บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 กลร้ายทรายเสน่หา...ถูกทิ้ง...

การต้องปรับตัวมาเป็นผู้นำครอบครัวแทนมารดาผู้หัวใจสลายจากการต้องสูญเสียทั้งสามีทั้งลูกสาวคนโตอันเป็นที่พึ่งหลักของครอบครัวไป มิลินที่เคยเป็นลูกคนรองหรือคนเล็กมีวิสัยเข้มแข็งห้าวหาญคล้ายบิดา จากที่ไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรมากมายก็สามารถปรับตัวให้กล้าคิดกล้าทำและกล้าตัดสินใจ เพราะต้องนำครอบครัวที่เหลือเพียงมารดากับหลานชายให้อยู่รอดปลอดภัย และตอนนี้เธอจะต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ให้นานที่สุด

แต่ใช่ว่ามิลินจะกล้าหาญเกินความเป็นหญิงโดยไม่กลัวคน แปลกหน้าหรือโจรทะเลทรายชายฉกรรจ์นับสิบคน หากก็มีเหตุผลที่ว่า โจรกลุ่มนี้ไม่มีรัศมีความโหดเหี้ยมแผ่ออกมากระทบความรู้สึกให้นึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงมากมาย และจากที่สังเกตเห็นพวกเขายังดูไม่กักขฬะน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนโจรชั่วทั่วไปอีกด้วย

...ถ้าพวกเขาจะทำร้ายหรือฆ่าเธอก็ทำเสียแต่แรกเจอกันแล้ว...เสียงกระซิบจากจิตสำนึกช่วยส่งพลังความเข้มแข็งในจิตใจของมิลินให้เพิ่มมากขึ้น

มิลินมองจ้องสบดวงตาคมกล้าที่ยิ่งมองก็ยิ่งคลับคล้ายว่าเคย เห็นมาก่อน แต่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างนี้ สมองของเธอคิดแต่เรื่องจะเอาชีวิตรอดกลับบ้าน นั่นคือ เผ่นหนีทุกวินาทีที่มีโอกาส

มิลินชำเลืองมองคนอีกสามคนที่เดินตามมาห่างๆทางด้านหลัง เอาละ ตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ที่สามารถข่มขวัญให้ขาทั้งคู่ของเธอสั่นพั่บๆได้ แต่เธอจะไม่ยอมแพ้

“ปล่อย ฉันเดินเองได้” พยายามรั้งมือออกจากการกุมจับของโจรตาดุที่เดินอยู่ข้างหน้า

“หยุดดีดดิ้น แล้วตามมาดีๆ” เขาคำราม

มิลินโกรธจนอยากกระโดดชกหน้าเขา นายคนนี้พูดจาห้วนกวนโมโหจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ยอมถูกว่าฝ่ายเดียวหรอก

“บ้า ดีดดิ้นอะไร ใครก็รักตัวกลัวตาย ถ้าทางการตามไล่ล่ามาจับตัวพวกนาย นายจะยอมให้จับง่ายๆหรือ” เธอแหวใส่อย่างลืมตัวลืมตาย โจรก็โจรเถอะ ยามโมโหขึ้นมาก็ย้อนได้ด่าได้ทั้งนั้นแหละ

“ก็ไม่ยอมหรอก แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้ารักตัวกลัวตายก็อย่าเรื่องมาก” โจรตาดุขู่สำทับ

“พวกนายตะหากที่หาเรื่องมาให้ฉัน” เธอย้อนกลับ แถมค้อนปะหลับปะเหลือกให้อีกด้วย

“เถียงคำไม่ตกฟากสิน่า” เขาว่าท่าทางฮึดฮัดหัวเสียหนักทำให้ คนเถียงคำไม่ตกฟากจ้องมองเขาตาโต แต่เธอยังไม่ยอมหยุด

“นายบอกมาหน่อยซิว่าจับตัวฉันมาทำไม บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ลูกเศรษฐีมีเงิน” เธอไม่ได้อยากจะคุย แต่พยายามจะใช้การสนทนาถ่วงเวลาให้เขาเดินช้าลง

“ฉันรู้ดีว่าหล่อนเป็นใคร ไม่ต้องถาม เดินตามมาเร็วๆ” เสียงตะคอกของโจรตาดุทำให้มิลินโมโหเดือด

“ฉันมาทำงานให้พระญาติองค์ประมุขเชียวนะ ถ้าพระองค์รับรู้ คงไม่ปล่อยให้โจรอย่างพวกนายได้ลอยนวลอยู่นานหรอก อย่างน้อยก็ต้องทรงนึกถึงไมตรีที่สองประเทศมีสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน” พูดไปแล้วเธอก็นึกภาวนา...ขอให้เป็นจริงอย่างที่คิดเถอะ...

“ก็แค่นางรำรับจ้างคนหนึ่งหายไป จะสำคัญอะไรนักหนา” น้ำเสียงดูหมิ่นทำเอามิลินแทบเต้นผาง จิตสำนึกทำท่ากางเล็บอยากจะข่วนหน้าควักลูกตาดุๆออกมาขว้างทิ้ง...เอาเลย...เธอสนับสนุน

“คอยดูเถอะ ไม่นาน พวกนายก็ต้องถูกจับ” เธอว่า ลอบชำเลืองมองถนนเห็นรถยังจอดนิ่งอยู่ก็อุ่นใจ รีบคิดหาวิธีกลับไป แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อเขาปล่อยมือ

...เผ่นเร็ว...จิตสำนึกตะโกนลั่น

ในเสี้ยววินาทีชีวิต มิลินหันหลังกลับโจนทะยานออกมาข้างหน้าวิ่งซอยเท้าเข้าหาถนนโดยไม่เหลียวหลัง...ไปเลย...เร็ว...เร็ว...จิตสำนึก ร้องเชียร์เหมือนกำลังเชียร์กีฬา

...เร็วกว่านี้มิลิน...เร็วอีก...คำร้องเตือนสุดท้ายจากจิตสำนึกดังขึ้น แต่ก็สายเสียแล้ว เพียงครึ่งทางมิลินก็ต้องกรีดร้องสะบัดแขนจากมือที่เอื้อมมาจับ และหันมาจ๊ะเอ๋กับอีกคนตรงหน้า

โจรตัวผอมสูงคว้าหมับจับข้อมือแน่น มิลินเซถลาเข้าหาพร้อมกับเหวี่ยงขาเตะหน้าแข้งเต็มแรง โจรร้องลั่น พลันก็ฝังฟันคมบนหลังมือของโจรอีกคนแล้วสะบัดตัวหลุดออกวิ่งอีกครั้ง

คราวนี้มิลินวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แต่หนทางที่วิ่งมาก็ทุลักทุเลเหลือทน ส้นรองเท้าบู้ตสูงนิ้วครึ่งกลายเป็นอุปสรรคให้วิ่งเร็วไม่ได้ดังใจ เธอหลับหูหลับตาวิ่งเท่าที่แรงทั้งหมดจะเร่งฝีเท้าได้ แต่พอลืมตาอีกทีถนนตรงหน้ากลับมีแต่ความว่างเปล่า รถที่เคยเห็นจอดนิ่งกำลังวิ่งออกไป เธอใจหายวาบส่งเสียงร้องเรียกลั่น

“รอด้วยยย...รอฉันด้วยยย...” เธอวิ่งตามทั้งตะโกนทั้งกวักมือหวังว่าคนในรถจะเห็นจะได้ยิน แต่ยิ่งวิ่งตามรถกลับวิ่งห่างออกไป

...สามคนนั่นต้องบ้าแน่ที่กล้าทิ้งคนที่ช่วยชีวิตพวกเขา...จิตสำนึกร้องว่าด้วยความโมโหเดือด พวกเขาทำเหมือนกำลังหนีจากเธอไปอย่างนั้นแหละ

“อย่าเพิ่งไป...กลับมารับฉันด้วย”

เสียงของมิลินปลิวหายในอากาศพร้อมกับความหวัง เมื่อไฟท้ายรถหายลับไปต่อหน้าต่อตา แต่เธอยังวิ่งต่ออย่างไม่คิดจะหยุด แม้ถนนมืดจะว่างเปล่าก็ไม่ได้ทำให้เธอหมดหวังเสียทีเดียว

...ตราบใดที่ยังอยู่บนถนนก็น่าจะยังปลอดภัย...จิตสำนึกกระซิบบอกก่อนจะวิ่งแซงหน้าไป เธอคาดหวังอย่างแรงว่าจะมีรถอีกคันหรือหลายคันวิ่งตามหลังมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

แต่ความหวังของมิลินต้องอันตรธานในพริบตา เมื่อเหลียวมองเห็นคนขี่อูฐวิ่งไล่หลังมา...ให้ตายเถอะ...จิตสำนึกสบถลั่น เมื่อเทียบความยาวของขาเธอกับขาอูฐ...ให้ตายสิ...คราวนี้คำสบถออกมาจากปาก...ขาเธอกับขาอูฐเนี่ยนะ...แม้จะรู้ว่าเสียเปรียบความยาวของขามิลินก็ไม่ยอมหยุดวิ่ง...วิ่ง...วิ่ง...วิ่ง...ยิ่งวิ่งก็เหมือนกำลังวิ่งถอยหลัง เพราะร่างที่ตามมาทั้งอูฐทั้งคนเริ่มใกล้เข้ามา

“...กรี๊ดดดด...”

มิลินกรีดเสียงสุดกำลัง เมื่อร่างเจ้าขายาวขนตางอนที่เธอเคยชื่นชอบไล่ตามมาทัน มันวิ่งแซงหน้าหันกลับมายืนขวางอยู่กลางถนน...อย่ายอมนะ วิ่งอ้อมมันไป...จิตสำนึกชี้แนะ...เธอจึงไม่ชะลอฝีเท้าก้าวซอยถี่จะวิ่งเลี่ยงตัวมันแต่กลับไปไม่รอด

“ไอ้บ้า ปล่อยนะ” เธอกรีดเสียงอย่างเสียขวัญ

สองมือกำเป็นกำปั้นทั้งทุบทั้งฟาดใส่ร่างกายคนที่เข้าคว้าตัวพาแบกขึ้นบ่า มิลินฟาดแล้วฟาดอีกเท่าที่แรงผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ แต่คนถูกทุบฟาดกลับนิ่งเฉยไม่แสดงอาการสะทกสะท้าน เขาพาตัวเธอตรงมายังเจ้าอูฐตัวดีที่วิ่งไล่ตามมาทัน เธอนึกเกลียดมันเข้าไส้

...ถ้ามีโอกาสฉันจะเตะแกสักทีสองที...จิตสำนึกอาฆาต ต้องการลงโทษเจ้าอูฐที่อยู่ข้างคนไม่ดี

“ดีดดิ้นดีนัก...เผี้ยะ...”

แรงฟาดจากฝ่ามือใหญ่ทำให้มิลินหยุดดิ้นนิ่งงันไปชั่วขณะ...โอย...ฉันโดนโจรทะเลทรายฟาดก้น...ใจเธอร่ำร้อง แรงเจ็บทำให้เธอยิ่งพยศหนัก ทั้งดิ้นทั้งร้อง ก่อนจะถูกกระแทกลงวางบนผ้าคลุมหลังอูฐ

“อึ้ก” เธอสะอึก ความจุกเสียดวิ่งแล่นทั่วหน้าอกหน้าท้อง

แต่พอเขาจับยกนั่งซ้อนหน้ามิลินก็เหวี่ยงศอกแหลมเข้ากระแทกกลางตัวเขาสุดแรง เธอไม่เสียเวลารอดูผลงาน ร่างปราดเปรียวเผ่นแผล็วลงจากหลังอูฐวิ่งล้มลุกคลุกคลาน ไม่คิดจะยอมให้ถูกจับตัวไปง่ายๆจะเป็นจะตายเธอต้องใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่ให้สุดกำลัง

“บ้าจริงหยุดนะ” เสียงสบถจากผู้ถูกคมศอกดังไล่หลังมา

...วิ่ง...วิ่ง...จิตสำนึกร้องสั่งเคร่งเครียด

ความรีบเร่งทำให้มิลินสะดุดล้มหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เธอโผขึ้น จากพื้นก็ถูกลำแขนแข็งแรงคว้าตัวเอาไว้ เธอทั้งร้องทั้งดิ้นพัลวันแล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

นายโจรฮุกหมัดเข้าใส่ท้องน้อยอ่อนๆของเธอแบบไม่ออมแรง ลมหายใจของเธอสะดุดก่อนจะทรุดฮวบลงต่อหน้าเจ้าของหมัด อาการเจ็บจุกแน่นแล่นร้าวอยู่ทั่วซีกตัวด้านหน้าขณะที่ร่างถูกคว้าอุ้มกลับมาขึ้นหลังเจ้าขายาวขนตางอนตัวเก่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel