บทที่ 3 สถานะที่เลือกไม่ได้ 3
อรอนงค์เดินเข้ามาในบ้าน สองมือเต็มด้วยถุงพลาสติกใส่ของมากมายพะรุงพะรัง ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ และอาหาร ทันทีที่เห็นร่างสูงคุ้นตาเดินลงบันไดมา หล่อนก็ยิ้มกว้าง ปราดเข้าไปหาแล้วเอ่ยถาม
“เมื่อช่วงสายพี่เบ็คเป็นอะไรไปคะ อยู่ดีๆผลุนผลันออกจากบ้านไป”
“ไปรับตัวยัยดื้อมาน่ะสิ” เขาตอบ ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบกระป๋องเบียร์ออกมาดื่มด้วยท่าทางกระหาย
“ยัยดื้อ ?”
เห็นสีหน้างงๆของผู้ที่เป็นเหมือนน้องสาวแล้ว ชายหนุ่มจึงต้องขยายความเพิ่มเติม
“ก็คุณพิมไง”
“อ้อ…ฆาตกร พี่เบ็คคิดดีแล้วเหรอคะที่จะเอาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านอีก เมื่อก่อนมันคิดจะฆ่าคุณเอลิซ่า ในอนาคตมันอาจจะคิดฆ่าเราสองคนก็ได้นะคะ ที่ที่คนแบบนั้นสมควรอยู่มีแค่ในเรือนจำเท่านั้นแหละค่ะ” อรอนงค์ใส่อารมณ์เต็มที่ หล่อนยังจำได้ดีถึงภาพติดตาที่ไม่ยอมเลือนหาย
หญิงสูงวัยที่นอนสิ้นสติบนพื้นท่ามกลางเลือดสีแดงฉานที่ไหลนอง !
“พี่ส่งคุณพิมให้ตำรวจไม่ได้” เบ็คส่ายหน้าช้าๆ
“ทำไมคะ”
“เพราะมี๊ไม่อยากให้พี่ทำแบบนั้นน่ะสิ” เขาตอบพลางถอนหายใจ เมื่อความคิดหวนนึกถึงอดีตเมื่อหลายวันก่อน
เอลิซ่านอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงกว้างหรู แม้ภายในห้องจะประดับด้วยสีชมพูสว่างไสวแต่กลับให้ความรู้สึกหม่นหมองมากกว่าจะสดชื่นเมื่อเจ้าของห้องเอาแต่นอนตาลอยคว้างมองเพดานอย่างไร้จุดหมาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงชรา ทำให้ไม่อาจพูดได้ แขนขวาใช้งานไม่ได้ และขาข้างซ้ายเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ แม้ว่าหมอจะยืนยันว่ามีโอกาสหาย แต่การต้องนอนเงียบเหงาอยู่บนเตียงทั้งๆที่เคยเดินเหินได้มันช่างทรมานนัก
ทุกครั้งที่เบ็คซึ่งเป็นบุตรชายเข้ามาหา หล่อนจะมีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนมีความสุข แต่พอเขาเล่าให้มารดาฟังว่าพิไลวรรณเป็นคนผลักให้เอลิซ่าตกบันได เรื่องอาจต้องถึงมือกฎหมาย เอลิซ่ากลับทำหน้ากราดเกรี้ยว มือซ้ายที่ขยับได้ระดมทุบเขาเป็นพัลวันเหมือนไม่พอใจที่เขาจะทำเช่นนั้น
กิริยาของผู้ให้กำเนิดสร้างความฉงนให้แก่เบ็คไม่น้อย คนที่จะรู้ดีที่สุดว่าใครเป็นฆาตกรก็คือเอลิซ่า แล้วทำไมหล่อนถึงไม่อยากให้พิไลวรรณติดคุก
แม้จะนึกสงสัยอยู่ครามครัน แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่รับปากกับแม่ว่าจะไม่ส่งหล่อนให้ตำรวจ แม้กฎหมายจะทำอะไรคนอย่างพิไลวรรณไม่ได้ แต่เขานี่แหละจะเป็นคนลงทัณฑ์หญิงสาวด้วยมือคู่นี้เอง
พอนึกถึงใบหน้าหวานๆน่ารักเหมือนตุ๊กตาของพิไลวรรณทีไร เขาเป็นต้องเจ็บจี๊ดกลางอก ทั้งชอบทั้งชัง ความรู้สึกตีกันวุ่นอยู่ในอก
เมื่อคราวที่หล่อนมาสมัครเป็นครูติวภาษาไทยให้เขา เขานึกสะดุดตาหล่อนตั้งแต่แรกเห็น รอยยิ้มกว้างสดใส ดวงตาเป็นประกายราวแสงอาทิตย์ ทำให้เขาเริ่มไขว้เขว นึกปรารถนาอยากดึงหล่อนมากอดก็หลายครั้ง จนเวลาผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ เขาก็อยากสานสัมพันธ์กับพิไลวรรณที่นอกเหนือจากการเป็นครูกับลูกศิษย์ ด้วยการอยากชวนหล่อนออกเดตสักครั้ง
ทว่า…ยังไม่ทันได้ทำตามที่ใจต้องการ ก็มีเรื่องน่าตกใจขึ้นเสียก่อนเมื่อเอลิซ่าถูกพิไลวรรณผลักจนตกบันได จากนั้นก็รีบหนีความผิดด้วยการวิ่งออกไปข้างนอก และก็ถูกรถชนจนสูญเสียความทรงจำไป
“ทำไมคุณเอลิซ่าต้องปกป้องคนผิดด้วย” อรอนงค์ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้านวลเผือดสีลงอย่างเห็นได้ชัด และคำถามนี้ก็ช่วยฉุดดึงความคิดที่ล่องลอยไปไกลของเบ็คให้กลับคืนสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน
“ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆคือพี่ไม่อยากขัดใจมี๊”
“พี่เบ็คเลยจะเอานังฆาตกรนั่นเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับเราเหรอคะ มันอันตรายนะ พี่กล้าไว้ใจได้ไง”
“พี่ว่าคงไม่เป็นอะไรหรอกอร พิมดูเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่ลืมตาฟื้น เขาจำอะไรไม่ได้แถมยังดูใสซื่อ พิมในตอนนี้คงไม่คิดร้ายกับใครหรอก”
“พี่เบ็คมองโลกในแง่ดีเกินไป” อรอนงค์พูดเสียงดัง ตากลมวาววับเมื่อพ่นประโยคถัดมา “ฆาตกร…จิตใต้สำนึกมันต้องมีความเหี้ยมโหดอยู่ดี ถึงตอนนี้จะทำอาโนเนะว่าป่วยจำอะไรไม่ได้ แต่ส่วนลึกในใจต้องมีสัญชาตญาณความป่าเถื่อนอยู่แน่ๆ”
“แล้วอรจะให้พี่ทำยังไง ถ้างั้นพี่ไปหาที่อยู่ใหม่ก็ได้ อรจะได้ไม่เห็นหน้าพิมให้แสลงใจ”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนค่อยๆผ่อนออกมาอย่างช้าๆเพื่อสงบจิตใจ จากนั้นก็เอ่ยเสียงอ่อน
“ไม่ต้องไปอยู่ที่อื่นหรอกค่ะพี่เบ็ค เพราะคุณเอลิซ่าก็เป็นภรรยาใหม่ของพ่ออร เราก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน พี่เบ็คมีสิทธิ์อยู่บ้านหลังนี้เหมือนกัน”
“แต่อรไม่สบายใจไม่ใช่เหรอไง” เขาถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ใช่ค่ะ อรไม่สบายใจเพราะเหมือนพี่เบ็คจะลืมไปแล้วว่านังพิมเป็นฆาตกรที่คิดจะฆ่าคุณเอลิซ่า บางทีอรก็รู้สึกเหมือนพี่จะรู้สึกดีกับนังฆาตกรนั่น ทั้งๆที่มันทำร้ายแม่ของพี่จนต้องกลายเป็นอัมพาตแบบนั้นแท้ๆ” หล่อนทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น แล้วก็เดินหิ้วของขึ้นชั้นสองไปเลยโดยไม่ยอมพูดอะไรอีก ขณะที่เบ็คยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆแล้วหลับตาลง
บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ แม้จะหลงใหลในหน้าตาและความสดใสของพิไลวรรณ แต่หล่อนก็เลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะคิดเป็นอื่นได้
ถึงจะย้ำกับตัวเองว่าที่ไม่เอาผิดกับหล่อนทางกฎหมายเพราะเอลิซ่าขอไว้ แต่ทว่าส่วนลึกของหัวใจกลับอดยอมรับไม่ได้ว่า…เขาพ่ายแพ้ดวงตากลมโตไร้เดียงสาคู่นั้น นึกเวทนาที่หล่อนความจำเสื่อม
ซึ่งความรู้สึกอย่างหลังนี่แหละที่เป็นปัญหา…ที่ยังคิดสงสารคงเป็นเพราะยังตัดความต้องการที่เคยมีในตอนแรกของตัวเองออกไม่ขาด
จนนำพาไปสู่…บทลงทัณฑ์สวาทที่เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า การที่แกล้งบังคับเอาหล่อนเป็นเมียนั้น ท้ายที่สุดแล้ว คนที่เจ็บปวดอาจไม่ใช่หล่อนแต่คงเป็นเขาเสียเอง !