ตอนที่ 1
กรุ่นกลิ่นไอรัก.. by คีตะธารา
ประเภท : วรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
นิยายขนาดสั้น
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามลอกเลียนไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้มิฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
จัดจำหน่ายในรูปแบบ EBOOK , EPUB , หนังสือ
งานวรรณกรรม ภายใต้นามปากกา “คีตะธารา”
ได้จดลิขสิทธิ์เอาไว้ทุกเล่ม
ห้ามมีการคัดลอก ดัดแปลงหรือลอกเลียนไม่ว่าจะด้วยเทคนิคการตัดต่อหรือใด ๆ ที่ส่อเจตนาว่าละเมิดผลงานทุกกรณี แม้จะเป็นการคัดลอกในบางส่วนที่ชื่นชอบเอาไปใส่ในงานเขียนของตนล้วนมีความผิดทางกฎหมายทั้งสิ้น
.....................................................................
เครื่องดื่มผสมในแก้วแชมเปญถูกยกมาเสิร์ฟให้ชายหนุ่ม วัยสามสิบยังโต๊ะตัวหนึ่งในบาร์ชั้นดี ที่มีเสียงเพลงคันทรี่ขับกล่อมอย่างไพเพราะ
“รชา นายดูผู้หญิงคนนั้นสิ สวยเป็นบ้า..ดูรูปหน้าเรียว เรือนร่างบางโปร่งดูกลมกลึงได้สัดส่วน ดูส่วนเว้า ส่วนโค้งส่วนนูนสิ ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากนึกถึงเนื้อแท้ตอนที่ไม่มีอะไรปกปิดเลย..”
เมธีกระซิบและชี้ชวนให้เพื่อนชายทั้งสองมองไปยังทางเข้าผับที่เห็นหญิงสาววัยยี่สิบเศษเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อสาววัยเดียวกันอีกสองคน กำลังมองหาที่นั่ง
เจ้าหล่อนสวยหวานดูอ่อนโยนจริงอย่างที่เมธีบอก แต่ไม่ได้ทำให้คนอย่างรชานนท์หวั่นไหวสักเท่าไหร่ เขายังคงจิบเครื่องดื่มผสมในแก้วอย่างใจเย็น
“ผู้หญิง ไม่ต่างอะไรกับเหล้า มีหลายแบบ หลายยี่ห้อ แต่ที่เหมือนกันก็คือ พอได้ดื่มได้ชิมก็ต้องเมา หลังจากเมาก็ส่าง..”
รชานนท์เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อยกแก้วแชมเปญขึ้นมองเครื่องดื่มในนั้น
“คนก็รู้ว่าดื่มเข้าไปแล้วต้องเมา มึนงง ขาดสติ แต่ก็ชอบ โดยเฉพาะผู้ชาย ทั้งที่รู้ว่าเหล้าไม่มีประโยชน์..”
เขาหันไปมองหน้าเพื่อนของเขาอีกสองคนคือเมธีกับรุ่งเกียรติ
“ผู้หญิงก็เหมือนกัน ให้ความสุขเพียงชั่วขณะ พอเวลาผ่านเลย ก็หมดความหมาย..”
“อย่างงั้นหรือวะรชา ผู้หญิงไม่มีประโยชน์เหมือนเหล้าจริงหรือ..”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นที่นายมานั่งดื่มแบบนี้เพราะอะไร..”
“เพราะผู้หญิง..ผู้หญิงคนนั้น..”
เขาเน้นเสียงเมื่อภาพใบหน้าที่หวานละไมในกรอบผมที่ดัดหยิกยาวเต็มแผ่นหลังอย่างทันสมัย ดวงตาสดใสบริสุทธิ์แล้วรอยยิ้มที่หวานจับใจของเธอทำให้เขาเพ้อคลั่ง แล้วที่กระชากหัวใจของเขาให้เจ็บแปลบคือคำพูดที่เป็นน้ำเสียงเสนาะหู มันกรีดกระหน่ำหัวใจของเขาให้เป็นแผลฉกรรจ์
“ผู้ชายน่ะหรือ สำหรับฉัน ไม่มีความหมายเลยสักนิด ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าจะเอาผู้ชายมาทำอะไร..เพราะทุกอย่างที่ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้..หากจะหมายถึงเรื่องเพศ ใช่เฉพาะชายคู่หญิงเท่านั้น หญิงก็คู่หญิงได้ เหมือนเธอกับฉันไง ไม่เห็นต้องใช้ผู้ชายให้วุ่นวายเลย..”
คำพูดของเธอหญิงสาวที่เขาแอบหมายตาว่าจะต้องเป็นเธอเท่านั้นสำหรับเขา มันทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบ และทุกครั้งที่นึกถึงภาพใบหน้าที่หวานละไม รูปกายที่เย้ายวนดูหวามไหวทุกครั้งที่ได้พบเห็น รอยยิ้มพิมพ์ใจที่ดูหวานหมดจด
ดวงตากลมโตที่ฉ่ำหวานเหมือนอาบด้วยน้ำผึ้งที่หวานอย่างละเมียดชวนหลงใหลใคร่ลิ้มรสและครอบครองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
แต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนของเธอก็อดที่จะทำให้เขาเจ็บปวดเสียไม่ได้ ทำไมนะผู้ชายที่หล่อเหลาและเพียบพร้อมอย่างเขา มีแต่ผู้หญิงจะวิ่งไล่ตามและหาทางจับจองเป็นเจ้าของ ขอเพียงมีโอกาสได้รับรอยยิ้มจากเขาเพียงครั้งพวกหล่อนก็แสนจะยินดี
แล้วทำไมเธอคนนั้นถึงไม่ใส่ใจเขา ทั้งที่เขาก็ชอบพอเธอและมีใจให้อย่างเปิดเผย แต่ดูเหมือนเธอจงใจจะสร้างกำแพงเพื่อปกป้องตัวเอง นอกจากจะไม่ให้ใครก้าวเข้าไปใกล้แล้ว เธอยังสร้างมันเพื่อป้องกันตัวเองที่จะไม่ปีนข้ามกำแพงออกมาหาใครอีกเช่นกัน
“อาภาพิมพ์..”
รชานนท์เอ่ยชื่อของเธอออกมาก่อนจะสาดเหล้าในแก้วลงคอรวดเดียวหมด
“อย่าบอกนะว่านายอกหัก..”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็กรรมตามสนองแล้วล่ะรชา..ทำไว้เยอะนี่ เสน่ห์ของนายทำให้ผู้หญิงหลายคนนอกจากอกหักแล้ว บางคนเสียใจจนแทบคลั่งก็มี..”
ทั้งรุ่งเกียรติและเมธีต่างเอ่ยออกมาเมื่อหันกลับไปมองหน้าเขา
“แต่ฉันต้องได้ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน..”
“ใคร..”
รชานนท์นิ่งไปชั่วครู่ รอจนพนักงานรินเหล้าลงแก้วให้แล้วก้าวห่างออกไป
“ลูกสาวคนเล็กของหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทฉัน ท่านผู้กำกับก้องเกียรติ..เธอชื่อ อาภาพิมพ์”
“เฮ๊ย..ได้ข่าวว่าสวยมากนี่หว่า เพิ่งเรียนจบแล้วบินลัดฟ้ากลับมาเมืองไทยเมื่อสามเดือนที่แล้ว ยังได้รับเลือกเป็นแบบปก ได้ค่าตัวถ่ายแบบปกนิตยสารชื่อดังพร้อมกันตั้งห้าฉบับ..ได้เงินเป็นสิบล้านเพียงชั่วพริบตา”
เมธีนึกแล้วเอ่ยออกมา เมื่อหันไปมองหน้าเพื่อนรักทั้งสอง
“แล้วมีปัญหาอะไร..”
คำถามของรุ่งเกียรติทำให้รชานนท์ ต้องสาดเหล้าลงคออีกหลายแก้ว
“เธอเบี่ยงเบนทางเพศ เธอมีคู่ควงเป็นผู้หญิง..จนมองไม่เห็นความสำคัญของผู้ชายอย่างเรา..แล้วฉันจะเอาหน้าที่ไหนเข้าไปจีบ..”
“เวรกรรม..”
เมธียกมือตบหน้าผาก
“หนามยอกมันต้องเอาหนามบ่ง..”
“ทำยังไง..”
เขารีบถามรุ่งเกียรติทันที หากแต่รุ่งเกียรติกลับยิ้มแหย ๆ พลางส่ายหน้า
“นึกไม่ออก..”
“โธ่เอ๊ย..”
“เอาน่ากลับไปคิดเป็นการบ้าน อย่างน้อยก็มีช่องทางแล้วนี่ หนามยอกเอาหนามบ่ง..ใช่ไหมรุ่งเกียรติ..”
“ใช่..”
รชานนท์ส่ายหน้าไปมาพลางถอนใจยาวออกมาเบา ๆ ก่อนจะมองไปยังสตรีสาวสวยสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เจ้าหล่อนชะไม้ชายตามาหาเขาพร้อมกับชูแก้วเหล้าให้อย่างหมายเชื้อเชิญกึ่งท้าทายอยู่ในที
“แต่ฉันว่า ก่อนจะหาช่องทางได้ เรากินอาหารตรงหน้ากันก่อนดีไหม..”
เมธีกระซิบถาม เมื่อเห็นอากัปกิริยาของเจ้าหล่อนทั้งสองคน
“ไม่ล่ะ ฉันกลัวจะเป็นอาหารเคลือบยาพิษ..ขอกลับบ้านไปนอนคิดแผนการดีกว่า ยกให้นายสองคนแล้วกัน..”
เขาพูดพร้อมกับหยิบเงินสดออกมาวางไว้ เพื่อเป็นค่าเครื่องดื่ม ก่อนจะลุกเดินออกไปท่ามกลางสายตาของสองสาวที่มองไปอย่างเสียดาย แต่ก็ไม่นานนักเมื่อตวัดสายตากลับมาเห็นเมธีกับรุ่งเกียรติชูแก้วเหล้าให้หล่อน