ตอนที่ 1 ปัญหาชีวิต
เรื่อง...กระต่ายน้อยเช่าลุง
นิยายเรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง คลั่งรักเมียแต่ง และ สวนนี้เจ้าของดุ ค่ะ
คำโปรย
เมื่อเขาและเธอต่างฝ่ายต่างตกกระไดพลอยโจน จำยอมต้องมาข้องเกี่ยวกันเป็นเวลาเจ็ดวัน แต่เมื่อถึงวันที่ต้องจากกัน ทำให้ทั้งสองได้รู้ว่า ตัวเองได้ตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว
แนะนำตัวละคร
เหมันต์ อายุ 38 ปี
ความรักที่ไม่สมหวังครั้งเมื่ออดีต ทำให้เขาไม่อยากมีใครอีก จนกระทั่งได้มาเจอกระต่ายน้อยอย่างเธอ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มรู้ใจตัวเองอีกครั้ง
กระต่าย อายุ 25 ปี
ชีวิตของเธอเจอมรสุมครั้งใหญ่ โดยมีเขา(ลุงเช่า)ยืนเคียงข้างเธอไม่ไปไหน นั่นจึงทำให้เขาได้เข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอโดยไม่รู้ตัว
เช่าลุงคือ...อาชีพให้เช่าคุณลุง มีคุณลุงให้เลือกหลากหลาย แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน ผู้เช่าสามารถเลือกเช่าได้ตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่นอยากปรึกษาหรือหาเพื่อนคุย หรือจะเช่าไปทำงานบ้านก็ย่อมได้
♡♡♡♡♡♡
?นิยายเซ็ตนี้มี 3 เรื่องค่ะ?
(1.คลั่งรักเมียแต่ง /พี่ภูมิ&เจ้าขา)
(2.สวนนี้เจ้าของดุ / พี่พี&หนูเล็ก)
(3.กระต่ายน้อยเช่าลุง / ลุงเหม&กระต่าย)
?ทั้งสามเรื่องนี้สามารถอ่านแยกได้ไม่งงแน่นอนค่ะ
นิยายทั้งสามเรื่องนี้ ฟีลกู๊ด อบอุ่น ไม่มีมือที่สาม แนวบ้านนอก พระเอก หล่อ รวย มีอาชีพทำสวนค่ะ
ตอนที่ 1 ปัญหาชีวิต
เหมันต์(พี่เหม) เจ้าของสวนองุ่นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงราย เขาเป็นลูกคนเล็ก มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อพีรเดช(พี่พี) พี่ชายของเขาได้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนเขาในวัยสามสิบแปดปียังคงโสดสนิท ความรักครั้งล่าสุดที่ไม่สมหวัง ทำให้เขาไม่อยากเปิดใจให้ผู้หญิงคนไหนอีกเลย
กระต่าย(ต่าย) เจ้าของร้านจัดดอกไม้ในตัวจังหวัดเชียงใหม่ เธอไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไป เธอจึงเลือกเรียนวิชาเฉพาะด้านแทน หวังเอาความรู้ที่ได้มา ไว้ทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง เธอเริ่มจัดดอกไม้จากร้านเล็กๆ ตั้งแต่อายุสิบแปด ปัจจุบันเธอมีอายุยี่สิบห้าปีเต็ม ร้านของเธอขยายใหญ่กว่าจากแต่ก่อนนี้มาก เธอมีรายได้เลี้ยงตัวเองมาจากงานจัดดอกไม้ แต่ชีวิตของเธอกลับไม่ได้สวยงามเหมือนดอกไม้ในร้านที่เธอจัด
พ่อกับแม่ของเธอแยกทางกัน พ่อมีภรรยาใหม่ตั้งแต่เธอยังเด็ก ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดู ส่วนแม่ก็มีสามีใหม่ แถมแม่ยังชอบมาขอเงินเธอเพื่อเอาไปบำรุงสามีใหม่อยู่บ่อยๆ ส่วนพ่อเลี้ยง ทุกครั้งที่แม่ของเธอเผลอ ผู้ชายคนปัจจุบันก็มักจะชอบมาแอบลวนลามเธอเป็นประจำ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เธอต้องขอแยกออกมาอยู่ส่วนตัว ร้านดอกไม้จึงเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานของเธอ
“กริ๊ง!...” เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น ทำให้เจ้าของร้านรู้ได้ทันทีว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในร้าน
“เชิญค่ะ” เสียงหวานหูเอ่ยต้อนรับคิดว่าเป็นลูกค้า แต่ทว่าคนที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่ลูกค้าอย่างที่เธอคิด
“กูเอง” เสียงที่ได้ยินกี่ครั้งก็รู้สึกรังเกียจทุกครั้ง คนที่เดินเข้ามาคือสามีแม่ พ่อเลี้ยงของเธอนั่นเอง
“มาทำไม” เธอหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ ทันใดนั้นสีหน้ายินดีเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที เธอไม่ต้อนรับผู้ชายคนนี้ทุกกรณี
“แม่มึงให้กูมายืมเงิน”
“ไม่มี ถึงมีก็ไม่ให้” คนที่เธอไม่อยากให้ก็คือคนที่มายืมต่างหาก
“อีลูกอกตัญญู!”
“เป็นผัวแต่ชอบทำตัวเป็นปลิง!” ด่ามาด่ากลับ! ถึงแม้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะมีอายุมากกว่าเธอหลายปีก็ตาม
“อีนี่! ปากดีนัก กูอายุเท่าไหร่ แล้วมึงอายุเท่าไหร่”
"นิสัยสันดานเสียแบบนี้ ต่อให้อายุเป็นร้อยหนูก็ไม่เคารพหรอก ออกจากร้านไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"เอาเงินมาก่อน แล้วกูจะไป"
“เป็นผัวก็ควรทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว หาเงินเลี้ยงดูเมีย แต่นี่นอกจากจะไม่หาเงินแล้ว ยังทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดอีกต่างหาก”
".........." เมื่อเธอไม่ยอมให้แต่โดยดี ผู้ชายที่เป็นสามีของแม่ จึงค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้ามาหา สีหน้าของเขาดูจริงจังน่ากลัว กระต่ายจึงแสร้งทำเป็นใจดีสู้เสือ แต่ใจในของเธอรู้สึกกลัวทุกครั้งที่เห็นหน้าผู้ชายคนนี้
“อย่าเข้ามานะ!” ด้านหน้าร้านเป็นกระจกใส แน่นอนว่าคนด้านนอกคงเห็นเธอได้ไม่ยาก ก่อนหน้านี้เธอได้บอกเพื่อนบ้านข้างเคียงไว้แล้วว่าถ้าผู้ชายคนนี้มา ให้มองดูเธอด้วย เพราะนั่นหมายความว่าเธออาจจะมีอันตราย
“กูขอยืมสองหมื่น” ครั้งนี้ขอเยอะกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา...จะเอาไปทำอะไร?
"ขอยืม! ที่ยืมไปใช้คืนก่อนมั้ย ไม่อายบ้างหรือไง มาขอเงินเด็กใช้"
"ครั้งนี้กูกับแม่ของมึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ"
“อย่าเอาแม่มาอ้าง” ถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ แม่ไม่มาขอหรอก แต่ทุกครั้งที่แม่มาขอ ต่อครั้งก็แค่หลักพันเท่านั้น
“แม่มึงรู้ จะให้หรือไม่ให้”
“ไม่ให้!” เธอรู้สึกเหม็นขี้หน้าผัวแม่คนนี้มาก หลังจากที่พ่อกับแม่แยกทางกัน แม่ของเธอก็มีผัวใหม่มาตลอด ที่ผ่านๆมามีดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่คนนี้เลวสุด แต่แม่ของเธอกลับอยู่กับคนนี้ได้นานที่สุดเช่นกัน และแล้วฝ่ามือหยาบกร้านก็คว้าจับมาที่ข้อมือของเธอทันที
“ปล่อยนะ ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” เธอรีบร้องให้คนช่วยพร้อมกับสะบัดข้อมืออย่างแรงเพื่อให้หลุดออกจากการจับกุมของผู้ชายสารเลวตรงหน้า
“กริ๊ง!...ไอ้แสน มึงเป็นแค่พ่อเลี้ยง ปล่อยไอ้ต่ายเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่อย่างนั้นกูจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้” และแล้วลุงมิ่งร้านขายไวน์ข้างเคียงก็เปิดประตูเข้ามาช่วย
"อย่ามายุ่ง!"
"ลุง...ช่วยหนูด้วย ตะโกนดังๆเลย"
"อีต่ายหุบปาก! ถ้าไม่อยากโดนตบ"
"จะตบก็ตบเลย กูอยากเอามึงเข้าคุกตั้งนานแล้ว"
"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ไอ้แสนมันกำลังทำร้ายไอ้ต่าย" เสียงลุงมิ่งร้องให้คนช่วย และแล้วเพื่อนบ้านร้านข้างเคียงก็ทยอยพากันเดินเข้ามา มองเห็นได้ชัดจากด้านในเพราะหน้าร้านเป็นกระจกใส
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ทันใดนั้นคนขี้ขลาดอย่างไอ้แสนก็ยอมปล่อยมือแล้วรีบเดินออกจากร้านไปด้วยความรวดเร็ว
“ขอบคุณมากนะจ๊ะลุง”
"เป็นยังไงบ้าง ไอ้แสนมันทำร้ายอะไรมึงมั้ย"
"ไม่จ้า ขอบคุณทุกคนมากที่มาช่วย" เมื่อเห็นว่ากระต่ายไม่ได้มีอันตรายอะไร พ่อค้าแม่ค้าร้านข้างเคียงจึงพากันเดินกลับออกไป เหลือแค่ลุงมิ่ง
“คนแบบนี้เมื่อไหร่มันจะตายๆไปสักที”
“นั่นสิจ๊ะ สงสารก็แต่แม่ ไม่รู้เวรกรรมอะไรถึงได้มาเจอคนแบบนี้” ในขณะที่แสนเดินออกจากร้านไปแล้ว เก้าก็เดินเข้ามาในร้าน
นพเก้าหรือเก้า เป็นเพื่อนกับกระต่ายตั้งแต่สมัยเรียน ที่บ้านมีโรงหมักไวน์ที่ทำจากผลไม้ตามฤดูกาลที่หาได้ สำหรับมาตรฐานคุณภาพไวน์ตรงตามที่มาตรฐานสมาคมไวน์ไทยกำหนดทุกอย่าง ส่วนหน้าร้านขายปลีกและขายส่ง มีพ่อของเขาคอยดูแลช่วยตรงส่วนนี้ให้
“พ่อ ไอ้ต่าย น้าแสนมาอีกแล้วเหรอเห็นหลังไวๆ”
“อือ...”
“วันนี้ไอ้หน้าตัวเมียนั่นมันมาพูดอะไรอีก”
“ขอเงินสองหมื่น”
“เงินไม่ใช่น้อย มันจะเอาไปทำอะไร”
“นั่นสิหนูก็ไม่รู้เหมือนกัน ปกติที่เคยมาขอก็พันสองพัน วันนี้มาแปลกจะเอาตั้งสองหมื่นเรื่องอะไรหนูจะให้”
“แล้วแม่เอ็งรู้เรื่องนี้มั้ย”
“น้าแสนบอกว่าแม่รู้ แต่หนูไม่เชื่อมันหรอก”
“อือ...ตอแหลจนเคยตัว ไม่รู้อะไรจริง อะไรไม่จริง”
“นั่นสิ แล้วน้าแสนทำอะไรเอ็งหรือเปล่าไอ้ต่าย”
“ยังไม่ทันได้ทำอะไร พอดีลุงมิ่งเข้ามาช่วยก่อน ขอบคุณลุงมากนะจ๊ะ”
“กลางวันแสกๆมันยังกล้า มืดค่ำยังไงก็ปิดร้านให้ดี กลางคืนมีคนเรียกก็อย่าออกมา”
“จ้าลุง หนูรู้”
“อือ งั้นลุงกลับร้านก่อนนะ ลูกค้ามา” ลุงมิ่งเดินกลับออกไป
“นี่...ไม่เป็นอะไรแน่นะ” นพเก้าถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“อือ...ไม่เป็นไร”
“ตกลงจะไปด้วยกันมั้ย” นพเก้านัดกับเพื่อนๆผู้ชายด้วยกันเอาไว้สองสามคนว่าจะพากันขึ้นดอยสักอาทิตย์ ไปแจกขนมเด็กๆบนดอย ช่วยทาสีและซ่อมแซมโรงเรียนให้กับเด็กๆ ซึ่งเขามักจะทำแบบนี้ทุกปี ปีละหนึ่งครั้ง ป่านนี้เด็กๆคงรอแล้ว แต่ทุกปีที่ผ่านมาเขาไปแค่แจกขนมกับอุปกรณ์การเรียนเท่านั้นเสร็จแล้วก็กลับ แต่ปีนี้อยากไปช่วยซ่อมแซมโรงเรียน จึงตั้งใจไปหลายวันหน่อย อากาศบนดอยตอนนี้เย็นสบายจึงอยากพากระต่ายไปด้วย
“ไปกันเถอะ ไม่อยากปิดร้านนาน เดี๋ยวฝากเงินไปซื้อขนมแจกเด็กๆด้วย”
“ให้เท่าไหร่”
“สองพันพอเปล่า”
“ขี้งก”
“ตามกำลังศรัทธาโว้ย”
“อยากให้อะไรเด็กๆ จะไปซื้อเองหรือจะให้กูไปซื้อให้”
“มึงไปซื้อเถอะ วันนี้มีออร์เดอร์จัดดอกไม้งานศพสามงาน พรุ่งนี้รับงานแต่งไว้หนึ่งงาน ไหนจะจัดเป็นช่อให้ลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาอีก ไม่ว่างเลยว่ะ” พูดให้เพื่อนฟังพร้อมกับเดินไปหยิบเงินจำนวนสองพันส่งให้เพื่อนไปร่วมทำบุญกับเด็กๆด้วย
“อ่ะ ฝากด้วยนะ เผื่อเกิดชาติหน้ากูจะได้มีครอบครัวดีๆกับเขาบ้าง”
“เลือกเกิดไม่ได้ ทำไมไม่เลือกสร้างเอาใหม่ล่ะ” นพเก้าหมายถึงครอบครัวอบอุ่นในแบบที่เธอต้องการ โดยมีเขาเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
“ไปได้แล้ว...จะไปพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวซื้อของไม่ทันนะ”
“เออ...ช่วงที่กูไม่อยู่ มึงก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“รู้แล้วน่า ไปได้แล้ว”