ตอนที่ 3
หลังออกมาจากห้องรับแขกที่พากรแก้วเข้าไปพักแล้ว ลัลดาก็เดินตรงไปยังบันได เพื่อที่จะลงไปชั้นล่าง และกลับไปยังเรือนพักของตัวเองที่อยู่นอกตัวตึกใหญ่ แต่ก็ต้องชะงักงัน เมื่อสายตาไปสะดุดเข้าที่ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมผ้าขนหนูสีขาวของเมสัน ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่ริมระเบียงที่ยื่นยาวออกไปนอกตัวตึก
หล่อนชะงักเท้า อดที่จะหยุดยืนมองและชื่นชมเรือนร่างสมบูรณ์แบบของเขาไม่ได้ หัวใจของหล่อนไม่เคยที่จะหยุดรักเขาได้เลย แม้มันจะเป็นความรักที่ไม่มีทางสมหวังก็ตาม
แค่ได้แอบรักเงียบๆ แอบรักอยู่ภายในใจ แค่นี้ก็ดีมากแล้วสำหรับดอกหญ้าไร้ราคาเช่นหล่อน
เมื่อได้สติก็จะก้าวเดินผ่านไป แต่โชคร้ายที่เมสันหมุนตัวกลับเข้ามาพอดี เขาเห็นหล่อนเต็มตา
สายตาคมกริบทำให้หล่อนแข้งขาอ่อนจนน่าตกใจ หล่อนปากสั่น หัวใจก็สั่น และคล้ายจะเป็นลม
“เรื่องความอ่อย ไว้ใจเธอได้จริงๆ เลยนะ ลัลดา”
เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า และสาดวาจาเจ็บแสบใส่หน้าหล่อนอย่างไร้ความปรานีเช่นเคย
ลัลดารีบรวบรวมสติ ก้าวถอยหลังออกห่าง
“ลัล...กำลังจะกลับไปเรือนพักน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ อุ๊ย...”
คงเป็นเพราะความหวาดกลัวที่ทะลักไหลอยู่ในอก ทำให้หล่อนก้าวพลาด สะดุดขาตัวเองจนหน้าจะคะมำลงไปกับพื้น มือใหญ่คว้าเอวคอดเอาไว้ และด้วยแรงดึงทำให้ร่างเล็กเสียหลักถลาเข้าไปในอ้อมแขนทรงพลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เสมือนหลงเข้าไปในสนามไฟฟ้าแรงดันสูง หล่อนเผยอปาก เบิกตากว้างมองคนที่กำลังกอดรัดอยู่รอบกายด้วยความตื่นตระหนก เขาเองก็คล้ายกับว่าจะตกใจไม่แพ้กัน
กลิ่นหอมเซ็กซี่ที่มันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเมสันโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก และทำให้หล่อนยิ่งมึนเมา หล่อนจำกลิ่นของเขาได้ เพราะหล่อนมักจะแอบดมเสื้อผ้าของเขายามที่นำไปซักทำความสะอาดเสมอ
“แกล้งสะดุดขาตัวเองก็ได้นะ”
น้ำเสียงเยาะหยันดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างของหล่อนที่ถูกผลักออกห่าง ลัลดาหน้าแดงก่ำ
“ลัล...ขอตัวนะคะ”
หล่อนไม่คิดจะปฏิเสธเมื่อถูกกล่าวหา เพราะรู้ดีว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดของเมสันที่มีต่อตัวเองได้ เขาเกลียดหล่อน คงจะเกลียดแบบนี้ไปชั่วชีวิต
“ไสหัวไปให้พ้น แล้วอย่ามาเข้าใกล้ฉันอีก”
หล่อนแทบจะวิ่งลงบันไดเลยทีเดียว ไม่รู้น้ำตาจากไหนนักหนาไหลออกมาอาบแก้ม
แม้จะเจ็บจะปวดกับน้ำคำไร้ความเมตตาของเมสันสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง แต่หัวใจไม่รักดีก็ยังคงดื้อดึงจะรัก...จะรักเขาต่อไปไม่ยอมเปลี่ยน นี่หล่อนโง่มากใช่ไหม
เมสันสบถออกมาอย่างโมโห กรามแกร่งขบกันแน่น เกลียดขี้หน้าลัลดาที่สุด
“ฉันเกลียดเธอ ผู้หญิงเจ้ามารยา!”
แล้วชายหนุ่มก็ก้าวหายกลับเข้าไปในห้องนอน กรแก้วที่ออกมาเห็นว่าทั้งคู่กอดกันพอดี จึงก้าวออกมาจากที่เร้นกาย ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“นึกแล้วเชียวว่าแกต้องไว้ใจไม่ได้ อีนังคนใช้หัวสูง!”
๒
เช้าวันต่อมา ลัลดาพยายามหลบหน้าเมสัน แต่ก็ถูกกรแก้วเรียกให้เข้าไปรับใช้ในห้องอาหารอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เธอช่วยทำอาหารเช้าให้ฉันใหม่ทีนะ ฉันอยากกินข้าวต้มกุ้ง ช่วงนี้กินหมูไม่ได้น่ะ”
“เอ่อ ได้ค่ะ”
“ขอเร็วหน่อยนะ ฉันหิว”
“ค่ะ”
ลัลดารับปาก ก่อนจะรีบจัดการเก็บชามข้าวต้มหมูออกไปจากตรงหน้าของกรแก้ว และรีบเข้าไปในครัว แม่ครัวกำลังเตรียมอาหารอื่นอยู่ ซึ่งยุ่งมาก หล่อนจึงต้องทำเอง
ใช้เวลาสักพักข้าวต้มกุ้งหอมกรุ่นก็เสร็จ หล่อนรีบยกเข้าไปให้กรแก้วในห้องอาหาร และก็ตั้งใจว่าจะรีบออกมาก่อนที่เมสันจะทันเข้ามากินอาหารเช้า
“อ้อ ฉันขอโทษทีนะลัลดา ฉันลืมไปน่ะว่าฉันแพ้กุ้งเหมือนกัน”
“เอ่อ...” ลัลดาพูดไม่ออก
“งั้นขอเป็นข้าวต้มไก่แล้วกันนะ” กรแก้วขอโทษขอโพย ทำหน้าสำนึกผิด
“ได้ค่ะ งั้นรอสักครู่นะคะ”
“อืม ขอบใจนะ”
ลัลดาเดินยกชามข้าวต้มหายออกไปจากห้องอาหารแล้ว กรแก้วก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“มึงอยากอ่อยผู้ชายของกูนักนี่”
“อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะครับกร” เสียงของเมสันกล่าวทักทาย กรแก้วรีบหันไปยิ้มหวานให้
“มาแล้วเหรอคะ กรกำลังรออยู่พอดีเลยค่ะ”
เมสันเดินมานั่งที่หัวโต๊ะ ตอนนี้ที่บ้านของเขาไม่มีใครอยู่เลย แต่ละคนพาภรรยาไปพักผ่อนตากอากาศกันหมด เหลือแต่เขาคนเดียวที่ยังโสด และต้องทำงานหนักเพื่อลืมอดีต
“เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ”
“หลับเป็นตายเลยค่ะ คงเพราะง่วงมาก” กรแก้วสบตากับเมสัน ยิ้มหวานทอดสะพาน “ขอบคุณมากนะคะไมค์ ที่ให้ที่พักพิงกับคนต่างจังหวัดอย่างกร”
เมสันหัวเราะร่วน “อะไรกัน ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรนี่ครับ เราเป็นเพื่อนกันนะ คุณจะอยู่ที่นี่สักอาทิตย์ก็ยังได้เลยครับ”
คนฟังหัวใจพองฟู แต่ก็ไม่อยากให้ไก่ตื่นเสียก่อน
“ขอบคุณมากค่ะ แต่กรไปอยู่โรงแรมดีกว่า ไม่อยากรบกวนคนของคุณน่ะค่ะ”
“รบกวนอะไรกันครับ คนที่นี่ยินดีต้อนรับคุณเสมอ”
เมสันตักข้าวต้มหมูใส่ปากหลายคำติด สีหน้าบอกให้รู้ว่ากำลังเอร็ดอร่อยมาก
“อร่อยเหรอคะ”
“ครับ อร่อยดี วันนี้แม่ครัวฝีมือดีขึ้นเยอะเชียว”
กรแก้วลอบทำหน้าบูด เพราะหล่อนรู้ดีว่าวันนี้ใครเป็นคนทำอาหารเช้าบนโต๊ะ
“แล้วคุณรู้ไหมคะว่าแม่ครัวคนไหนทำอาหารเช้าวันนี้”
เมสันส่ายหน้าน้อยๆ ไม่สนใจ “ไม่จำเป็นที่ผมต้องรู้นี่ครับ แค่มีอาหารเช้าให้กินทุกมื้อก็พอ”
“ลัลดาเป็นคนทำค่ะ”
คนที่กำลังตักข้าวต้มใส่ปากชะงัก ก่อนจะวางช้อนลงกับชามจนเกิดเสียงดัง
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอคะ” กรแก้วลอบยิ้ม ก่อนจะตีหน้าซื่อตาใสถามออกไป
“กินไม่ลงแล้วล่ะครับ คราวหน้าคราวหลังอย่าเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้ให้ผมได้ยินอีกนะกร ผมไม่ชอบ”
“คุณเกลียดลัลดามากเลยเหรอคะ”
กรแก้วเอ่ยถามเมื่อหางตาเห็นร่างของลัลดากำลังประคองถ้วยข้าวต้มไก่เข้ามา
“เกลียดที่สุดในโลก”
เคล้ง!!
เสียงชามตกกระแทกกับพื้น เศษข้าวและน้ำของมันกระจายเปื้อนเปรอะเต็มห้อง
“ขะ ขอโทษค่ะ”
ลัลดาตกใจหน้าซีดเผือด รีบก้มลงกวาดเศษชามกระเบื้องด้วยฝ่ามือเปล่าๆ ของตัวเอง เลือดสีแดงสดไหลออกมาเมื่อนิ้วถูกกระเบื้องคมๆ บาดจนเป็นแผล
เมสันเห็นเข้าก็กระโจนเข้าไปกระชากร่างเล็กสั่นเทาให้ลุกขึ้น ก่อนจะผลักออกไปจากจุดที่ชามข้าวต้มตกแตกทันที
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!”
“ลัล...ลัลขอโทษค่ะ”
ใบหน้าของเมสันแดงก่ำด้วยโทสะ เขาลดสายตามองนิ้วเรียวที่มีเลือดไหลออกมาอย่างโมโห
“นอกจากเจ้ามารยาแล้ว ยังจะโง่อีก” เขาคว้ามือเรียวข้างที่เปื้อนเลือดขึ้นมาบีบเอาไว้ “เห็นไหมว่าเลือดไหลขนาดไหน รีบไปทำแผลเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวลัลเก็บก่อน”
“หูแตกหรือไง ฉันบอกให้ไปทำแผล!”
เขาตวาดเสียงดังกังวานราวกับเสียงฟ้าคำราม ไม่ใช่แค่ลัลดาคนเดียวหรอกที่สะดุ้งตกใจ แต่กรแก้วเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นเมสันเผลอแสดงความห่วงใยสาวใช้คนสวยแบบนี้
“แต่...ลัล...ทำพื้นเปรอะ ลัลต้องเช็ดก่อน...”
“แค่ทำความสะอาดพื้นใครทำก็ได้ ไม่เห็นต้องเป็นคนโง่ๆ อย่างเธอเลย รีบไปเลยนะ ไปทำแผลเดี๋ยวนี้”
หล่อนเม้มปากน้ำตาไหลพราก ยังไม่ยอมขยับ เมสันที่ทนไม่ไหวจึงต้องลากแขนของลัลดาให้ตรงไปยังห้องพยาบาลประจำคฤหาสน์มาเลซาสโซด้วยตัวเอง
“คุณไมค์...ปล่อย...ปล่อยลัลเถอะค่ะ”
“หุบปาก อยากเลือดไหลหมดตัวตายหรือไง”
เขาเค้นเสียงดุดันน่ากลัวออกมา และมันก็ทำให้หล่อนจำต้องหุบปากตามคำสั่งอย่างไม่มีทางขัดขืนได้
กรแก้วรีบเดินตามออกไป มองเมสันที่ลากร่างของลัลดาห่างออกไปด้วยสายตาเจ็บแค้น หล่อนระแวงว่าเมสันจะตกบ่วงสวาทของ ลัลดาเสมอมา เพราะผู้หญิงคนนี้สวยมาก และตอนนี้...ตอนที่ได้เห็นความห่วงใยลืมตัวของเมสัน หล่อนก็ยิ่งเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
เมสันเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาลประจำคฤหาสน์หรูของตัวเองในสิบนาทีต่อมา ซึ่งก็ได้เจอกรแก้วดักรออยู่
“ลัลดาเป็นยังไงบ้างคะ”
หล่อนแสร้งถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ตายหรอกครับ ไกลหัวใจขนาดนั้น”
ชายหนุ่มตอบเสียงหงุดหงิด ก่อนจะเดินห่างออกไป กรแก้วรีบเดินตามไปติดๆ
“อ้าว กรก็นึกว่าเป็นเยอะ เห็นคุณทำหน้าตกใจมาก”
เมสันหยุดเดิน หันมาจ้องหน้ากรแก้ว
“ผมเนี่ยนะทำหน้าตกใจมาก บ้าไปแล้ว ผมจะทำอย่างนั้นทำไมกัน ในเมื่อผมเกลียดลัลดาจะตายไป”
“แต่กรเห็นจริงๆ นะคะ สีหน้าของคุณตอนเห็นเลือดไหลออกมาจากนิ้วของสาวใช้นั่น คล้ายกับสีหน้าของคุณตอนที่ญาญ่าประสบอุบัติเหตุตกบันไดที่มหา’ลัย ไม่มีผิดเลยค่ะ”
เมสันยืนนิ่ง กรามแกร่งขบกันแน่น
“อย่าเอาผู้หญิงจอมมารยาคนนั้นมาเปรียบเทียบกับญาญ่าเด็ดขาด และที่สำคัญ ผมไม่เคยห่วงใยลัลดา ก็แค่ไม่อยากให้มาตายคาบ้านเท่านั้นเอง”
“อ๋อ...ค่ะ กรจะจำไว้ค่ะ” กรแก้วระบายยิ้มน้อยๆ “งั้นเราไปกินข้าวกันต่อดีกว่าไหมคะ”
“คุณไปกินต่อเถอะกร ผมไม่มีอารมณ์กินแล้ว”
“ดีเลยค่ะ กรก็ยังไม่หิวเลย งั้นเราไปโรงพยาบาลกันเลยดีกว่าค่ะ กรจะได้ไปเอารถด้วย”
เมสันผงกศีรษะตกลง ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินจากไปโดยไม่พูดคำใดออกมาอีก
กรแก้วก้าวตามไปเงียบๆ สายตาเต็มไปด้วยความสะใจ