ตอนที่ 5
เธอบอกเขาแทบทันที แต่เขากลับไม่ปล่อย
“ช่วยเก็บเอกสารและกระเป๋าให้ผมด้วยครับ..”
เขาหันไปบอกกับพนักงานสองคน ที่เขาจำได้ว่าทำงานอยู่ในแผนกของเขา ก่อนจะอุ้มเธอเดินตรงไปยังลานจอดรถ
“รถฉันคันโน้น..”
เธอรีบบอกเขาทันที ทำให้เขาอมยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจเมื่อพาเธอไปส่งที่รถ แต่เธอยังไม่สามารถจะยืนได้ เมื่อเขาวางร่างเธอลงที่พื้น ก็ทำให้เธอต้องรีบนั่งลงแทบทันทีและยกมือกุมที่ข้อเท้า
“นี่ครับ..”
พนักงานของเขานำเอกสารและกระเป๋าของเธอมาส่งให้ เธอจึงรีบเปิดกระเป๋าหยิบลูกกุญแจรถออกมากดรีโมทเปิดแล้วพยายามจะคลานขึ้นรถท่ามกลางรอยยิ้มของเขา
“หัวเราะอะไรไม่ทราบคะ ที่ฉันเป็นแบบนี้ เพราะคุณ..”
“จะขับรถได้หรือครับ..”
“เกียร์อัตโนมัติ ทำไมจะขับไม่ได้..”
เขาเลิกคิ้วสูง เมื่อเธอนั่งลงยังเบาะด้านหน้าประจำที่คนขับ ในขณะที่เขาย่อกายลงนั่งที่พื้นแล้วยื่นมือไปคว้าข้อเท้าของเธอ
“จะทำอะไร..”
เธอเอ็ดเขาเบา ๆ พลางมองไปรอบตัว หากแต่เขากลับไม่สนใจ เขาวางมือลงที่ข้อเท้าข้างที่เจ็บของเธออย่างทะมัดทะแมง แล้วกระตุกอย่างเร็วและแรง
“โอ๊ย”
เธอร้องลั่น แล้วก็ต้องรีบยกมือปิดปากทันทีเมื่อเห็นผู้บริหารและพนักงานหลายคนกำลังเดินไปยังรถของตน
“ลองเดินสิครับ..”
เขาบอกเธอพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วถอยห่างออกมา ความเจ็บปวดที่แสนทรมานเมื่อครู่ดูจางลง เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเดินมันรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า แต่เพียงครู่เดียว เธอก็สามารถทรงตัวยืนได้
“ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำเสมอครับ..”
“แต่เสียมารยาทที่สุด เรื่องอะไรคุณมาแอบดูแบบบ้านของฉัน..”
เขาเลิกคิ้วสูงเมื่อมองหน้าหวานละไมของเธอที่จ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“ผมสงสัยว่าเป็นแบบที่มีอยู่ก่อนแล้ว หรือเป็นแบบที่เพิ่งร่างเสร็จ..”
“มันเรื่องของฉัน..”
เธอพูดจบก็หมุนร่างกลับเข้ารถสตาร์ทออกไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของเขา
“คนบ้า..”
เมื่อมาถึงบ้าน เธอเตรียมจะก้าวลงจากรถ แต่พอมองไปเห็นแฟ้มเอกสารและกระเป๋าของตัวเองก็พาลทำให้นึกถึงเขา กลิ่นโคโลญจ์ที่เขาใช้กับกลิ่นของเรือนกายยังคงติดตรึงอยู่ตามเนื้อตัวและปลายจมูกเล็กที่โด่งเป็นสันอย่างสวยงามของเธอ
เธอก้าวลงจากรถพร้อมกับแฟ้มเอกสารและกระเป๋า แต่พอก้าวเดินยังรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าก็ยิ่งนึกโกรธเขา เธอรีบขึ้นห้องอาบน้ำแต่งตัวเป็นชุดอยู่บ้านแบบสบาย ๆ สวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกระโปรงสั้นสีครีมนวลดูกลมกลืนกับสีผิว เรือนผมดัดหยิกปล่อยสยายดูสบายหากแต่น่ารักเหมือนตุ๊กตาหวาน ๆ ปากแดง แก้มแดง ตากลมสดใส
“คุณพิมพ์ขา เสร็จหรือยังคะ คุณท่านเชิญค่ะ..”
“ยังไม่หิวค่ะ ..”
เธอร้องบอกแม่บ้านเมื่อดึงแฟ้มงานมาเปิดออก หมายจะตรวจดูเค้าโครงแบบบ้านที่เธอร่างเอาไว้
“คุณท่านให้หาค่ะ..ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ คุณท่านทั้งสองรอ..”
เธอจำต้องเก็บงานไว้บนโต๊ะแล้วรีบเดินลงไปตามบันไดหินอ่อน แต่แล้วสายตางามก็สะดุดที่ร่างของใครคนหนึ่ง ซึ่งดูคุ้นตาอย่างมาก
“ลูกพิมพ์ มาทางนี้สิลูก..”
คุณอรวรรณร้องเรียกเมื่อมองเห็นเธอ ที่เตรียมจะวิ่งกลับขึ้นบันได ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างหันไปมองตามสายตาของหล่อน แล้วก็ได้เห็นสาวน้อยที่สวยพราวดูสะคราญตา ไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็ดูสบายตา
หัวใจที่แข็งแกร่งของรชานนท์ต้องไหวหวามเมื่อได้เห็นผิวเนื้อนวลที่เนียนกริบดูสะอาดหมดจด ดวงหน้าหวานใสไร้เครื่องสำอาง พวงแก้มขาวอิ่มระย้าแดงระเรื่อ ปลายจมูกเล็กโด่งเป็นสันสวยงามรับกับริมฝีปากรูปกระจับที่อมชมพูอย่างน่ามอง ดวงตากลมโตสดใสเหมือนพูดได้
เขาลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ไม่นึกว่าจะได้เห็นเธอในสภาพนี้ จากหญิงสาวที่สวมสูททำงานหน้าตาเคร่งขรึม กลับกลายเป็นสาวน้อยร้อยชั่งที่เหมือนตุ๊กตาหวาน ๆ ดูสบายตาไปทุกสัดส่วนกับเครื่องแต่งกายแบบสบาย ๆ ของเธอ
“นี่คุณป้าอนงค์กร กับคุณรชานนท์..”
เธอกระพุ่มมือไหว้หญิงวัยไล่เลี่ยกับแม่ของเธอ ก่อนจะปลายตาไปมองหน้าเขาชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่สวมเสื้อยืดสีขาวคาดน้ำเงินกับกางเกงยีนส์สีเข้ม เขาถอดคราบของนักธุรกิจที่คล่องแคล่วสวมสูทราคาแพง หน้าตาเคร่งขรึมออก เหลือเพียงชายหนุ่มหน้าใสตาคมปากแดงจมูกโด่งคนหนึ่งที่หล่อเหลาดูภูมิฐาน
“แม่เชิญคุณป้ากับคุณรชานนท์มาทานอาหารค่ำ ..”
คุณอรวรรณหันไปบอกเธอเมื่อ
“หนูพิมพ์คงได้พบกับรชาที่บริษัทแล้วนะลูก..”
คุณอนงค์กรเอ่ยถามพลางพิศมองเครื่องหน้า ผิวพรรณวรรณะของเธออย่างละเอียดและพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ค่ะ..”