ถูกปิดลง ก่อนจะถูกขว้างลงสู่พื้นหินแกรนิตสีดำ
“ ไงล่ะ ..พี่หวังว่า ..เธอคงไม่กล้าที่จะรับผู้หญิงเลว ๆ คนนั้นมาเทิดทูนให้อยู่ในฐานะเมียได้หรอกนะ..”
น้ำเสียงเยาะหยันของอัมภิกาดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างในชุดแซกโนบราสีดำ เดินเฉียดร่างผ่านหน้าของเขามาแล้วหยุดเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ
“ ใช่ไหม..ไม่รับใช่ไหม..อัลวาร์..เธอบอกพี่มาสิจ๊ะ..”
เขาเมินหน้าไปอีกทาง ด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น
“ หนีจากงานในคืนส่งตัวเข้าหอ ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย ไปกับผู้ชายอีกคน..หายไปด้วยกันทั้งคืน..ยังจะเหลืออะไรให้เธอชื่นชมได้อีก..”
เขายังคงนิ่งเงียบ แต่อัมภิกา กลับลุกไล่ต่ออย่างสาแก่ใจ
“ ไม่สนใจชื่อเสียงของพ่อแม่หล่อน แล้วยังฉีกหน้าเธอ ฉีกหน้าครอบครัวของเรา ..แสดงว่าไอ้ผู้ชายคนนั้น มันต้องมีอะไรดีเหนือกว่าเธอแน่..”
เขาก้มหน้าลง พร้อมกับวางมือทั้งสองลงบนโต๊ะตัวหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้น พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“ หยุดพูดเถอะครับพี่ ..ขอให้ผมได้จัดการเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวผมเอง..”
อัลวาร์ มองหน้าพี่สาวของเขาด้วยสายตาที่เจ้าหล่อนเห็นแล้วต้องหวั่นเกรง
“ นั่นก็หมายความว่า เธอยังเสียดาย อาลัยอาวรณ์มันอยู่ใช่ไหม อยากกินน้ำใต้ศอกไอ้ผู้ชายหน้าโง่คนนั้น เธอไม่มีหนทางที่จะหาผู้หญิงคนใหม่ได้อีกแล้วหรืออัลวาร์..”
“ อัมภิกา..”
เสียงเรียกของนาย สันติพันธุ์ดังขึ้น ทำให้สตรีผู้นั้นหยุดทำร้ายน้องชายด้วยวาจาแทบทันที
“ พอทีเถอะลูก ..อย่าซ้ำเติมอัลวาร์อีกเลย..”
อัมภิกา ยกมือกอดอกพร้อมกับหันหลังเดินห่างออกไป อย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ ทุกคนย่อมต้องมีเหตุผลของตนเองด้วยกันทั้งนั้น ..เรื่องนี้ พ่อขอให้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวก็แล้วกัน ส่วนจะจัดการอย่างไรก็สุดแล้วแต่เถอะนะ ..”
“ แต่แหม พ่อคะ ..จะรับได้หรือคะ ดูสิ หนังสือพิมพ์ลงข่าวเกรียวกราวออกขนาดนี้ ..ภิกาอายนะคะพ่อ..”
“ จะทำอย่างไรได้ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว..”
ชายหนุ่มชำเลืองสายตามาหาบิดาหลังจากนิ่งอยู่สักพัก
“ ผมจะหลบไปสักพักนะครับพ่อ..”
นายสันติพันธุ์ นิ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“ ดีเหมือนกัน..ลูกไปดูแลไร่ให้พ่อก็ดีนะ..ทางนี้ไม่ต้องห่วง ยังมีภิกากับจินไตย อยู่ช่วยพ่อ..”
“ เลยยุ่งกันไปหมด ..นี่อีกไม่นาน พวกบ้านโน้นคงพากันมาที่นี่ เพื่อขอร้องไม่ให้เอาสินสอดคืนกระมัง..”
“ เรื่องยังไม่เกิดนะลูก อย่าตีตนไปก่อนไข้เลย..”
นายสันติพันธุ์ปรามลูกสาวคนโตเบา ๆ
“ ผมไปนะครับพ่อ ..ฝากบอกคุณแม่ด้วย..”
เขาพูดจบก็ยกมือไหว้ลาบิดา พลางชำเลืองสายตามาหาพี่สาวนิด ๆ ก่อนจะก้าวออกจากบ้านตรงไปยังรถคู่ใจของเขาแล้วขับออกไปจากบ้านด้วยความเร็วสูง
.
ตลอดเส้นทางที่ยาวไกล ภาพงานแต่งงานที่แขกเหรื่อมากมาย มันผุดขึ้นมาตรงหน้าของเขา ใบหน้าที่สวยหวานของเจ้าสาวลอยเด่น เธองดงามจนหาที่ติมิได้
ดวงพักตร์ผ่องพริ้ง นัยน์นาเป็นประกายโดดเด่น จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง สวยงามราวดอกกุหลาบแรกแย้ม ผิวพรรณผุดผ่องใส สะอาดหมดจด กริยาเรียบร้อนอ่อนหวานน่าไหลหลง
ฝ่ามือใหญ่กำพวงมาลัยรถแน่น ก่อนจะตบแตรรถดังสนั่น แล้วเหยียบคันเร่งแซงรถคันหน้าไปอย่างรวดเร็ว ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ วริญยุพา ..วริญยุพา ..”
เขาเรียกชื่อของเธอออกมา พร้อมกับขบฟันกรามแน่น ความรัก ความหลงใหล กลับกลายเป็นความเคียดแค้นชิงชังขยะแขยง
ความเรียบร้อย อ่อนโยน ยามที่ใครก็ตามได้อยู่ใกล้ ราวกับว่าโลกทั้งโลกเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น สวยงาม สดชื่นเสียนักหนา
ใครจะล่วงรู้ได้ว่า ผู้หญิงที่ท่าทางดูอ่อนต่อโลก ดูอ่อนเยาว์ อ่อนแอ อ้อนแอ้นอรชร จะมีใจอาจหาญกล้าหนีการแต่งงาน
ไปกับผู้ชายอีกคนหนึ่งในคืนส่งตัวเข้าหอ ได้ ทั้ง ๆ ที่ตกลงก้าวเข้าประตูวิวาห์กับผู้ชายที่มีพร้อมในทุก ๆ อย่าง อย่างนายอัลวาร์ พิเชียรสุธี
ชายหนุ่มขับรถมาด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ไม่เคยผ่อนลงแม้แต่น้อย ในไม่ช้านัก เขาก็เลี้ยวรถเข้าสู่เขตไร่ พิเชียรสุธีในที่สุด
“ นายมาแล้ว ..”
เสียงคนงานหลายคนดังขึ้นเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อเห็นเขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดยังหน้าบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่ ท่ามกลางป่าเขาที่หนาทึบ
“ อยู่ไหน ..”