ตอนที่ 3 พี่ชายข้างบ้าน
เสียงลงบันไดอย่างรวดเร็วตั้งแต่เช้าทำให้ดาวเรืองหันมอง เห็นบุตรสาวยิ้มกว้างสีหน้ายินดีราวกับพบเจออะไรมา น่าแปลกไม่กี่วันเหตุใดบุตรสาวถึงอารมณ์ดีหรือโรงเรียนใหม่มีเรื่องน่าสนุกกัน
“แม่คะมิไปเรียนก่อนนะคะ” หล่อนบอกมารดาแล้วรีบวิ่งไปหน้าประตูบ้าน
ดาวเรืองยิ่งมองยิ่งสงสัยกับอาการของบุตรสาว
รถยนต์คันเดิมจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน มิลันดาเดินมาถึงมันแล้วเปิดแต่กลับต้องชะงักเมื่อพบว่ามีหญิงสาวแปลกหน้านั่งจองอยู่
“น้องมิวันนี้นั่งเบาะหลังนะครับ พอดีพี่ไปรับแฟนมาด้วย” เจ้าของรถบอก
มิลันดารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เม้มริมฝีปากปิดประตูลงเช่นเดิมแล้วนั่งลงบนเบาะด้านหลังแทน หล่อนดีใจทุกวันที่ได้พบหน้าพูดคุยกับพี่คม ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีแฟนแล้ว รู้สึกเหมือนตนเองโง่งมสิ้นดี หลงระเริงดีใจไปได้แทนที่จะคิดตรึกตรองให้ดีเสียก่อน
“ใครหรือคะคม?” กานต์สินีหันมาถามแฟนหนุ่ม
“ลูกสาวเพื่อนพ่อครับกานต์”
“เหรอคะ แล้วคุณจำเป็นต้องไปรับไปส่งด้วยเหรอ!”
“ใช่ครับ ทำไมเหรอ ผมต้องไปทางเดียวกับน้องมิอยู่แล้ว” คมฉณัฐตอบตามตรง
“กานต์ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ อย่าใจดีกับคนอื่นมากไปนะคะคม คุณน่ะเป็นคนแบบนี้เสมอผู้หญิงถึงได้เข้าใจผิดไปหมดนึกว่าคุณมีใจให้!” หล่อนจงใจพูดกระทบให้เด็กสาวด้านหลังรู้ว่าใครกันแน่เป็นตัวจริง
คนนั่งเบาะหลังกำมือแน่นทนฟังน้ำคำถากถามตลอดเส้นทาง พี่คมไม่ปริปากพูดอะไรออกมา และหล่อนก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แค่นี้ก็แทบกล้ำกลืนฝืนทนไม่ไหวแล้ว ถึงหน้าโรงเรียนเด็กสาวเปิดประตูรีบลงไม่สนใจหันกลับมามองอีกเลย กานต์สินีเบ้ปากแสดงท่าทางไม่พอใจ สงสัยเด็กนั้นคงชอบแฟนหล่อนจริงๆ
“เด็กอะไรไร้มารยาท!” กานต์สินีบ่น
“พอเถอะกานต์ ตลอดทางคุณพูดจาใส่น้องมิในเชิงไม่ดี ผมไม่อยากต่อว่าคุณต่อหน้าน้องมิผมเลยเงียบไว้ แต่ผมอยากให้คุณรู้จักรักษามารยาทบ้าง”
“ทำไมกานต์จะต้องรักษามารยาทกับเด็กกะโปโลอย่างนั้นด้วย ใครจะทนได้คะถ้าหากมีคนที่ชอบแฟนตัวเองนั่งอยู่ในรถมาด้วย”
“ไม่จริงหรอกกานต์คุณคิดมากไป น้องมิไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอก” เขาแย้ง
“คุณไม่เชื่อก็คอยดูแล้วกัน!”
ชั่วโมงคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ชอบมาก หล่อนมักตั้งใจเสมอแต่วันนี้มันผิดกว่าทุกวัน ในอกสั่นไหวน้ำตาปริ่มจนขอบตาแดง อึดอัดเหมือนคนกำลังจมน้ำ คำพูดของแฟนพี่คมก้องในหู ตลอดคาบมิลันดาไม่อาจบังคับตนเองให้สนใจกับการเรียนได้อีกเลย เมื่อสัญญาณการเลิกเรียนดังหล่อนเลยเก็บกระเป๋าออกจากห้องทันที
สองเท้าก้าวมาจนถึงหน้าโรงเรียนเห็นรถคันเดิม เขามาทำไมอีก มิลันดารีบชิ่งจนหันมาชนเพื่อน
“มิเป็นอะไร?” เพื่อนถาม
“เราไปก่อนนะ” มิลันดาบอกเพื่อนแล้วรีบวิ่งหนีออกไปด้านหลังโรงเรียน
หล่อนโบกแท็กซี่กลับบ้านทันที ดางเรืองเห็นบุตรกำลังจะวิ่งขึ้นชั้นบน น่าแปลกที่วันนี้พ่อคมไม่ได้มาส่งบุตรสาวเช่นทุกวัน
“วันนี้ไม่ได้กลับบ้าน กับพี่คมเหรอ?”
“ไม่ค่ะ แม่คะต่อไปนี้เลิกให้พี่คมมารับหนูสักที เราต้องเกรงใจพี่เค้าบ้างนะคะพี่เขามีแฟนแล้วให้เขาไปรับส่งแฟนเขาเถอะค่ะแม่” หล่อนบอกมารดาแล้วเดินขึ้นห้องทันที
“วันนี้เป็นอะไรไปนะลูกสาวแม่แปลกชอบกล” ดาวเรืองบ่นกับตัวเอง
คนรอมองนาฬิกาข้อมือตนเอง สุดท้ายตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงเรียน เขาไม่พบใครเลยนอกจากห้องเรียนว่างเปล่า มิลันดาหายไปไหนกันแน่ ชายหนุ่มตัดสินใจขับรถออกมาเพื่อเดินทางกลับมายังบ้าน เมื่อจอดรถเขารีบเดินไปข้างบ้านเพื่อสอบถามเรื่องเด็กสาว
“มาทำอะไรเหรอคม” ดาวเรืองถามเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน
“น้องมิกลับมาหรือยังครับ”
“กลับมาแล้วจ้ะ เดี๋ยวไปตามให้นะ รอแป๊บเดียว”
คนอกหักนอนสะอื้นบนเตียง การกระทำของพี่คมทำให้หล่อนสับสน เหตุใดเขาต้องทำดี ทำให้หล่อนรู้สึกมีหวังขึ้นมา เสียงฝีเท้านอกห้องมิลันดารีบปาดน้ำตาออกแล้วฟุบหน้าแสร้งหลับ
ก๊อก ก๊อก
ดาวเรืองเคาะห้องบุตรสาวแล้วเปิดออก หล่อนเห็นลูกกำลังนอนอยู่ ปกติยัยมิไม่ใช่เด็กชอบนอนตอนเย็น หรือสองคนกำลังมีปัญหากันอยู่
“มิ พี่คมเขาแวะมาหา ลูกลงไปเจอพี่เขาหน่อยสิ” ดาวเรืองบอก
“แม่ช่วยไปบอกพี่เขาทีนะคะว่ามิไม่สบาย” มิลันดาปฏิเสธ แสร้งทำเสียงแหบตอบมารดา
“ไม่สบายเหรอลูก ขอแม่เข้าไปดุหน่อย” ดาวเรืองเดินเข้าห้องนั่งลงบนเตียงใช้หลังมือแตะหน้าผากลูกเพื่อวัดไข้ “ตัวไม่เห็นร้อนเลย”
“มิเวียนหัวนิดหน่อย ขอพักนะคะแม่ ไม่อยากไปเจอพี่คมตอนนี้”
อาการบุตรสาวแปลกเสียแล้ว ดูท่าข้อสันนิษฐานคงจริง สองคนต้องมีเรื่องอะไรกันมา
“งั้นก็นอนพักแล้วกันลูก แม่จะลงไปบอกพี่คมให้”
คนเป็นแม่ก้าวออกจากห้องปิดประตูลงตามเดิม ลงมาชั้นล่างคมฉณัฐนั่งรออยู่ในห้องรับแขกสีหน้าเครียดขรึม เธอยิ้มบางๆ
“คมจ๊ะ น้องไม่ค่อยสบาย พรุ่งนี้มาใหม่ก็แล้วกันนะ”
“อ่อครับ ถ้างั้นผมลากลับก่อนนะครับ” เขายกมือไหว้แล้วเดินออกจากตัวบ้าน