บทที่ 11
ทั้งหมดออกเดินทางไปยังเหลาอาหารที่หลิวเหล่ยได้จองไว้ ห้องรับรองชั้นสองติดริมหน้าต่าง เพื่อให้น้องสาวของตนชื่นชมบรรยากาศด้านนอก
"พี่รองด้านนอกทำไมวันนี้ช่างครึกครื้นนักเจ้าค่ะ"
"อีกสามวันจะมีงานหยวนเซียว คนต่างเมืองจึงเริ่มเข้ามากันมากเพื่อชมความครึกครื้น ปีนี้แต่ละหอยังมีแข่งขันโคมไฟอีกด้วย" ซูเหมยฮวาดวงตาเป็นประกาย
ทุกคนในโต๊ะอาหารต่างพูดคุยถึงเทศกาลหยวนเซียว ว่าปีนี้หอไหนจะเป็นผู้ชนะ ปีที่แล้วหอเฟยเทียนทำโคมไฟมังกรทะยานฟ้าขึ้นมา จึงได้เป็นผู้ชนะไป ความงดงามตอนโคมไฟหมุนตัวบนท้องฟ้ายังตราตรึงจับใจผู้คนมิคลาย ปีนี้ทุกคนจึงคาดหวังว่าหอเฟยเทียนจะทำโคมไฟเช่นไรออกมา
ทั้งหมดจึงได้นัดที่จะออกไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้ง ระหว่างกลับจวนในรถม้า
"น้องเล็ก เจ้าว่าหรงหลีหมิ่นเป็นเช่นไรบ้าง" ซูเหมยฮวาจะไม่เข้าใจในความหมายของพี่รองได้อย่างไร พี่ชายของนางคงเริ่มทำตัวเป็นเทพชะตาผูกด้ายแดงให้นางเป็นแน่
"น้องเพิ่งเจอคุณชายหรงเองนะเจ้าค่ะพี่รอง เรื่องนิสัยน้องไม่อาจทราบได้ แต่หน้าตานั้นดูดีทีเดียวเจ้าค่ะ" หลิวเหล่ยมองน้องสาวอย่างตกใจ น้องสาวตนช่าง... พูดได้ตรงเสียจริง
ไม่ใช่ว่านางไม่สังเกตหรงหลีหลิ่ว ระหว่างพูดคุยฝ่ายชายลอบมองนางตลอดเวลา แต่มิได้มีท่าทีเขินอายเฉกเช่นบุรุษทั่วไปที่พบนาง ท่าทางของเขาล้วนสง่าสมกับเป็นบัณฑิต การพูดคุยก็ดูเป็นคนมีความรู้ที่หาตัวจับได้ยาก
นางไม่แปลกใจหากพี่รองจะแนะนำหรงหลีหมิ่นให้นาง เขายังมีกลิ่นอายที่นางคุ้นเคยแต่นึกไม่ออกว่าเคยพบกันที่ใดมาก่อน
สามวันที่ผ่านมามิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น และไม่มีแขกมาเยือนในยามวิกาลอีก ทำให้ซูเหมยฮวาวางใจที่จะเที่ยวเล่นคืนนี้อย่างเต็มที่
"ดูแลน้องสาวของพวกเจ้าให้ดี คนมากนักระวังพลัดหลงกับพี่ชายเจ้าด้วยลูกรัก" จางเหลียงกล่าวกับบุตรทั้งสามคน แม้บุตรชายคนโตจะมีวรยุทธ์สูงสามารถดูแลน้องสาวได้ดี แต่คนบิดาก็ยังมิวางใจให้องครักษ์ติดตามไปด้วยอีกหลายนาย
หลิวเหล่ยประคองน้องสาวขึ้นรถม้า แล้วเขาขึ้นไปนั่งกับนาง หวังหย่งยังคงขี่ม้าเช่นเดิม ทั้งสามมาถึงโรงน้ำชาที่จองไว้ก็พบลู่เสียนกับหรงหลีหมิ่นมารออยู่แล้ว
หวังหย่งจองห้องรับรองชั้นสองไว้ตั้งแต่เมื่อสามวันที่แล้วเพื่อให้ได้มองเห็นบรรยากาศด้านนอกทั้งหมด
"ข้าก็คิดว่าคุณชายคุณหนูท่านใดโชคดีได้ห้องที่ดีที่สุดไป คารวะทุกท่านเจ้าค่ะ" ซูเหมยฮวาปรายตามองหลันเฟยหย่า นางนึกว่าวันนี้ตนก้าวเท้าใดออกจากจวนถึงได้ซวยเช่นนี้
ทั้งห้าคนตอบรับคำเพียงเล็กน้อย แล้วสนทนากันต่อ หลันเฟยหย่าเคยเจอเหตุการณ์ที่โดนเมินเช่นนี้เสียที่ไหน
"คุณหนูซู ท่านแม่ทัพเซี่ยมิได้มากับท่านด้วยหรือเจ้าคะ" ใครบ้างจะไม่รู้ว่าหลันเฟยหย่าอยากยั่วโมโหซูเหมยฮวา คงมีแต่คนโง่เท่านั้น วันนี้นางยังเปลี่ยนชื่อเรียกของเซี่ยซีฮั่นอีกด้วย
"คุณหนูหลันกล่าวผิดแล้ว ทุกครั้งที่พวกข้าเห็นท่านแม่ทัพย่อมอยู่เคียงข้างคุณหนูหลันมิใช่หรือ" ซูเหมยฮวายังไม่ทันตอบโต้ พี่รองของนางก็เอ่ยปากเสียแล้ว แม้บุรุษที่ดีจะมิรังแกสตรี แต่ใครให้สตรีนางนี้ตามรังควานน้องสาวตนไม่เลิกเล่า
"คุณชายรองซูกล่าวผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับท่านแม่ทัพเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น" ซูเหมยฮวาคิ้วกระตุก พี่ชายบ้านเจ้าตัวติดกันเช่นนั้นจริงรึ
หลันเฟยหย่าก้มหน้าลงเช่นแม่ดอกบัวขาวที่โดนคนทั้งห้ารังแก แต่ใครจะสนใจนางกัน เป็นนางที่เดินเข้ามาแล้วหาเรื่องใส่ตัวเอง
"คุณหนูหลัน เจ้าเข้ามาในห้องส่วนตัวพวกข้าเพื่อพูดเพียงเท่านี้ หากหมดเรื่องแล้วก็เชิญเจ้ากลับออกไปเสียเถิด" ซูเหมยฮวามิจำเป็นต้องไว้หน้าหลันเฟยหย่า แต่นางก็ยังอยากเห็นว่าหลันเฟยหย่าจะตอบโต้เช่นใด
"คุณหนูซูข้าเพียงเห็นเจ้าแล้วอยากจะพูดคุยเรื่องท่านแม่ทัพเซี่ย เป็นเจ้าเข้าใจข้าผิด" หลันเฟยหย่าน้ำตาคลอบุรุษด้านนอกที่เห็นล้วนอยากเข้ามาปลอบใจ หากนางต้องการพูดคุยกับซูเหมยฮวาจริงจะอยู่หน้าห้องทำไม
คนด้านนอกเริ่มมองกลุ่มของซูเหมยฮวาอย่างตำหนิ ที่รังแกหลันเฟยหย่าเช่นนี้
"ข้าว่ามิมีสิ่งใดที่เข้าใจผิด เป็นเจ้ากับท่านแม่ทัพเซี่ยนัดพบกันที่ตลาดวันนั้น แล้วยังเป็นเจ้าที่นัดให้ข้าออกไปพบจนเกิดเรื่องราว เป็นข้าที่ขาดสติทำร้ายเจ้าวันนั้น แต่ ขะ ข้าก็ยอมถอยออกมาแล้ว เจ้าพูดเรื่องนี้อีกเพื่อสิ่งใด" ซูเหมยฮวาหยิกแขนตนเพื่อให้น้ำตาคลอ การแสดงเช่นนี้นางก็ทำได้
แล้วยิ่งสตรีที่หยิ่งทะนงตนเช่นนาง น้ำตาจวนเจียนจะไหลออกมาเช่นนี้ สร้างความสะเทือนใจให้บุรุษทั้งหลายยิ่งนัก
หลันเฟยหย่าอับอายที่โดนซูเหมยฮวาพูดเรื่องที่คนทั้งเมืองหลวงรับรู้ แม้นางจะอยากแก้ต่าง แต่ด้วยความตกใจก็ทำให้นางทำตัวไม่ถูก ตอนนี้นางออกมาจากตรงนั้นนางยังไม่รู้ตัวเลยว่าใครเป็นคนพานางออกมา (จะใครล่ะจ๊ะถ้ามิใช่เซี่ยซีฮั่น)
"ดูแลคนของท่านให้ดีด้วยท่านแม่ทัพ" หวังหย่งกล่าวกับเซี่ยซีฮั่น เขานึกโมโหทุกครั้งที่พบเจอสหายของตนกับหลันเฟยหย่า เหมือนทั้งคู่จะรู้ทุกการเคลื่อนไหวของน้องสาวตนอย่างไงอย่างนั้น เรื่องนี้เห็นทีเขาคงต้องปรึกษาท่านพ่อเสียแล้ว
เมื่อเหตุการณ์กลับมาปกติ ทั้งหมดก็สนทนากันเช่นเดิม
"เจ้าเจ็บหรือไม่" หรงหลีหมิ่นถามซูเหมยฮวา