บท
ตั้งค่า

แต่งงาน

ภูผา....

หลังจากเข้าพิธีหมั้นผมก็ลากสังขารตัวเองขึ้นมานอนบนห้องโดยไม่สนใจว่าใครจะว่าอะไรจนกระทั่ง...

"ตาภู!!!"

"อะไรแม่ผมง่วง" ผมเอาผ้าห่มคลุมตัวเมื่อได้ยินเสียงแม่

"ตื่นมาคุยกับแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ"

"แม่มีอะไรก็ว่ามาผมฟังอยู่" ผมพูดทั้งที่ตัวยังอยู่ในผ้าห่มเพราะไม่อยากเจอสายตาของแม่

"เมื่อวานถ้าแม่ไม่ขอให้บาสกับกายไปลากตัวเรามาจากคอนโดเราก็คงไม่มางานหมั้นของตัวเองใช่ไหมห๊ะ!!!!" ผมยอมรับว่าผมตื่นไม่ไหวจริงๆไม่ใช่ว่าผมจะหนีงานหมั้นนะถึงอยากจะหนีก็ตาม ถ้าเมื่อวานไอ้บาสไอ้กายไม่ตามไปที่คอนโดผมก็คงหลับยาว ถามว่าทำไมผมถึงกินเหล้าจนเมาขนาดนั้นก็เป็นเพราะผมทำใจไม่ได้ไงที่ต้องหมั้นกับยัยอัยวาผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรยัยนั่นเป็นใครจะอยากถูกจับหมั้นทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

"แม่หวังว่างานแต่งเราจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกนะ"

"งานแต่ง??" 

"ใช่งานแต่งตอนแรกแม่คิดว่าจะรอให้น้องอัยเรียนจบก่อนค่อยหาฤกษ์แต่งแต่พอมาคิดๆดูแล้วแม่ว่ามันนานเกินอีกตั้งสองปีแม่ว่าปิดเทอมนี้แต่งเลยละกัน"

"แม่ผมไม่แต่งหัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่แต่งกับยัยนั่น" ผมลุกขึ้นนั่งแล้วพูดกับแม่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ให้หมั้นก็แย่พอแล้วนี่จะต้องแต่งงานผมไม่ไหวอ่ะบอกเลย

"ไม่แต่งได้ไงหมั้นแล้วก็ต้องแต่ง ถ้าเมื่อวานแกไม่ทำตัวเหลวไหลแม่ก็คงไม่รีบให้แกแต่งกับน้องหรอกถ้าจะโทษก็โทษตัวแกเอง"     แม่แทนตัวผมว่าแกนั่นแสดงว่าแม่กำลังโมโหและโกรธผมจริง

"ผมถามจริงนะแม่ทำไมแม่ถึงอยากได้ยัยนั่นเป็นลูกสะใภ้นัก"

"เพราะแม่รักอัยวายังไงล่ะน้องทั้งน่ารักนิสัยดีเหมาะกับเราดีนะ"

"เหมาะกับผม??"

"ใช่" 

"เหอะแม่คิดได้ไงว่ายัยนั่นน่ารักนิสัยดีอะไรบังตาแม่ให้คิดแบบนั้นเด็กนิสัยไม่ดีเอาแต่ใจชอบดูถูกคนอื่นและที่สำคัญปั้นน้ำเป็นตัวโกหกสร้างเรื่องเก่ง"

"แกไม่ชอบน้องแกเลยมองน้องแบบนั้นแต่แม่รู้จักน้องมาตั้งแต่เด็กแม่ย่อมรู้ดีว่าน้องเป็นคนยังไง"

"ดีแค่กับแม่ไงกับคนอื่นไม่เลยสักนิด" 

"แกก็ดูด้วยสิว่าคนที่น้องทำไม่ดีใส่เป็นคนประเภทไหน ทำไมเราต้องทำดีกับคนที่ทำไม่ดีกับเราด้วยล่ะเป็นแม่แม่ก็ทำดีด้วยไม่ไหวหรอก"

"เข้าข้างกันเข้าไปถ้าวันหนึ่งผมแต่งกับยัยอัยวาจริงๆผมคงโดนไล่ออกจากบ้าน"

"ก็ถ้าแกทำตัวไม่ดีก็เตรียมตัวไว้ได้เลย"

"แม่!!!"

"ไม่ต้องพูดมากแม่ถือว่าแม่บอกให้แกรับรู้แล้วนะเรื่องงานแต่งไว้แม่ไปหาฤกษ์แต่งก่อนแล้วจะมาบอก"

ผมถอนหายใจทิ้งอย่างเบื่อหน่ายหมั้นยังไม่ทันข้ามวันก็ต้องมารับรู้เรื่องแต่งงานอีก ผมต้องคุยกับยัยนั่นให้รู้เรื่อง

อัยวา....

"เมื่อวานทำไมแกไม่ไปงานหมั้นฉันล่ะ" ฉันถามบอมเพราะเมื่อวานมันไม่ได้ไปงานหมั้นของฉันกับพี่ภู

"ฉันเป็นไข้ปวดหัวเลยไม่อยากไป"

"แล้วแกหายดีหรือยัง" ฉันรีบเอามือแตะไปที่หน้าผากของบอมเพื่อดูว่าตัวมันร้อนหรือเปล่าแต่มันก็รีบปัดมือฉันออกอย่างไว

"อย่าทำแบบนี้มันไม่ดีนะเว้ย"

"อ้าวทำไมอ่ะปกติฉันก็ทำแบบนี้นะ"

"ตอนนี้เธอมีคู่หมั้นแล้วอย่าลืมดิ"

"มีแล้วไงแกเป็นเพื่อนฉันนะแล้วก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันคบ"

"แต่ฉันเป็นผู้ชายเธอเป็นผู้หญิงพี่ภูมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี"

"แล้วไงยังไงแกก็เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุดนะแกไม่ต้องคิดมากหรอก"

"อัย" บอมเรียกชื่อฉันแล้วมันก็มองหน้าฉันนิ่งๆ

"หื้มมม"

"เปล่าไม่มีอะไร ขึ้นเรียนเถอะอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว"

"อื้มมม"

ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่าฉันรู้สึกบอมมันเปลี่ยนไป มันไม่ได้เพิ่งเปลี่ยนนะมันเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้นที่ฉันเล่าให้มันฟังเรื่องที่ฉันจะหมั้นกับพี่ภู ซึ่งคนที่รู้ความจริงในคืนนั้นมีแค่สองคนคือป้าพิมพ์กับบอม ตอนที่มันรู้เรื่องมันก็เงียบไปพักนึงเหมือนมันไม่พอใจอะไรบางอย่างแต่มันก้ไม่ได้พูดอะไร หรือว่าบางทีฉันอาจจะคิดมากไปก็ได้

หลายวันต่อมา....

"อ่ะนี่คีย์การ์ดคอนโดห้องพี่ภู ถ้าคิดถึงก็ไปหาพี่เค้าได้นะลูก^^" จู่ๆป้าพิมพ์ก็ยื่นคีย์การ์ดคอนโดพี่ภูให้กับฉัน ฉันรับมาแบบงงๆ

"ตอนนี้ตาภูนอนอยู่คอนโดซะส่วนใหญ่เพราะมันใกล้บริษัทคุณลุงน่ะไม่ใช่ว่าพี่เค้าหลบหน้าหนูหรอกนะ^^" ป้าพิมพ์พยายามพูดเพื่อไม่ให้ฉันคิดมาก

"อ่อค่ะ" ฉันเพิ่งรู้จากคุณป้าว่าพี่ภูต้องไปบริหารงานที่บริษัทแทนคุณลุงพี่ภูก็เลยหาข้ออ้างที่จะไม่กลับบ้านโดยการซื้อคอนโดอยู่แต่ฉันรู้ว่าสาเหตุหลักน่าจะมาจากฉันมากกว่าเขาไม่อยากกลับบ้านแล้วมาเจอหน้าฉัน

"พี่ภูจะไม่ว่าเหรอคะถ้าอัยไปหาที่คอนโด"

"จะว่าได้ไงในเมื่อน้องอัยเป็นคู่หมั้นและอีกไม่นานก็ต้องแต่งงานกัน"

"แต่งงาน??" สารภาพตามตรงคือเรื่องนี้ฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

"ใช่สิลูกหมั้นกันแล้วก็ต้องแต่งงานตอนแรกป้าจะให้แต่งหลังจากที่น้องอัยเรียนจบแต่พอคิดไปคิดมาป้าว่าถ้าจบเทอมนี้ก็จะให้แต่งเลยน้องอัยจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ป้าอย่างเต็มตัวดีมั้ยลูก^^"

"เอ่อแล้วพี่ภูรู้เรื่องนี้หรือยังไงคะ"

"รู้แล้วสิ"

"แล้วพี่ภูว่ายังไงบ้างคะ"

"จะว่าอะไรได้ล่ะ" ฉันรู้ว่าพี่ภูต้องไม่พอใจมากแน่ๆถ้าต้องแต่งงานกับฉัน ถามว่าฉันอยากแต่งงานกับพี่ภูมั้ย ฉันรักพี่ภูความฝันของฉันก็คือแต่งงานกับพี่ภูมีครอบครัวที่อบอุ่นกับพี่ภูแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้รักฉันเลยก็ตาม ฉันผิดมากไหมนะที่คิดแบบนี้ฉันดูเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า ฉันพยายามไม่คิดมากไม่โทษตัวเองแม้จะรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจ

ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าคอนโดพี่ภูฉันมองคีย์การ์ดในมือใจเต้นแรงมากไม่รู้ว่าถ้าเขาเจอหน้าฉันเขาจะทำหน้ายังไง แต่ด้วยความที่ฉันคิดถึงพี่ภูมากฉันก็เลยต้องมาหาเขาถึงที่นี่

ฉันกดกริ่งหน้าห้องพี่ภูอยู่นานหลายนาทีแต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากคนด้านในนั่นก็แสดงว่าพี่ภูไม่อยู่ในห้อง ฉันทำไงดีจะรอให้เขากลับมาหรือใช้คีย์การ์ดที่ป้าพิมพ์ให้มาเปิดเข้าไปรอเข้าข้างในห้องเพราะไม่รู้ว่าเขาจะกลับมากี่โมง

สุดท้ายฉันก็แตะคีย์การ์ดเปิดเข้าไปรอข้างในห้อง ฉันเดินสำรวจห้องพี่ภูซึ่งห้องนี้เน้นคุมโทนสีดำซะส่วนใหญ่เพราะพี่ภูชอบสีดำ

ฉันนั่งรอจนเผลอหลับไปซึ่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่ชั่วโมงแล้วห้องทั้งห้องมืดเพราะไม่ได้เปิดไฟยังดีที่เปิดผ้าม่านไว้ทำให้แสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามาพอให้เห็น

ตี๊ดดด แกร๊ก เสียงประตูดังขึ้นฉันรีบลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองทางประตูด้วยใจตุ้มๆต่อมๆพี่ภูกลับมาแล้วฉันใจเต้นแรงมากเพราะไม่รู้ว่าเขาจะว่าอะไรไหมที่ฉันมารอเข้าในห้องแบบนี้ แต่...เขาไม่ได้กลับห้องมาแค่คนเดียว

สปอยล์....

"หึถึงขนาดมาอ่อยถึงห้องคงอยากมากสินะ" พี่ภูเดินตรงมาหาฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาแต่ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่น่าไว้ใจ

"พะ พี่ภูจะทำอะไร" ฉันรีบลุกขึ้นยืนแล้วก้าวถอยไปข้างหลังพร้อมกับถามพี่ภูด้วยน้ำเสียงที่สั่นเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังฉันติดชิดผนังห้อง

"ฉันก็จะพิสูจน์ยังไงล่ะว่าคืนนั้นฉันได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า" แคว๊กกกกก

"กรี๊ดดดดดดด" ฉันกรี๊ดลั่นห้องเมื่อจู่ๆ พี่ภูก็กระชากเสื้อนักศึกษาของฉันจนขาดติดมือฉันรีบเอามือปิดหน้าอกตัวเองที่ตอนนี้มีเพียงชั้นในสีขาวห่อหุ้ม

............................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel